คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ถาวร หุตะโกวิท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 545 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1758/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินมือเปล่า แม้มี น.ส.3 ก็ไม่ถือเป็นเจ้าของ การโอนต้องด้วยเจตนาสละการครอบครอง
โจทก์ซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าจาก ต. และครอบครองทำกินมาเป็นเวลานานปีแล้ว แม้ ต. จะได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)ที่พิพาทแปลงนี้ และโอนขายให้จำเลยภายหลัง ซึ่งรับซื้อไว้โดยสุจริตดังปรากฏหลักฐานการโอนตามหนังสือ น.ส.3 ก็ตาม จำเลยก็หาได้ไปซึ่งสิทธิในที่พิพาทแต่อย่างใดไม่ เพราะ น.ส.3 หาใช่เป็นหลักฐานกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนเช่นโฉนดที่ดินไม่ จึงจะนำมาตรา 1299, 1300 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้แก่กรณีนี้มิได้ (เทียบเคียงฎีกาที่ 1076-1078/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกันไม่ใช่เงินมัดจำ และอำนาจฟ้องของกองทัพบกเมื่อมีผู้รับมอบอำนาจ
โจทก์จ้างจำเลยให้ทำการก่อสร้างให้โจทก์ โดยมีข้อสัญญาว่าหากเกิดความเสียหายใด ๆ ขึ้น เนื่องจากจำเลยผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย ในการปฏิบัติตามสัญญาจำเลยได้วางหนังสือค้ำประกันของธนาคารไว้แทนการวางมัดจำเป็นเงินจำนวนหนึ่ง หนังสือค้ำประกันนี้เป็นเพียงสัญญาซึ่งธนาคารผู้ค้ำประกันผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ในเมื่อจำเลยผิดสัญญาและไม่ชำระหนี้เท่านั้น ธนาคารมิได้วางเงินตามสัญญาค้ำประกันไว้แก่โจทก์ ขณะเมื่อจำเลยเข้าทำสัญญากับโจทก์ หนังสือค้ำประกันจึงมิใช่เป็นมัดจำตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377แม้ธนาคารจะได้ชำระเงินตามหนังสือค้ำประกันให้โจทก์ในเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลย ก็ไม่ทำให้เงินที่ชำระนั้นกลายเป็นมัดจำไป เมื่อหนังสือค้ำประกันไม่ใช่มัดจำ และตามสัญญาก็มิได้ระบุให้ริบเงินที่ชำระตามหนังสือค้ำประกัน โจทก์จึงริบเงินจำนวนนี้ไม่ได้
จำเลยทำสัญญารับทำการก่อสร้างโดยระบุไว้ในสัญญาว่าส. เป็นคู่สัญญากับจำเลยโดยคำสั่งกองทัพบก ย่อมถือได้ว่า ส.ลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากกองทัพบกจำเลยจะอ้างว่า ส. เป็นคู่สัญญากับจำเลยไม่ใช่กองทัพบกกองทัพบกไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกันไม่ใช่เงินมัดจำ - สิทธิในการริบ - อำนาจฟ้องของกองทัพบก
โจทก์จ้างจำเลยให้ทำการก่อสร้างให้โจทก์ โดยมีข้อสัญญาว่าหากเกิดความเสียหายใด ๆ ขึ้น เนื่องจากจำเลยผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย ในการปฏิบัติตามสัญญา จำเลยได้วางหนังสือค้ำประกันของธนาคารไว้แทนการวางมัดจำเป็นเงินจำนวนหนึ่ง หนังสือค้ำประกันนี้เป็นเพียงสัญญาซึ่งธนาคารผู้ค้ำประกันผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ในเมื่อจำเลยผิดสัญญาและไม่ชำระหนี้เท่านั้น ธนาคารมิได้วางเงินตามสัญญาค้ำประกันไว้แก่โจทก์ขณะเมื่อจำเลยเข้าทำสัญญากับโจทก์ หนังสือค้ำประกันจึงมิใช่เป็นมัดจำตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377แม้ธนาคารจะได้ชำระเงินตามหนังสือค้ำประกันให้โจทก์ในเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลย ก็ไม่ทำให้เงินที่ชำระนั้นกลายเป็นมัดจำไป เมื่อหนังสือค้ำประกันไม่ใช่มัดจำ และตามสัญญาก็มิได้ระบุให้ริบเงินที่ชำระตามหนังสือค้ำประกัน โจทก์จึงริบเงินจำนวนนี้ไม่ได้
จำเลยทำสัญญารับทำการก่อสร้างโดยระบุไว้ในสัญญาว่าส. เป็นคู่สัญญากับจำเลยโดยคำสั่งกองทัพบก ย่อมถือได้ว่า ส.ลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากกองทัพบกจำเลยจะอ้างว่า ส. เป็นคู่สัญญากับจำเลยไม่ใช่กองทัพบกกองทัพบกไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกเงินโดยข่มขู่โดยไม่มีสิทธิทางกฎหมาย และการกระทำเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์
กระบือของจำเลยหายไปโดยที่ผู้เสียหายมิได้ลักไป จำเลยไปเรียกเงินจากผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง โดยกล่าวหาว่าผู้เสียหายลักกระบือของจำเลยไปและพูดจาขู่เข็ญผู้เสียหายว่า ถ้าไม่ให้เงินจะพาตำรวจมาจับและผู้เสียหายจะต้องติดคุก ทั้ง ๆ ที่จำเลยไม่ทราบว่า ผู้เสียหายลักกระบือจำเลยไปจริงหรือไม่ ผู้เสียหายกลัวจะเสียเวลาทำมาหากิน จึงให้เงินจำเลยไปโดยไม่สมัครใจ เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จึงมีความผิดฐานกรรโชก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกเงินโดยข่มขู่ด้วยข้อความเท็จ แม้ผู้เสียหายไม่ได้กระทำผิด ย่อมเป็นกรรโชก
กระบือของจำเลยหายไปโดยที่ผู้เสียหายมิได้ลักไป จำเลยไปเรียกเงินจากผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง โดยกล่าวหาว่าผู้เสียหายลักกระบือของจำเลยไปและพูดจาขู่เข็ญผู้เสียหายว่า ถ้าไม่ให้เงินจะพาตำรวจมาจับและผู้เสียหายจะต้องติดคุก ทั้ง ๆ ที่จำเลยไม่ทราบว่า ผู้เสียหายลักกระบือจำเลยไปจริงหรือไม่ ผู้เสียหายกลัวจะเสียเวลาทำมาหากิน จึงให้เงินจำเลยไปโดยไม่สมัครใจ เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จึงมีความผิดฐานกรรโชก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์เพื่อขายต่อ ไม่ใช่การยักยอกทรัพย์ หากผิดสัญญาเป็นเรื่องแพ่ง
การที่จำเลยรับทรัพย์ไปจากโจทก์ร่วมก็เพื่อหวังจะเอาไปขายหากำไรอีกต่อหนึ่ง จำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องทำการขายตามคำสั่งของโจทก์ร่วมจำเลยจะขายเกินราคาหรือต่ำกว่าราคาที่โจทก์ร่วมกำหนดไว้ก็ทำได้เพียงแต่ว่าเมื่อขายได้แล้ว ต้องส่งราคาแก่โจทก์ร่วมตามที่กำหนดกันไว้เท่านั้น การครอบครองทรัพย์ของจำเลยในลักษณะเช่นนี้จึงมิใช่ครอบครองทรัพย์ในฐานตัวแทนโจทก์ร่วม หากแต่ครอบครองโดยอาศัยอำนาจแห่งสัญญาที่โจทก์ร่วมกับจำเลยมีนิติสัมพันธ์ต่อกันเมื่อจำเลยบิดพลิ้วไม่ส่งเงินที่ขาย ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นทั้งโจทก์ก็สืบไม่ได้ว่าจำเลยได้เบียดบังตัวทรัพย์ไว้โดยทุจริต จึงหาใช่เป็นการผิดทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ตามฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์เพื่อขายหากำไร ไม่ใช่การยักยอกทรัพย์ แม้ผิดสัญญาซื้อขาย
การที่จำเลยรับทรัพย์ไปจากโจทก์ร่วมก็เพื่อหวังจะเอาไปขายหากำไรอีกต่อหนึ่ง จำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องทำการขายตามคำสั่งของโจทก์ร่วมจำเลยจะขายเกินราคาหรือต่ำกว่าราคาที่โจทก์ร่วมกำหนดไว้ก็ทำได้ เพียงแต่ว่าเมื่อขายได้แล้ว ต้องส่งราคาแก่โจทก์ร่วมตามที่กำหนดกันไว้เท่านั้น การครอบครองทรัพย์ของจำเลยในลักษณะเช่นนี้จึงมิใช่ครอบครองทรัพย์ในฐานตัวแทนโจทก์ร่วม หากแต่ครอบครองโดยอาศัยอำนาจแห่งสัญญาที่โจทก์ร่วมกับจำเลยมีนิติสัมพันธ์ต่อกันเมื่อจำเลยบิดพลิ้วไม่ส่งเงินที่ขาย ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นทั้งโจทก์ก็สืบไม่ได้ว่า จำเลยได้เบียดบังตัวทรัพย์ไว้โดยทุจริต จึงหาใช่เป็นการผิดทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ตามฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อเสรีภาพจากการข่มขู่ด้วยอาวุธ แม้ไม่มีผลประโยชน์ในทรัพย์สิน ก็เป็นความผิดได้
จำเลยกับโจทก์ร่วมเข้าหุ้นทำการก่อสร้างโรงเรียนร่วมกัน จำเลยพาพวกซึ่งมีอาวุธปืนติดตัวไปขู่เข็ญให้โจทก์ร่วมคิดบัญชีการเงินเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงเรียน โจทก์ร่วมไม่ยอมคิดบัญชีประกอบกับขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา จำเลยกับพวกจึงบังคับให้โจทก์ร่วมคิดบัญชีไม่สำเร็จ เช่นนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพยายามกรรโชก เพราะจำเลยไม่มีทางได้ประโยชน์ในทางทรัพย์โดยมิชอบแต่อย่างใด แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามกระทำผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรค 2 ประกอบมาตรา 80, 83 เพราะจำเลยมีเจตนาที่จะทำให้โจทก์ร่วมกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตจนยอมคิดบัญชีให้ และจำเลยได้กระทำไปโดยตลอดแล้วเพื่อให้โจทก์ร่วมกลัวและปฏิบัติตามความประสงค์ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขู่ให้คิดบัญชีหุ้นส่วน ไม่เป็นกรรโชก แต่เป็นการกระทำผิดต่อเสรีภาพ
จำเลยกับโจทก์ร่วมเข้าหุ้นทำการก่อสร้างโรงเรียนร่วมกัน จำเลยพาพวกซึ่งมีอาวุธปืนติดตัวไปขู่เข็ญให้โจทก์ร่วมคิดบัญชีการเงินเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงเรียน โจทก์ร่วมไม่ยอมคิดบัญชีประกอบกับขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา จำเลยกับพวกจึงบังคับให้โจทก์ร่วมคิดบัญชีไม่สำเร็จ เช่นนี้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพยายามกรรโชก เพราะจำเลยไม่มีทางได้ประโยชน์ในทางทรัพย์สินโดยมิชอบแต่อย่างใด แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามกระทำผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80, 83เพราะจำเลยมีเจตนาที่จะทำให้โจทก์ร่วมกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตจนยอมคิดบัญชีให้ และจำเลยได้กระทำไปโดยตลอดแล้วเพื่อให้โจทก์ร่วมกลัวและปฏิบัติตามความประสงค์ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีละเมิดจากการไม่บำรุงทางน้ำสาธารณะ ต้องพิเคราะห์ความเสียหายเฉพาะตัวของผู้ฟ้อง
โจทก์ฟ้องเทศบาลเป็นจำเลยว่าไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่จะต้องจัดให้มีและบำรุงทางน้ำ ทางบก และทางระบายน้ำ ตลอดจนการรักษาความสะอาดทำให้โจทก์และประชาชนทั่วไปไม่อาจใช้ทางน้ำสาธารณะเป็นทางสัญจรได้เหมือนแต่ก่อน ดังนี้ ย่อมหมายความว่าพลเมืองที่ใช้ทางน้ำสาธารณะนั้น ๆร่วมกันเป็นผู้ได้รับความเสียหาย ไม่ใช่ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายยิ่งกว่าประชาชนทั่วไป ไม่พอให้ถือว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์กับจำเลย อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
of 55