คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประสม เภกะสุต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 678 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมกรรมความผิดฐานชุลมุนต่อสู้กับความผิดฐานฆ่าโดยเจตนา ศาลฎีกาตัดสินว่ากรรมเดียว
จำเลยสี่คนกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง มีอาวุธเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้กัน จนเป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตายสองคนและได้รับอันตรายสาหัสอีกคนหนึ่ง ผู้ตายคนหนึ่งถึงแก่ความตายเพราะถูกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยิงในการชุลมุนต่อสู้กันนั้นเช่นนี้ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทคือ จำเลยทุกคนผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294, 299, 83เฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 288 อีกบทหนึ่งซึ่งจะต้องลงโทษจำเลยสองคนนี้ตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ถูกต้องได้ (แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย: การพิจารณาเจตนา, บันดาลโทสะ, และการป้องกันตัว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยบันดาลโทสะลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยอุทธรณ์ว่ากระทำเพื่อป้องกันตัว ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ลงโทษจำคุก 3 ปี โจทก์ฎีกาว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะหรือเพื่อป้องกันตัวพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุก 15 ปี แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกเพียง 4 ปี โจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาจะลงโทษจำเลยหนักกว่านั้นไม่ได้ จึงให้จำคุกจำเลย 4 ปีเท่ากำหนดโทษของศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา: ศาลฎีกาพิพากษาตามโทษเดิม แม้เห็นว่ามีเหตุร้ายแรงกว่าที่ศาลล่างวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยบันดาลโทสะลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยอุทธรณ์ว่ากระทำเพื่อป้องกันตัว ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ลงโทษจำคุก 3 ปี โจทก์ฎีกาว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะหรือเพื่อป้องกันตัวพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุก 15 ปี แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกเพียง 4 ปี โจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาจะลงโทษจำเลยหนักกว่านั้นไม่ได้ จึงให้จำคุกจำเลย 4 ปีเท่ากำหนดโทษของศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้สมัครส.ส.จังหวัด: การเทียบวุฒิการศึกษา นักธรรมเอก เทียบเท่า ม.3 มีผลย้อนหลังได้
โจทก์มีความรู้สอบได้ประกาศนียบัตรนักธรรมเอก และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดอยู่แล้ว แม้ขณะโจทก์สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดจะยังไม่มีการเทียบความรู้นักธรรมเอก คงมีแต่การตกลงกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย กับกระทรวงศึกษาธิการ เทียบความรู้นักธรรมตรีขึ้นไปให้เท่าชั้นมัธยมปีที่ 3 เฉพาะการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล แต่ภายหลังเมื่อกระทรวงมหาดไทยสอบถามไป กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ตอบมาว่ารายการวุฒิต่าง ๆ ซึ่งเคยเทียบไว้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนั้น ให้มีผลใช้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด ต่อไปด้วย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาจังหวัดโดยมีความรู้เทียบไม่ต่ำกว่าชั้นมัธยมปีที่ 3 อยู่แล้ว หาขาดคุณสมบัติไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.จ. ความรู้เทียบเท่า ม.3 แม้ยังมิได้เทียบจากกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง
โจทก์มีความรู้สอบได้ประกาศนียบัตรนักธรรมเอก และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดอยู่แล้ว แม้ขณะโจทก์สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดจะยังไม่มีการเทียบความรู้นักธรรมเอก คงมีแต่การตกลงกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย กับกระทรวงศึกษาธิการ เทียบความรู้นักธรรมตรีขึ้นไปให้เท่าชั้นมัธยมปีที่ 3 เฉพาะการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล แต่ ภายหลังเมื่อกระทรวงมหาดไทยสอบถามไป กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ตอบมาว่ารายการวุฒิต่าง ๆ ซึ่งเคยเทียบไว้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนั้น ให้มีผลใช้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด ต่อไปด้วย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาจังหวัดโดยมีความรู้เทียบไม่ต่ำกว่าชั้นมัธยมปีที่ 3 อยู่แล้ว หาขาดคุณสมบัติไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีผู้จัดการมรดกเฉพาะผู้ที่อุทธรณ์ การไม่ขยายผลถึงผู้ไม่เคยอุทธรณ์
ในคดีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกซึ่งมีผู้คัดค้านหลายคน และผู้คัดค้านเหล่านั้นต่างร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกด้วย ผู้ร้องขอถอนคำร้องไม่ติดใจดำเนินคดี ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ถอนคำร้องได้ และสั่งจำหน่ายคดีทั้งหมด ให้ผู้คัดค้านไปดำเนินคดีใหม่ เมื่อผู้คัดค้านคนหนึ่งอุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของตนต่อไป หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นยังไม่ถูกต้อง ก็ชอบที่จะพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการไต่สวนคำร้องเฉพาะของผู้คัดค้านที่อุทธรณ์เท่านั้น จะให้ดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้คัดค้านอื่นซึ่งมิได้อุทธรณ์ด้วยหาได้ไม่ เพราะกรณีไม่เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์เฉพาะคู่ความที่อุทธรณ์ในคดีผู้จัดการมรดก
ในคดีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งมีผู้คัดค้านหลายคน และผู้คัดค้านเหล่านั้นต่างร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกด้วย ผู้ร้องขอถอนคำร้องไม่ติดใจดำเนินคดี ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ถอนคำร้องได้ และสั่งจำหน่ายคดีทั้งหมด ให้ผู้คัดค้านไปดำเนินคดีใหม่ เมื่อผู้คัดค้านคนหนึ่งอุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของคนต่อไป หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นยังไม่ถูกต้อง ก็ชอบที่จะพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการไต่สวนคำร้องเฉพาะของผู้คัดค้านที่อุทธรณ์ จะให้ดำเนินคดีไต่สวนคำร้องของผู้คัดค้านอื่น ซึ่งมิได้อุทธรณ์ด้วยหาได้ไม่ เพราะกรณีไม่เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: การฟ้องร้องไม่สมบูรณ์เมื่อรั้วปิดกั้นอยู่บนที่ดินของโจทก์เอง
ลักษณะสำคัญของภารจำยอม คือ ต้องมีอสังหาริมทรัพย์อย่างน้อยสองอสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์หนึ่งต้องตกอยู่ในภาระรับกรรมบางอย่างหรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างเพื่อประโยชน์แก่อีกอสังหาริมทรัพย์หนึ่ง อสังหาริมทรัพย์ที่ต้องตกอยู่ในภาระรับกรรมนั้นเรียก'ภารยทรัพย์' และที่มีสิทธิเหนือภารยทรัพย์นั้นเรียก 'สามยทรัพย์'
โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิภารจำยอมให้บังคับจำเลยเปิดทางเดินโดยอ้างว่าจำเลยล้อมรั้วปิดกั้นทางผ่านเข้าออกบนที่ดินของจำเลย แต่ตามแผนที่พิพาทที่โจทก์นำชี้กลับปรากฏว่ารั้วที่จำเลยปิดกั้นทางผ่านเข้าออกที่โจทก์ขอให้รื้อถอนนั้นอยู่ภายในเขตที่ดินของโจทก์เอง ดังนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการฟ้องร้องในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จะฟ้องอ้างสิทธิภารจำยอมให้จำเลยรื้อรั้วและจดทะเบียนทางเป็นภารจำยอมในที่ดินซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์หาได้ไม่ กรณีเช่นนี้ถือว่าโจทก์นำสืบได้ไม่สมสภาพข้อหาข้ออ้างในคำฟ้อง ศาลชอบที่จะยกฟ้องเสียได้
แม้จะปรากฏในแผนที่พิพาทว่าทางบางส่วนอยู่ในเขตที่ดินจำเลย แต่เป็นทางตอนปลายซึ่งจำเลยมิได้ทำรั้วปิดกั้น เมื่อทางตอนต้นทางซึ่งจำเลยปิดกั้นรั้ว โจทก์ไม่อาจขอให้บังคับ จำเลยเปิดในฐานะเป็นทางภารจำยอมได้ในคดีนี้ย่อมไม่มีประโยชน์ที่ศาลจะวินิจฉัยเฉพาะทางตอนปลายเพราะถึงอย่างไรโจทก์ก็ยังไม่อาจใช้ทางผ่านเข้าออกได้ศาลย่อมยกฟ้องได้ทั้งหมด แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่เกี่ยวกับทางนี้ตามที่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิไถ่คืนการขายฝาก & เพิกถอนนิติกรรมฉ้อฉล: ผู้ขายใช้สิทธิไถ่ได้แม้จำเลยไม่ไปตามนัด และจำเลยที่ 1 ฉ้อฉลด้วยการโอนให้ภริยา
ก่อนครบกำหนดไถ่คืนการขายฝาก ผู้ขายได้ติดต่อขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืนจากผู้ซื้อและนัดวันที่จะไปจดทะเบียนไถ่ถอนกันแล้ว แต่ผู้ซื้อไม่ไปตามนัด หลังจากนั้นผู้ขายได้พยายามติดต่อกับผู้ซื้ออีก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ผู้ขายจึงไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินไว้เป็นหลักฐานว่าผู้ขายพร้อมแล้วที่จะไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืนภายในกำหนดดังนี้ ถือได้ว่าผู้ขายได้ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืนภายในกำหนดแล้วโดยชอบ ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องรับไถ่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 899/2495)
ผู้ซื้อนำทรัพย์ที่รับขายฝากไปโอนให้แก่ภริยาโดยเสน่หาทั้งๆ ที่ผู้ซื้อรู้อยู่ว่าผู้ขายยังมีสิทธิไถ่คืน ดังนี้ เป็นการฉ้อฉลอันทำให้ผู้ขายเสียเปรียบ ผู้ขายชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนให้นั้นเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทนระงับสิทธิไถ่ถอนการขายฝาก: สัญญาไม่มีแบบไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน
ผู้ขายฝากกับผู้รับซื้อฝากตกลงกันระงับสิทธิไถ่ถอนการขายฝากโดยผู้รับซื้อฝากยอมยกหนี้เงินกู้รายอื่นนอกจากการขายฝากให้ผู้ขายฝากและให้ผู้ขายฝากทำนาในที่ดินที่ขายฝากโดยไม่คิดค่าเช่าอีก 1 ปีฝ่ายผู้ขายฝากยอมยกที่พิพาทให้จำเลยถือว่าผู้ขายฝากสละสิทธิไม่ไถ่ถอนที่ดินคืนแล้ว และเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งไม่มีแบบของนิติกรรม
of 68