คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ถาวร หุตะโกวิท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 545 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล่อยที่ดินจากการบังคับคดี: เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมและสิทธิในที่ดิน
โจทก์นำยึดที่ดินทั้งแปลงตามโฉนดเนื้อที่ 79 ไร่ผู้ร้องขอให้ปล่อยที่ดินบางส่วนเนื้อที่ 29 ไร่เศษ ศาลพิพากษาให้ปล่อยที่ดินทั้งแปลงเนื้อที่ 79 ไร่เศษได้ในเมื่อฟังได้ว่าจำเลยไม่มีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินในโฉนดนั้นเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการปล่อยที่ดินยึด กรณีจำเลยไม่มีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
โจทก์นำยึดที่ดินทั้งแปลงตามโฉนดเนื้อที่ 79 ไร่ ผู้ร้องขอให้ปล่อยที่ดินบางส่วน เนื้อที่ 29 ไร่เศษ ศาลพิพากษาให้ปล่อยที่ดินทั้งแปลงเนื้อที่ 79 ไร่เศษได้ ในเมื่อฟังได้ว่าจำเลยไม่มีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินในโฉนดนั้นเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำคู่ความไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้แก้ไขก่อนรับฟ้อง
เอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาล โจทก์ได้ใช้แบบพิมพ์ (31) อุทธรณ์ (32) ท้ายอุทธรณ์แล้วมาแก้เป็นฎีกา ในเนื้อหาได้บรรยายเป็นรูปอุทธรณ์คำสั่ง แล้วลงท้ายกลายเป็นขอให้ศาลฎีกาพิพากษา ซึ่งเป็นเรื่องเปะปะปนกันยุ่งไปหมด โดยไม่ทราบแน่ว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นเป็นฎีกาเป็นอุทธรณ์หรือเป็นคำร้อง จะว่าเป็นฎีกา แต่แล้วศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งรับหรือไม่รับฎีกา เพียงแต่สั่งรวมสำนวนส่งศาลฎีกาเท่านั้น ดังนี้ อาศัยความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้คืนคำคู่ความของโจทก์ไปจัดทำเสียใหม่ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำคู่ความไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้แก้ไขก่อนรับพิจารณา
เอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาล โจทก์ได้ใช้แบบพิมพ์ (31)อุทธรณ์(32) ท้ายอุทธรณ์แล้วมาแก้เป็นฎีกา. ในเนื้อหาได้บรรยายเป็นรูปอุทธรณ์คำสั่ง. แล้วลงท้ายกลายเป็นขอให้ศาลฎีกาพิพากษา. ซึ่งเป็นเรื่องเปะปะปนกันยุ่งไปหมด. โดยไม่ทราบแน่ว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นเป็นฎีกาเป็นอุทธรณ์หรือเป็นคำร้อง. จะว่าเป็นฎีกา แต่แล้วศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งรับหรือไม่รับฎีกา. เพียงแต่สั่งรวมสำนวนส่งศาลฎีกาเท่านั้น. ดังนี้อาศัยความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15. ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้คืนคำคู่ความของโจทก์ไปจัดทำเสียใหม่ให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำคู่ความไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้แก้ไขก่อนรับฟ้อง
เอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาล โจทก์ได้ใช้แบบพิมพ์ (31)อุทธรณ์(32) ท้ายอุทธรณ์แล้วมาแก้เป็นฎีกา ในเนื้อหาได้บรรยายเป็นรูปอุทธรณ์คำสั่งแล้วลงท้ายกลายเป็นขอให้ศาลฎีกาพิพากษาซึ่งเป็นเรื่องเปะปะปนกันยุ่งไปหมดโดยไม่ทราบแน่ว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นเป็นฎีกาเป็นอุทธรณ์หรือเป็นคำร้องจะว่าเป็นฎีกา แต่แล้วศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งรับหรือไม่รับฎีกาเพียงแต่สั่งรวมสำนวนส่งศาลฎีกาเท่านั้นดังนี้อาศัยความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้คืนคำคู่ความของโจทก์ไปจัดทำเสียใหม่ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้ผิดกฎหมาย: สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ และไม้ต้องถูกริบ แม้ผู้ซื้ออ้างสุจริต
จำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้สักตายแห้งขอนนอนกับกรมป่าไม้แต่กลับไปทำการลักตัดไม้สักสดออกจากป่าโดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ไม้สักที่จำเลยลักตัดจึงเป็นไม้ที่ได้มาโดยผิดกฎหมายและเป็นของที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 74
ผู้ร้องรับซื้อไม้จากจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าไม้ โดยมีพฤติการณ์ที่ยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องสุจริตผู้ร้องจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1329,1332 ขึ้นมาอ้างเพื่อยึดถือไม้ไว้หาได้ไม่
เมื่อวัตถุแห่งหนี้ของสัญญาซื้อขายเป็นของผิดกฎหมายสัญญาซื้อขายก็ไม่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้ผิดกฎหมาย: สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ และไม้ต้องถูกริบ แม้ผู้ซื้ออ้างสุจริต
จำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้สักตายแห้งขอนนอนกับกรมป่าไม้. แต่กลับไปทำการลักตัดไม้สักสดออกจากป่าโดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้. ไม้สักที่จำเลยลักตัดจึงเป็นไม้ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย. และเป็นของที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 74.
ผู้ร้องรับซื้อไม้จากจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าไม้ โดยมีพฤติการณ์ที่ยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องสุจริต. ผู้ร้องจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1329,1332 ขึ้นมาอ้างเพื่อยึดถือไม้ไว้หาได้ไม่.
เมื่อวัตถุแห่งหนี้ของสัญญาซื้อขายเป็นของผิดกฎหมาย.สัญญาซื้อขายก็ไม่สมบูรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้ผิดกฎหมาย: สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ แม้ผู้ซื้ออ้างสุจริต หากมีพฤติการณ์ส่อปกปิด
จำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้สักตายแห้งขอนนอนกับกรมป่าไม้ แต่กลับไปทำการลักตัดไม้สดออกจากป่าโดยมิได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ไม้สักที่จำเลยลักตัดจึงเป็นไม้ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย และเป็นของที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74
ผู้ร้องรับซื้อไม้จากจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าไม้ โดยมีพฤติการณ์ที่ยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องสุจริต ผู้ร้องจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1329, 1332 ขึ้นมาอ้างเพื่อยึดถือไม้ไว้หาได้ไม่
เมื่อวัตถุแห่งหนี้ของสัญญาซื้อขายเป็นของผิดกฎหมาย สัญญาซื้อขายก็ไม่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยเปลี่ยนคำให้การและยอมรับสารภาพ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ทันที
วันนัดสืบพยานจำเลย ตัวจำเลยมาศาล แต่พยานอื่นไม่มา จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน จำเลยจึงอ้างตนเองเข้าสืบได้ 1 ปากแล้วยอมให้ศาลตัดพยานจำเลยไปตามที่จำเลยเคยแถลงไว้ แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย และจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์หรือขอให้โอกาสจำเลยสืบพยานได้อีก ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาคดีไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น หากศาลอุทธรณ์เห็นควรฟังคำพยานจำเลยต่อไปอีก ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะเรียกพยานมาสืบเอง หรือส่งสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยยอมรับสารภาพและศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ถูกต้อง
วันนัดสืบพยานจำเลย ตัวจำเลยมาศาล แต่พยานอื่นไม่มาจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนจำเลยจึงอ้างตนเองเข้าสืบได้ 1 ปากแล้วยอมให้ศาลตัดพยานจำเลยไปตามที่จำเลยเคยแถลงไว้แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์หรือขอให้โอกาสจำเลยสืบพยานได้อีกดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาคดีไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นหากศาลอุทธรณ์เห็นควรฟังคำพยานจำเลยต่อไปอีก ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะเรียกพยานมาสืบเองหรือส่งสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(1)
of 55