พบผลลัพธ์ทั้งหมด 678 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103-2104/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน, การสอบสวน, เจ้าพนักงาน, การเบียดบังเงินของรัฐ, และความผิดฐานทุจริต
คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์บรรยายฟ้องมาว่าได้สอบสวนแล้วย่อมสันนิษฐานได้ว่าเป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าจำเลยไม่คัดค้านโดยเสนอเป็นข้อต่อสู้ไว้ ถือว่าไม่มีข้อโต้เถียงกัน หากตามสำนวนไม่มีข้อเท็จจริงที่แสดงว่าการสอบสวนนั้นไม่ชอบ จำเลยเพิ่งมาคัดค้านขึ้นในชั้นอุทธรณ์ฎีกาแล้ว ย่อมไม่มีเหตุที่จะวินิจฉัยให้
เงินอากรค่าใบอนุญาตฆ่าสัตว์ โค กระบือ ซึ่งเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อราษฎรนำมาชำระ และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับมอบไว้แล้ว หากจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนก็เป็นการเบียดบังเอาเงินของรัฐไม่ใช่เบียดบังเอาเงินของราษฎรรัฐบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้แม้ราษฎรผู้ชำระเงินจะมิได้ร้องทุกข์
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอำเภอในจังหวัดทุกอำเภอเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและให้เจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอทุกคนเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของตนเมื่อจำเลยซึ่งเป็นเสมียนแผนกสรรพากรทราบคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดและรับมอบหมายเรื่องนี้มาแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในเรื่องนี้แล้ว เพราะฐานะของเจ้าพนักงานเกิดจากการรับหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้
เงินอากรค่าใบอนุญาตฆ่าสัตว์ โค กระบือ ซึ่งเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อราษฎรนำมาชำระ และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับมอบไว้แล้ว หากจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนก็เป็นการเบียดบังเอาเงินของรัฐไม่ใช่เบียดบังเอาเงินของราษฎรรัฐบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้แม้ราษฎรผู้ชำระเงินจะมิได้ร้องทุกข์
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอำเภอในจังหวัดทุกอำเภอเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและให้เจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอทุกคนเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของตนเมื่อจำเลยซึ่งเป็นเสมียนแผนกสรรพากรทราบคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดและรับมอบหมายเรื่องนี้มาแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในเรื่องนี้แล้ว เพราะฐานะของเจ้าพนักงานเกิดจากการรับหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103-2104/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวน การฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน และความรับผิดของเจ้าพนักงานต่อเงินของรัฐ
คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์บรรยายฟ้องมาว่าได้สอบสวนแล้วย่อมสันนิษฐานได้ว่าเป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าจำเลยไม่คัดค้านโดยเสนอเป็นข้อต่อสู้ไว้ ถือว่าไม่มีข้อโต้เถียงกัน หากตามสำนวนไม่มีข้อเท็จจริงที่แสดงว่าการสอบสวนนั้นไม่ชอบ จำเลยเพิ่งมาคัดค้านขึ้นในชั้นอุทธรณ์ฎีกาแล้ว ย่อมไม่มีเหตุที่จะวินิจฉัยให้
เงินอากรค่าใบอนุญาตฆ่าสัตว์ โค กระบือ ซึ่งเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อราษฎรนำมาชำระ และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับมอบไว้แล้ว หากจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนก็เป็นการเบียดบังเอาเงินของรัฐไม่ใช่เบียดบังเอาเงินของราษฎรรัฐบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้แม้ราษฎรผู้ชำระเงินจะมิได้ร้องทุกข์
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอำเภอในจังหวัดทุกอำเภอเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและให้เจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอทุกคนเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของตนเมื่อจำเลยซึ่งเป็นเสมียนแผนกสรรพากรทราบคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดและรับมอบหมายเรื่องนี้มาแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มี หน้าที่ปฏิบัติราชการในเรื่องนี้แล้ว เพราะฐานะของเจ้าพนักงานเกิดจากการรับหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้
เงินอากรค่าใบอนุญาตฆ่าสัตว์ โค กระบือ ซึ่งเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อราษฎรนำมาชำระ และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับมอบไว้แล้ว หากจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนก็เป็นการเบียดบังเอาเงินของรัฐไม่ใช่เบียดบังเอาเงินของราษฎรรัฐบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้แม้ราษฎรผู้ชำระเงินจะมิได้ร้องทุกข์
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอำเภอในจังหวัดทุกอำเภอเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและให้เจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอทุกคนเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของตนเมื่อจำเลยซึ่งเป็นเสมียนแผนกสรรพากรทราบคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดและรับมอบหมายเรื่องนี้มาแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มี หน้าที่ปฏิบัติราชการในเรื่องนี้แล้ว เพราะฐานะของเจ้าพนักงานเกิดจากการรับหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความผู้ค้ำประกัน: ฟ้องเกิน 1 ปีหลังทราบการตายลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันยกอายุความได้
เจ้าหนี้โจทก์ฟ้องผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้หลังจากเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการตายของลูกหนี้เกิน 1 ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความผู้ค้ำประกันย่อมยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754(3) ประกอบมาตรา 694 ขึ้นต่อสู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค้ำประกัน: เจ้าหนี้ฟ้องช้าหลังลูกหนี้เสียชีวิต ผู้ค้ำประกันยกอายุความได้
เจ้าหนี้โจทก์ฟ้องผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้หลังจากเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการตายของลูกหนี้เกิน 1 ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ผู้ค้ำประกันย่อมยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754(3) ประกอบมาตรา 694 ขึ้นต่อสู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีซื้อขายไม้, ค่าขนส่ง, หักหนี้, และสัญญาซื้อขายต่างหาก
ผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัทจำกัดเป็นโจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าไม้ที่จำเลยซื้อไปในระหว่างที่โจทก์ร่วมกันออกทุนเข้าหุ้นค้าไม้ไปพลางระหว่างขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญากับโจทก์จริง แต่อ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาส่งไม้ไม่ครบ มิได้ต่อสู้ว่าบริษัทเป็นคู่สัญญา ไม่มีประเด็นว่าหนี้สินตามฟ้องเป็นของบริษัทหรือไม่โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีได้ แม้จะปรากฏว่าบริษัทนั้นได้จดทะเบียนแล้วก็ตาม
สัญญาซื้อขายไม้ระบุให้ผู้ขายส่งไม้ถึงร้านค้าของผู้ซื้อที่จังหวัดพระนคร ผู้ขายต้องมีหน้าที่เสียค่าขนส่งเอง กรณีไม่เข้าลักษณะขนส่งทรัพย์สินซึ่งได้ซื้อขายกันไปยังที่แห่งอื่นนอกจากสถานที่อันพึงชำระหนี้ ซึ่งผู้ซื้อจะต้องออกค่าขนส่ง
โจทก์กับจำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้กัน 2 ฉบับ ต่างวาระกันโจทก์ฟ้องเรียกราคาค่าไม้ซึ่งจำเลยค้างชำระตามสัญญาฉบับแรกจำเลยจะฟ้องแย้งว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ส่งไม้ตามสัญญาฉบับหลังเป็นเหตุให้จำเลยเสียหาย ขอหักหนี้กับโจทก์หาได้ไม่ เพราะไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ทั้งหนี้ดังกล่าวโจทก์ก็ยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยจึงจะขอหักหนี้ในคดีที่โจทก์ฟ้องนี้มิได้
สัญญาซื้อขายไม้ระบุให้ผู้ขายส่งไม้ถึงร้านค้าของผู้ซื้อที่จังหวัดพระนคร ผู้ขายต้องมีหน้าที่เสียค่าขนส่งเอง กรณีไม่เข้าลักษณะขนส่งทรัพย์สินซึ่งได้ซื้อขายกันไปยังที่แห่งอื่นนอกจากสถานที่อันพึงชำระหนี้ ซึ่งผู้ซื้อจะต้องออกค่าขนส่ง
โจทก์กับจำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้กัน 2 ฉบับ ต่างวาระกันโจทก์ฟ้องเรียกราคาค่าไม้ซึ่งจำเลยค้างชำระตามสัญญาฉบับแรกจำเลยจะฟ้องแย้งว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ส่งไม้ตามสัญญาฉบับหลังเป็นเหตุให้จำเลยเสียหาย ขอหักหนี้กับโจทก์หาได้ไม่ เพราะไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ทั้งหนี้ดังกล่าวโจทก์ก็ยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยจึงจะขอหักหนี้ในคดีที่โจทก์ฟ้องนี้มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีซื้อขายไม้, หน้าที่ส่งมอบไม้, การหักหนี้, และสัญญาซื้อขายที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าไม้ที่จำเลยซื้อไปในระหว่างที่โจทก์ร่วมกันออกทุนเข้าหุ้นค้าไม้ไปหลาง ระหว่างเริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทจำกัด จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญากับโจทก์จริง แต่อ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาส่งไม้ไม่ครบ มิได้ต่อสู้ว่าบริษัทเป็นคู่สัญญา ไม่มีประเด็นว่าหนี้สินตามฟ้องเป็นของบริษัทหรือไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีได้ แม้จะปรากฏต่อมาว่าบริษัทนั้นได้จดทะเบียนแล้วก็ตาม
ผู้ซื้อกับผู้ขายทำสัญญากันให้ผู้ขายส่งไม้ที่ซื้อขายจากจังหวัดกาญจนบุรีถึงร้านค้าของผู้ซื้อที่จังหวัดพระนคร กรณีไม่ต้องด้วยลักษณะขนส่งทรัพย์สินซึ่งได้ซื้อขายกันไปยังที่แห่งอื่นนอกจากสถานที่อันพึงชำระหนี้ ซึ่งผู้ซื้อจะต้องออกค่าขนส่ง
โจทก์กับจำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้กัน 2 ฉบับ ต่างวาระกัน โจทก์ฟ้องเรียกราคาค่าไม้ ซึ่งจำเลยค้างชำระตามสัญญาฉบับแรก จำเลยจะฟ้องแย้งว่าโจทก์ได้รับเงินค่าไม้ล่วงหน้าตามสัญญาฉบับหลังจากจำเลยและผิดสัญญาเป็นเหตุให้จำเลยเสียหาย ขอหักหนี้กับโจทก์หาได้ไม่ เพราะไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ทั้งโจทก์ก็ยังมีข้อต่อสู้อยู่ (ว่าโจทก์มิได้ผิดสัญญาและจำเลยไม่เสียหาย) จำเลยจึงขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ในคดีที่โจทก์ฟ้องมิได้
ผู้ซื้อกับผู้ขายทำสัญญากันให้ผู้ขายส่งไม้ที่ซื้อขายจากจังหวัดกาญจนบุรีถึงร้านค้าของผู้ซื้อที่จังหวัดพระนคร กรณีไม่ต้องด้วยลักษณะขนส่งทรัพย์สินซึ่งได้ซื้อขายกันไปยังที่แห่งอื่นนอกจากสถานที่อันพึงชำระหนี้ ซึ่งผู้ซื้อจะต้องออกค่าขนส่ง
โจทก์กับจำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้กัน 2 ฉบับ ต่างวาระกัน โจทก์ฟ้องเรียกราคาค่าไม้ ซึ่งจำเลยค้างชำระตามสัญญาฉบับแรก จำเลยจะฟ้องแย้งว่าโจทก์ได้รับเงินค่าไม้ล่วงหน้าตามสัญญาฉบับหลังจากจำเลยและผิดสัญญาเป็นเหตุให้จำเลยเสียหาย ขอหักหนี้กับโจทก์หาได้ไม่ เพราะไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ทั้งโจทก์ก็ยังมีข้อต่อสู้อยู่ (ว่าโจทก์มิได้ผิดสัญญาและจำเลยไม่เสียหาย) จำเลยจึงขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ในคดีที่โจทก์ฟ้องมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2068/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการส่วนจังหวัดในการควบคุมราคาสินค้าและห้ามนำเข้าสินค้าเพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร ได้ออกประกาศระบุชื่อหรือประเภทสิ่งของและกำหนดราคาสูงสุดของสิ่งของนั้นตามข้อ 1 มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรพ.ศ. 2490 กับห้ามขายสิ่งของที่ระบุชื่อนั้นเกินราคาที่กำหนดย่อมเท่ากับสั่งห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควรในสิ่งของนั้นในเขตท้องที่ที่อยู่ในอำนาจไว้ก่อนแล้ว แล้วได้ออกประกาศห้ามนำสิ่งของที่ระบุชื่อไว้แล้วนั้น นอกเขตท้องที่เข้ามาในท้องที่ อันเป็นการสั่งการเกี่ยวกับสิ่งของที่ห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควรตามข้อ 6 ในมาตรา 8แม้ต่อมาจะได้ออกประกาศอีกฉบับหนึ่งยกเลิกประกาศฉบับแรกแต่ก็เป็นเรื่องและมีข้อความอย่างเดียวกัน เว้นแต่ราคาสูงสุดของสิ่งของที่ห้ามค้ากำไรเกินควรเท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ ถือได้ว่าคณะกรรมการฯ ได้ปฏิบัติครบถ้วนตามลำดับดังที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว ประกาศห้ามนำสิ่งของนอกเขตจังหวัดเข้ามาในเขตจังหวัดจึงมีผลบังคับใช้ได้
ประกาศระบุข้อความไว้แล้วว่าเพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควรเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงในสำนวนจะให้ฟังได้เป็นอย่างอื่นก็ต้องฟังว่าประกาศฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/2514)
ประกาศระบุข้อความไว้แล้วว่าเพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควรเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงในสำนวนจะให้ฟังได้เป็นอย่างอื่นก็ต้องฟังว่าประกาศฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2068/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการส่วนจังหวัดในการออกประกาศห้ามนำสินค้าควบคุมเข้ามาในท้องที่เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร ได้ออกประกาศระบุชื่อหรือประเภทสิ่งของและกำหนดราคาสูงสุดของสิ่งของนั้นตามข้อ 1 มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 กับห้ามขายสิ่งของที่ระบุชื่อนั้นเกินราคาที่กำหนดย่อมเท่ากับสั่งห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควรในสิ่งของนั้นในเขตท้องที่ที่อยู่ในอำนาจไว้ก่อนแล้ว แล้วได้ออกประกาศห้ามนำสิ่งของที่ระบุชื่อไว้แล้วนั้น นอกเขตท้องที่เข้ามาในท้องที่ อันเป็นการสั่งการเกี่ยวกับสิ่งของที่ห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควรตามข้อ 6 ในมาตรา 8 แม้ต่อมาจะได้ออกประกาศอีกฉบับหนึ่งยกเลิกประกาศฉบับแรกแต่ก็เป็นเรื่องและมีข้อความอย่างเดียวกัน เว้นแต่ราคาสูงสุดของสิ่งของที่ห้ามค้ากำไรเกินควรเท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ ถือได้ว่าคณะกรรมการฯ ได้ปฏิบัติครบถ้วนตามลำดับดังที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว ประกาศห้ามนำสิ่งของนอกเขตจังหวัดเข้ามาในเขตจังหวัดจึงมีผลบังคับใช้ได้
ประกาศระบุข้อความไว้แล้วว่าเพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควรเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงในสำนวนจะให้ฟังได้เป็นอย่างอื่นก็ต้องฟังว่าประกาศฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/2514)
ประกาศระบุข้อความไว้แล้วว่าเพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควรเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงในสำนวนจะให้ฟังได้เป็นอย่างอื่นก็ต้องฟังว่าประกาศฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2047/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินและการฟ้องคดีใหม่: การบรรยายฟ้องที่เพียงพอถือเป็นการโต้แย้งสิทธิได้
คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยอ้างว่าทรัพย์ทั้งหมดตามฟ้องเป็นของจำเลยรับมรดกจากบุตรโจทก์ จำเลยจะให้โจทก์กินหรือให้อาศัยอยู่หรือไม่ก็ได้ เมื่อโจทก์จะขอประนอมการพิพาทโดยจะแบ่งทรัพย์ตามฟ้องและอื่น ๆ ให้จำเลย จำเลยก็ไม่ยอมรับนั้น เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่า จำเลยโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์แล้ว โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคดีต่อศาลได้
คดีเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องโจทก์นอกจากที่นา 1 แปลง ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ให้ยกฟ้องคงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เฉพาะฟ้องที่เกี่ยวกับที่นา โจทก์จึงมาฟ้องคดีใหม่เกี่ยวกับทรัพย์รายเดิม โดยบรรยายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้เห็นว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วย่อมทำได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือฟ้องซ้ำไม่
คดีเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องโจทก์นอกจากที่นา 1 แปลง ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ให้ยกฟ้องคงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เฉพาะฟ้องที่เกี่ยวกับที่นา โจทก์จึงมาฟ้องคดีใหม่เกี่ยวกับทรัพย์รายเดิม โดยบรรยายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้เห็นว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วย่อมทำได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือฟ้องซ้ำไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2047/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งกรรมสิทธิ์และการฟ้องซ้ำ: การบรรยายฟ้องที่เพียงพอต่อการเสนอคดีต่อศาล
คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยอ้างว่าทรัพย์ทั้งหมดตามฟ้องเป็นของจำเลยรับมรดกจากบุตรโจทก์ จำเลยจะให้โจทก์กินหรือให้อาศัยอยู่หรือไม่ก็ได้ เมื่อโจทก์จะขอประนอมการพิพาทโดยจะแบ่งทรัพย์ตามฟ้องและอื่น ๆ ให้จำเลย จำเลยก็ไม่ยอมรับนั้น เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่า จำเลยโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์แล้ว โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคดีต่อศาลได้
คดีเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องโจทก์นอกจากที่นา 1 แปลงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ให้ยกฟ้อง คงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เฉพาะฟ้องที่เกี่ยวกับที่นา โจทก์จึงมาฟ้องคดีใหม่เกี่ยวกับทรัพย์รายเดิม โดยบรรยายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้เห็นว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว ย่อมทำได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือฟ้องซ้ำไม่
คดีเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องโจทก์นอกจากที่นา 1 แปลงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ให้ยกฟ้อง คงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เฉพาะฟ้องที่เกี่ยวกับที่นา โจทก์จึงมาฟ้องคดีใหม่เกี่ยวกับทรัพย์รายเดิม โดยบรรยายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้เห็นว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว ย่อมทำได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือฟ้องซ้ำไม่