คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 240 (3)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1129/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสนอคดีต่อศาลต้องมีข้อพิพาททางกฎหมาย หากมีคดีมีข้อพิพาทแล้ว ศาลฎีกาสามารถวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้
การเสนอคดีต่อศาลนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 บัญญัติว่าต้องมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมาย หรือบุคคลใดจะใช้สิทธิในทางศาล ซึ่งต้องมีกฎหมายสนับสนุน ไม่ใช่ว่ามีความปรารถนาหรือข้องใจอย่างใดเกิดขึ้นก็มาร้องขอให้ศาลชี้ขาดได้
ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่จำต้องมาร้องต่อศาล ซึ่งศาลย่อมจะต้องยกคำร้องเสียนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องเช่นว่านั้นไว้แล้ว และมีผู้ร้องคัดค้านเข้ามาจนศาลชั้นต้นสั่ง และดำเนินการพิจารณาเป็นคดีมีข้อพิพาทนั้น เรื่องสิทธิเสนอคดีต่อศาลดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นอันผ่านไป
ในคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยข้อกฎหมาย ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงนั้น เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะฟังข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาคดีไปทีเดียวได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงใหม่อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความพินัยกรรม: เจตนาผู้ทำพินัยกรรมและความถูกต้องของเลขที่ดิน
ข้อความในพินัยกรรม์ ซึ่งแปลได้ว่า ได้ระบุนามผู้รับมฤดกแล้ว
ในพินัยกรรม์ได้ระบุที่ดินโฉนดที่ 118 เป็นทรัพย์มฤดกแต่ที่ดินรายพิพาทปรากฎว่าเป็นโฉนดที่ 1133 จำเลยจะขอสืบพะยานว่าเลขในโฉนดใบพินัยกรรม์เขียนผิด ผู้ตายมีที่นาฉะเพาะแปลงพิพาทแปลงเดียว ดังนี้จำเลยย่อมนำสืบได้ เพราะเป็นการสืบตีความในเอกสารพินัยกรรม์ว่าผู้ตายมีเจตนากล่าวถึงที่ดินแปลงไหน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความพินัยกรรม: เจตนาผู้ทำพินัยกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ระบุในพินัยกรรม
ข้อความในพินัยกรรมซึ่งแปลได้ว่า ได้ระบุนามผู้รับมรดกแล้ว
ในพินัยกรรมได้ระบุที่ดินโฉนดที่ 118 เป็นทรัพย์มรดกแต่ที่ดินรายพิพาทปรากฏว่าเป็นโฉนดที่ 1133 จำเลยจะขอสืบพยานว่าเลขในโฉนดใบพินัยกรรมเขียนผิด ผู้ตายมีที่นาเฉพาะแปลงพิพาทแปลงเดียว ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบได้เพราะเป็นการสืบตีความในเอกสารพินัยกรรมว่าผู้ตายมีเจตนากล่าวถึงที่ดินแปลงไหน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแลกเปลี่ยนที่ดินกับผู้เยาว์: ความสมบูรณ์ของนิติกรรมและการพิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์และโจทก์ได้โอนที่ดินของโจทก์ให้จำเลยไปแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยไม่เคยจะแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์ ที่ดินที่โจทก์โอนให้จำเลยนี้ โจทก์โอนให้โดยเสน่หา โจทก์แถลงรับว่าเมื่อตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินนั้นจำเลยยังเป็นผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของโจทก์ได้ความดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยอ้างว่าการแลกเปลี่ยนที่ดินนี้จะฟ้องร้องบังคับกันไม่ได้ เพราะเป็นการทำนิติกรรมกับผู้เยาว์ และทั้งไม่ได้ทำให้ถูกแบบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอจะให้วินิจฉัยคดีได้ ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแลกเปลี่ยนที่ดินกับผู้เยาว์: ศาลยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์ และโจทก์ได้โอนที่ดินของโจทก์ให้จำเลยไปแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยไม่เคยจะแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์ ที่ดินที่โจทก์โอนให้จำเลยนี้ โจทก์โดนให้โดยเสน่หา โจทก์แถลงรับว่าเมื่อตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินนั้น จำเลยยังเป็นผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของโจทก์ได้ความดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยอ้างว่าการแลกเปลี่ยนที่ดินนี้จะฟ้องร้องบังคับกันไม่ได้ เพราะเป็นการทำนิติกรรมกับผู้เยาว์ และทั้งไม่ได้ทำให้ถูกแบบตาม ป.ม.แพ่ง ฯ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ ยังไม่เพียงพอจะให้วินิจฉัยคดีได้ ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเคหะและการบอกเลิกสัญญาภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ หากไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่
การเช่าเคหะอันอยู่ในบังคับแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.2486 นั้น ถ้ามิได้ใช้อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่แล้ว ย่อไม่ใช่เคหะตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน(ฉบับที่ 2) 2488 ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าภายในบังคับแห่ง ป.ม.แพ่งฯ ในระหว่างเวลาที่ใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน(ฉบับที่ 2) 2488 ได้
ในคดีที่คู่ความฎีกาในข้อ ก.ม. ถ้าศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองยังมิได้พิจารณาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญในประเด็น ก็มีอำนาจให้ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เคหะควบคุมค่าเช่า: สัญญาเช่าระงับหากใช้ไม่เป็นที่อยู่อาศัย และบอกเลิกถูกต้องตามกฎหมาย
การเช่าเคหะอันอยู่ในบังคับแห่งพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.2486 นั้น ถ้ามิได้ใช้อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่แล้ว ย่อมไม่ใช่เคหะตามความหมายแห่งพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน (ฉบับที่ 2)2488ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าภายในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในระหว่างเวลาที่ใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน (ฉบับที่ 2)2488 ได้
ในคดีที่คู่ความฎีกาในข้อกฎหมายถ้าศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองยังมิได้พิจารณาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญในประเด็น ก็มีอำนาจให้ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเพิ่มลูกหนี้ร่วม: สัญญาใหม่ไม่เป็นการแปลงหนี้เดิม แต่เพิ่ม จ. เป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลย
คดีนี้นำบุคคลภายนอกทำสัญญากับเจ้าหนี้ยอมใช้หนี้แทนลูกหนี้ แต่ลูกหนึ้ยังสงวนสิทธิที่จะ+ลูกหนี้ได้อยู่ตามเดิมสัญญาลงนามบุคคลภายนอกและลูหนี้เป็นผู้ให้สัญญาเจ้าหนี้จึงคืนสัญญา+ให้ไปดังนี้ สัญญา+นี้หาใช่เป็นสัญญา+หนี้โดยเปลี่ยนตัว+หนี้ไม่เป็นเพียงสัญญาเพิ่มบุคคลภายนอกเข้าในลูกหนี้ร่วมกับลูกหนี้+เท่านั้น
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยข้อกฎหมาย เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นยกขึ้นตัดสินนั้นไม่ชอบ และศาลชั้นต้นยังมิได้พิจารณาหรือวินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญในประเด็นก็มีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อกฎหมายต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟัง ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ฎีกาอ้าง
(หมายเหตุ. ผลแห่งคดีนี้มีว่า ถ้าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304(1) ราษฎรผู้เข้ายึดถือมีสิทธิฟ้องคนอื่นได้)
คดีที่ฎีกาได้ฉะเพาะข้อกฎหมาย การอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาในฎีกาเพื่อให้วินิจฉัยข้อกฎหมายนั้นต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟัง มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
กรณีที่ศาลฎีกาแปลความมุ่งหมายแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งไม่ใช่ฟังข้อเท็จจริงเอาเอง
of 7