พบผลลัพธ์ทั้งหมด 678 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำพยานเอกสารที่ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนและเวลาที่กฎหมายกำหนด ทำให้ศาลไม่รับฟังและไม่สามารถใช้เอกสารนั้นในการตัดสินคดีได้
บัญชีระบุพยานของจำเลยอ้างพินัยกรรมที่เจ้าพนักงานที่ดินเป็นผู้รักษา ซึ่งเป็นสำเนาพินัยกรรมที่จำเลยรับรองและยื่นไว้โดยมิได้ระบุอ้างต้นฉบับพินัยกรรมที่มีอยู่ที่จำเลย จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะส่งต้นฉบับพินัยกรรมเป็นพยานต่อศาล
วันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยมิได้นำต้นฉบับพินัยกรรมมาส่งศาลเพิ่งมาส่งในวันสืบพยานโจทก์หลังจากที่สืบพยานจำเลยเสร็จไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีโอกาสซักค้านต้นฉบับพินัยกรรมนี้ซึ่งโจทก์ก็ได้คัดค้านว่าจำเลยมิได้ระบุพยานอ้างเอกสารนี้ไว้และว่าจำเลยมิได้ส่งสำเนาพินัยกรรมให้โจทก์ ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพยานไม่ได้
เมื่อต้นฉบับพินัยกรรมมีอยู่ สำเนาพินัยกรรมที่เรียกมาจากเจ้าพนักงานที่ดินย่อมรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93 และจะรับฟังพยานบุคคลว่ามีการทำพินัยกรรมก็ไม่ได้เพราะเป็นกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดงและไม่ใช่กรณีที่หาต้นฉบับเอกสารไม่ได้ ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
วันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยมิได้นำต้นฉบับพินัยกรรมมาส่งศาลเพิ่งมาส่งในวันสืบพยานโจทก์หลังจากที่สืบพยานจำเลยเสร็จไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีโอกาสซักค้านต้นฉบับพินัยกรรมนี้ซึ่งโจทก์ก็ได้คัดค้านว่าจำเลยมิได้ระบุพยานอ้างเอกสารนี้ไว้และว่าจำเลยมิได้ส่งสำเนาพินัยกรรมให้โจทก์ ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพยานไม่ได้
เมื่อต้นฉบับพินัยกรรมมีอยู่ สำเนาพินัยกรรมที่เรียกมาจากเจ้าพนักงานที่ดินย่อมรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93 และจะรับฟังพยานบุคคลว่ามีการทำพินัยกรรมก็ไม่ได้เพราะเป็นกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดงและไม่ใช่กรณีที่หาต้นฉบับเอกสารไม่ได้ ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2364/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้โดยเสน่หาและผลของการไม่จดทะเบียน การได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครอง และสัญญาต่างตอบแทน
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความว่า จำเลยแสดงเจตนาสละสิทธิและการครอบครอง ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์เข้าครอบครองต่อไป และโจทก์สัญญาจะจ่ายเงินผลประโยชน์ที่ได้จากทรัพย์สินนั้นให้แก่จำเลยหนึ่งในสามจนตลอดชีวิตของจำเลย เป็นสัญญาซึ่งจำเลยมีเจตนายกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินให้โจทก์โดยเสน่หา โดยโจทก์มิได้เสียค่าตอบแทนแต่ประการใด แต่จำเลยคงสงวนผลประโยชน์อันเกิดจากทรัพย์สินนั้นไว้เพียงบางส่วนเพื่อใช้สอยในระหว่างที่จำเลยยังมีชีวิตอยู่ ข้อความในสัญญาที่ว่าจำเลยสละการครอบครองให้โจทก์เข้าครอบครองต่อไป คงมีความหมายเพียงว่าจำเลยส่งมอบทรัพย์สินให้โจทก์อันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาให้เท่านั้น เมื่อทรัพย์สินที่ให้เป็นที่ดินมีโฉนดการให้จึงต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แม้จะฟังว่าเป็นคำมั่นจะให้ก็ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกัน เมื่อไม่จดทะเบียน นิติกรรมย่อมตกเป็นโมฆะ
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่จำต้องจดทะเบียน การจดทะเบียนตามมาตรา 1299 วรรคสอง จะพึงกระทำต่อเมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนหรือจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกเท่านั้น
สัญญาต่างตอบแทนซึ่งเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด จึงจะ ฟ้องร้องให้บังคับคดีตามสัญญานั้นได้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่จำต้องจดทะเบียน การจดทะเบียนตามมาตรา 1299 วรรคสอง จะพึงกระทำต่อเมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนหรือจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกเท่านั้น
สัญญาต่างตอบแทนซึ่งเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด จึงจะ ฟ้องร้องให้บังคับคดีตามสัญญานั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัว: การผิดนัดของจำเลยทำให้ผู้ร้องผิดสัญญาประกัน และศาลมีอำนาจปรับได้
ผู้ร้องทำสัญญาประกันตัวจำเลยคดีอาญาไปจากศาลมีข้อความว่า ในระหว่างประกันผู้ร้องหรือจำเลยจะปฏิบัติตามนัดหรือหมายเรียกของเจ้าพนักงานหรือศาล มิฉะนั้นผู้ร้องยอมใช้เงินจำนวนหนึ่ง ดังนี้ เมื่อจำเลยเซ็นทราบวันนัดของศาลแล้ว จำเลยไม่มาศาลตามนัด เพราะหลงลืมจำวันนัดผิด อันเป็นความผิดของจำเลยเอง ก็ถือได้ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามนัดของศาล และต้องถือว่าผู้ร้องซึ่งเป็นนายประกันได้ประพฤติผิดข้อสัญญาประกันดังกล่าวแล้ว ศาลมีอำนาจที่จะสั่งบังคับตามสัญญาประกันหรือตามที่ศาลเห็นควรได้แล้ว
ในวันที่ผู้ร้องซึ่งเป็นนายประกันผิดนัด ศาลเพียงแต่มีคำสั่งว่าจำเลยและผู้ร้องผิดสัญญาประกัน กับให้หมายนัดผู้ร้องส่งตัวจำเลยใน 7 วัน ผู้ร้องและจำเลยไม่ได้มาศาลตามหมายนัดศาลจึงสั่งปรับผู้ร้องในวันนัดถัดมา แม้ในนัดหลังนี้ผู้ร้องและจำเลยไม่มาศาล เพราะไม่ได้รับหมายนัดให้ส่งตัวจำเลยก็ไม่เป็นการขัดขวางแก่การที่ศาล จะสั่งปรับผู้ร้อง เพราะถือได้ว่าผู้ร้องผิดสัญญาประกันมาตั้งแต่นัดแรกนั้นแล้ว
ในวันที่ผู้ร้องซึ่งเป็นนายประกันผิดนัด ศาลเพียงแต่มีคำสั่งว่าจำเลยและผู้ร้องผิดสัญญาประกัน กับให้หมายนัดผู้ร้องส่งตัวจำเลยใน 7 วัน ผู้ร้องและจำเลยไม่ได้มาศาลตามหมายนัดศาลจึงสั่งปรับผู้ร้องในวันนัดถัดมา แม้ในนัดหลังนี้ผู้ร้องและจำเลยไม่มาศาล เพราะไม่ได้รับหมายนัดให้ส่งตัวจำเลยก็ไม่เป็นการขัดขวางแก่การที่ศาล จะสั่งปรับผู้ร้อง เพราะถือได้ว่าผู้ร้องผิดสัญญาประกันมาตั้งแต่นัดแรกนั้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัวคดีอาญา: ความรับผิดของผู้ประกันเมื่อจำเลยไม่มาศาลตามนัด แม้ผู้ประกันไม่ได้รับหมายเรียก
ผู้ร้องทำสัญญาประกันตัวจำเลยคดีอาญาไปจากศาลมีข้อความว่า ในระหว่างประกันผู้ร้องหรือจำเลยจะปฏิบัติตามนัดหรือหมายเรียกของเจ้าพนักงานหรือศาล มิฉะนั้นผู้ร้องยอมใช้เงินจำนวนหนึ่ง ดังนี้ เมื่อจำเลยเซ็นทราบวันนัดของศาลแล้ว จำเลยไม่มาศาลตามนัด เพราะหลงลืมจำวันนัดผิด อันเป็นความผิดของจำเลยเอง ก็ถือได้ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามนัดของศาล และต้องถือว่าผู้ร้องซึ่งเป็นนายประกันได้ประพฤติผิดข้อสัญญาประกันดังกล่าวแล้ว ศาลมีอำนาจที่จะสั่งบังคับตามสัญญาประกันหรือตามที่ศาลเห็นควรได้แล้ว
ในวันที่ผู้ร้องซึ่งเป็นนายประกันผิดนัด ศาลเพียงแต่มีคำสั่งว่าจำเลยและผู้ร้องผิดสัญญาประกัน กับให้หมายนัดผู้ร้องส่งตัวจำเลยใน 7 วัน ผู้ร้องและจำเลยไม่ได้มาศาลตามหมายนัด ศาลจึงสั่งปรับผู้ร้องในวันนัดถัดมา แม้ในนัดหลังนี้ผู้ร้องและจำเลยไม่มาศาล เพราะไม่ได้รับหมายนัดให้ส่งตัวจำเลย ก็ไม่เป็นการขัดขวางแก่การที่ศาล จะสั่งปรับผู้ร้อง เพราะถือได้ว่าผู้ร้องผิดสัญญาประกันมาตั้งแต่นัดแรกนั้นแล้ว
ในวันที่ผู้ร้องซึ่งเป็นนายประกันผิดนัด ศาลเพียงแต่มีคำสั่งว่าจำเลยและผู้ร้องผิดสัญญาประกัน กับให้หมายนัดผู้ร้องส่งตัวจำเลยใน 7 วัน ผู้ร้องและจำเลยไม่ได้มาศาลตามหมายนัด ศาลจึงสั่งปรับผู้ร้องในวันนัดถัดมา แม้ในนัดหลังนี้ผู้ร้องและจำเลยไม่มาศาล เพราะไม่ได้รับหมายนัดให้ส่งตัวจำเลย ก็ไม่เป็นการขัดขวางแก่การที่ศาล จะสั่งปรับผู้ร้อง เพราะถือได้ว่าผู้ร้องผิดสัญญาประกันมาตั้งแต่นัดแรกนั้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2283/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเหตุจิตบกพร่องหลังศาลชั้นต้นพิพากษา: ข้อจำกัดในการอุทธรณ์และฎีกา
จำเลยเข้าใจคำฟ้องและต่อสู้คดีเป็นลำดับมา โดยมีทนายความคอยช่วยเหลือจนเสร็จการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยไม่ได้ยกเหตุที่จำเลยไม่สมควร ต้องรับโทษเพราะเหตุจิตบกพร่องตามมาตรา 65 ขึ้นกล่าวอ้างในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจนศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยจึงได้ยกเหตุดังกล่าวขึ้นมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ เมื่อข้อเท็จจริงนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น การรับวินิจฉัยปัญหาที่จำเลยฎีกา จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2283/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเหตุจิตบกพร่องหลังศาลชั้นต้นพิพากษาถือเป็นข้อต้องห้ามมิให้รับวินิจฉัยในชั้นฎีกา
จำเลยเข้าใจคำฟ้องและต่อสู้คดีเป็นลำดับมา โดยมีทนายความคอยช่วยเหลือจนเสร็จการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยไม่ได้ยกเหตุที่ จำเลยไม่สมควร ต้องรับโทษเพราะเหตุจิตบกพร่องตามมาตรา 65 ขึ้นกล่าวอ้างในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จนศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยจึงได้ยกเหตุดังกล่าวขึ้นมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ เมื่อข้อเท็จจริงนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น การรับวินิจฉัยปัญหาที่จำเลยฎีกา จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิค่าอุปการะเลี้ยงดูเกิดขึ้นเมื่อเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนการเสียชีวิตของผู้มีหน้าที่
โจทก์เพิ่งจะได้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายแก้วผู้ตาย ซึ่งเป็นบิดาตามคำสั่งศาล และคดีถึงที่สุดเมื่อนายแก้วได้ตายไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดอุปการะเลี้ยงดูจากจำเลยฐานละเมิดที่ทำให้นายแก้วบิดาตนถึงแก่ความตายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู: การเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายต้องเกิดขึ้นก่อนการเสียชีวิต
โจทก์เพิ่งจะได้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายแก้วผู้ตาย ซึ่งเป็นบิดาตามคำสั่งศาล และคดีถึงที่สุดเมื่อนายแก้วได้ตายไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดอุปการะเลี้ยงดูจากจำเลยฐานละเมิดที่ทำให้นายแก้วบิดาตนถึงแก่ความตายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2211/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้สักแปรรูปบนเรือโป๊ะไม่เป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ แต่เป็นไม้แปรรูปที่ผิดกฎหมายป่าไม้
ไม้ของกลางเป็นไม้สักแปรรูปเป็นแผ่นกระดานหนานำมาปูพื้นเรือโป๊ะ ขนาดใหญ่การปูปูเอาไว้หยาบๆเพียงให้หัวไม้และท้ายไม้ต่อชนกัน ไม่ได้ทำให้เข้ากันให้สนิทและยังมีช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ห่างกันมาก ไม่ได้ไสกบตบแต่งให้เรียบร้อย ทั้งลักษณะของไม้ก็เป็นไม้ที่ใหม่สดใช้ตะปูตีตอกทุกแผ่น โดยไม่เปิดช่องไว้สำหรับวิดน้ำเลยแสดงว่าทำไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย ดังนี้ไม้ของกลางจึงไม่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ตามความหมายในมาตรา 4(4) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯต้องถือว่าเป็นไม้แปรรูป
ศาลล่างพิพากษายกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยด้วย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตรงข้ามกับศาลล่าง และเห็นว่าโจทก์จำเลยได้นำสืบพยานมาจนสิ้นกระแสความแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงไปเลย โดยไม่ต้องย้อนสำนวน
ศาลล่างพิพากษายกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยด้วย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตรงข้ามกับศาลล่าง และเห็นว่าโจทก์จำเลยได้นำสืบพยานมาจนสิ้นกระแสความแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงไปเลย โดยไม่ต้องย้อนสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2211/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้สักแปรรูปบนเรือโป๊ะ ไม่เข้าข่ายสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ จึงเป็นไม้แปรรูปผิดกฎหมายป่าไม้
ไม้ของกลางเป็นไม้สักแปรรูปเป็นแผ่นกระดานหนา นำมาปูพื้นเรือโป๊ะ ขนาดใหญ่การปูปูเอาไว้หยาบๆ เพียงให้หัวไม้และท้ายไม้ต่อชนกัน ไม่ได้ทำให้เข้ากันให้สนิท และยังมีช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ห่างกันมาก ไม่ได้ไสกบตบแต่งให้เรียบร้อย ทั้งลักษณะของไม้ก็เป็นไม้ที่ใหม่สด ใช้ตะปูตีตอกทุกแผ่น โดยไม่เปิดช่องไว้สำหรับวิดน้ำเลย แสดงว่าทำไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย ดังนี้ ไม้ของกลางจึงไม่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ตามความหมายในมาตรา 4(4) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ต้องถือว่าเป็นไม้แปรรูป
ศาลล่างพิพากษายกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยด้วย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตรงข้ามกับศาลล่าง และเห็นว่าโจทก์จำเลยได้นำสืบพยานมาจนสิ้นกระแสความแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงไปเลย โดยไม่ต้องย้อนสำนวน
ศาลล่างพิพากษายกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยด้วย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตรงข้ามกับศาลล่าง และเห็นว่าโจทก์จำเลยได้นำสืบพยานมาจนสิ้นกระแสความแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงไปเลย โดยไม่ต้องย้อนสำนวน