พบผลลัพธ์ทั้งหมด 545 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าอาวาสในการจัดการวัดและการห้ามซ่อมแซมโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ถือเป็นความผิดตาม ม.157
ในคดีราษฎรเป็นโจทก์และศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนแล้วโจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
การบำรุงรักษาจัดการวัด พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505บัญญัติให้อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของเจ้าอาวาส
การที่โจทก์จะเข้าไปบูรณะซ่อมแซมหลังคาวิหารโดยพลการเจ้าอาวาสมีอำนาจที่จะห้ามปรามได้ ไม่ถือเป็นเรื่องเจ้าอาวาสปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
การบำรุงรักษาจัดการวัด พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505บัญญัติให้อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของเจ้าอาวาส
การที่โจทก์จะเข้าไปบูรณะซ่อมแซมหลังคาวิหารโดยพลการเจ้าอาวาสมีอำนาจที่จะห้ามปรามได้ ไม่ถือเป็นเรื่องเจ้าอาวาสปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าอาวาสในการจัดการวัด และการห้ามบูรณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เข้าข่ายความผิดตาม ม.157
ในคดีราษฎรเป็นโจทก์และศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนแล้วโจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
การบำรุงรักษาจัดการวัด พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505บัญญัติให้อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของเจ้าอาวาส
การที่โจทก์จะเข้าไปบูรณะซ่อมแซมหลังคาวิหารโดยพลการเจ้าอาวาสมีอำนาจที่จะห้ามปรามได้ ไม่ถือเป็นเรื่องเจ้าอาวาสปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
การบำรุงรักษาจัดการวัด พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505บัญญัติให้อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของเจ้าอาวาส
การที่โจทก์จะเข้าไปบูรณะซ่อมแซมหลังคาวิหารโดยพลการเจ้าอาวาสมีอำนาจที่จะห้ามปรามได้ ไม่ถือเป็นเรื่องเจ้าอาวาสปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารไม่ติดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานการชำระหนี้ในคดีแพ่งไม่ได้ แม้จะเป็นใบรับเงิน
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่ว่า 'ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ฯลฯ' มิได้หมายเฉพาะตราสารที่อ้างอิงเพื่อเรียกร้องหนี้สินเท่านั้น แต่หมายรวมถึงเอกสารที่แสดงว่าได้ชำระหนี้สินแล้วเช่นใบรับเงินด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารไม่ติดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานทางแพ่งไม่ได้ แม้เป็นหลักฐานการชำระหนี้
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่ว่า "ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้น เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ฯลฯ" มิได้หมายเฉพาะตราสารที่อ้างอิงเพื่อเรียกร้องหนี้สินเท่านั้น แต่หมายรวมถึงเอกสารที่แสดงว่าได้ชำระหนี้สินแล้วเช่นใบรับเงินด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลังสืบพยานเสร็จสิ้น ศาลต้องให้โอกาสคู่ความสืบหักล้างเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
โจทก์ส่งอ้างเอกสารเป็นพยานในคดีหลังจากที่สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว และโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานนั้นไว้ ถ้าศาลเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นในคดี แม้จะส่งยื่นขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจสั่งรับไว้เป็นพยานของศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคท้าย
ถ้าศาลจะรับฟังพยานเอกสารที่ส่งยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากที่ศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ศาลจะต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่คัดค้านการส่งยื่นเอกสารนั้นได้มีโอกาสสืบหักล้างเสียก่อน
ถ้าศาลจะรับฟังพยานเอกสารที่ส่งยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากที่ศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ศาลจะต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่คัดค้านการส่งยื่นเอกสารนั้นได้มีโอกาสสืบหักล้างเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลังสืบพยานเสร็จสิ้น ศาลต้องให้โอกาสสืบหักล้างเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
โจทก์ส่งอ้างเอกสารเป็นพยานในคดีหลังจากที่สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว และโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานนั้นไว้ ถ้าศาลเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นในคดี แม้จะส่งยื่นขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจสั่งรับไว้เป็นพยานของศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคท้าย
ถ้าศาลจะรับฟังพยานเอกสารที่ส่งยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากที่ศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ศาลจะต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่คัดค้านการส่งยื่นเอกสารนั้นได้มีโอกาสสืบหักล้างเสียก่อน
ถ้าศาลจะรับฟังพยานเอกสารที่ส่งยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากที่ศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ศาลจะต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่คัดค้านการส่งยื่นเอกสารนั้นได้มีโอกาสสืบหักล้างเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ประโยชน์จากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน การรอนสิทธิของเจ้าของที่ดินติดทะเล
ที่ดินของโจทก์จดชายทะเลอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จำเลยเข้าปลูกเรือนในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินปิดเต็มหน้าที่ดินของโจทก์จนโจทก์ไม่สามารถจะใช้หรือได้รับประโยชน์จากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นได้โดยสะดวก ถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอนสิทธิการใช้ประโยชน์จากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินทำให้เจ้าของที่ดินติดกันได้รับความเสียหายเป็นพิเศษและมีสิทธิฟ้องขับไล่
ที่ดินของโจทก์จดชายทะเลอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จำเลยเข้าปลูกเรือนในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินปิดเต็มหน้าที่ดินของโจทก์จนโจทก์ไม่สามารถจะใช้หรือได้รับประโยชน์จากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นได้โดยสะดวก ถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 601/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาเช่าซื้อ: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการใช้ทรัพย์สิน และอายุความ 10 ปี
กรณีเมื่อมีการผิดสัญญาเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเพียงริบค่าเช่าซื้อที่รับไว้กับเรียกร้องทรัพย์ที่เช่าซื้อคืนเท่านั้น จะเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระอีกด้วยมิได้ จะเรียกได้อีกก็แต่เพียงเป็นค่าเสียหายที่ผู้เช่าซื้อได้ใช้ทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ตลอดเวลาที่ผู้เช่าซื้อครอบครองทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสาม กับค่าเสียหายเพราะเหตุอื่นอันผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชอบนอกเหนือไปจากค่าเสียหายอันเกิดแต่การใช้ทรัพย์นั้นโดยชอบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 562 เท่านั้น
คำฟ้องโจทก์เรียกร้องมาเป็นค่าเช่าซื้อค้างชำระ แต่เมื่อคำฟ้องบรรยายมาว่าโจทก์บอกกล่าวทวงถามแล้ว จำเลยไม่ชำระโดยเป็นฝ่ายผิดนัดโจทก์ได้รับความเสียหายพอถือได้ว่า โจทก์เรียกร้องเป็นค่าเสียหายฐานที่จำเลยใช้ทรัพย์ของโจทก์มาตลอดเวลาที่จำเลยยังครอบครองทรัพย์ของโจทก์อยู่ ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้ และค่าเสียหายเช่นนี้ศาลอาจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้
การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพราะการที่ผู้เช่าซื้อใช้ทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ตลอดเวลาที่ยังคงครอบครองทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้ออยู่มีอายุความเรียกร้อง 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำฟ้องโจทก์เรียกร้องมาเป็นค่าเช่าซื้อค้างชำระ แต่เมื่อคำฟ้องบรรยายมาว่าโจทก์บอกกล่าวทวงถามแล้ว จำเลยไม่ชำระโดยเป็นฝ่ายผิดนัดโจทก์ได้รับความเสียหายพอถือได้ว่า โจทก์เรียกร้องเป็นค่าเสียหายฐานที่จำเลยใช้ทรัพย์ของโจทก์มาตลอดเวลาที่จำเลยยังครอบครองทรัพย์ของโจทก์อยู่ ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้ และค่าเสียหายเช่นนี้ศาลอาจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้
การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพราะการที่ผู้เช่าซื้อใช้ทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ตลอดเวลาที่ยังคงครอบครองทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้ออยู่มีอายุความเรียกร้อง 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 601/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญา: เรียกค่าเสียหายจากการใช้ทรัพย์ได้ภายใน 10 ปี
กรณีเมื่อมีการผิดสัญญาเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเพียงริบค่าเช่าซื้อที่รับไว้กับเรียกร้องทรัพย์ที่เช่าซื้อคืนเท่านั้น จะเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระอีกด้วยมิได้ จะเรียกได้อีกก็แต่เพียงเป็นค่าเสียหายที่ผู้เช่าซื้อได้ใช้ทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ตลอดเวลาที่ผู้เช่าซื้อครอบครองทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรค 3 กับค่าเสียหายเพราะเหตุอื่นอันผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชอบนอกเหนือไปจากค่าเสียหายอันเกิดแต่การใช้ทรัพย์นั้นโดยชอบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 562 เท่านั้น
คำฟ้องโจทก์เรียกร้องมาเป็นค่าเช่าซื้อค้างชำระแต่เมื่อคำฟ้องบรรยายมาว่าโจทก์บอกกล่าวทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระโดยเป็นฝ่ายผิดนัดโจทก์ได้รับความเสียหายพอถือได้ว่าโจทก์เรียกร้องเป็นค่าเสียหายฐานที่จำเลยใช้ทรัพย์ของโจทก์มาตลอดเวลาที่จำเลยยังครอบครองทรัพย์ของโจทก์อยู่ ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้ และค่าเสียหายเช่นนี้ศาลอาจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้
การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพราะการที่ผู้เช่าซื้อใช้ทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ตลอดเวลาที่ยังคงครอบครองทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้ออยู่มีอายุความเรียกร้อง 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำฟ้องโจทก์เรียกร้องมาเป็นค่าเช่าซื้อค้างชำระแต่เมื่อคำฟ้องบรรยายมาว่าโจทก์บอกกล่าวทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระโดยเป็นฝ่ายผิดนัดโจทก์ได้รับความเสียหายพอถือได้ว่าโจทก์เรียกร้องเป็นค่าเสียหายฐานที่จำเลยใช้ทรัพย์ของโจทก์มาตลอดเวลาที่จำเลยยังครอบครองทรัพย์ของโจทก์อยู่ ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้ และค่าเสียหายเช่นนี้ศาลอาจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้
การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพราะการที่ผู้เช่าซื้อใช้ทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ตลอดเวลาที่ยังคงครอบครองทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้ออยู่มีอายุความเรียกร้อง 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164