พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการจ่อปืนและการแย่งปืน ถือเป็นความผิดพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
การที่จำเลยมาพูดขอซื้อบุหรี่จากผู้เสียหาย ขณะที่ผู้เสียหายเอื้อมมือจะหยิบบุหรี่ในตู้ จำเลยได้เข้าประชิดตัวและชักปืนลูกซองสั้นที่มีกระสุนปืนบรรจุอยู่ออกมาจ่อที่หน้าอกผู้เสียหาย พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่เนื่องจากผู้เสียหายได้ปัดป้องเสียทัน และแย่งปืนจากจำเลยได้จำเลยจึงมิได้ลั่นไกปืน กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด แต่เป็นเรื่องกระทำไปไม่ตลอดตาม ความหมาย ของ ป.อ. มาตรา 80 จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า ตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแต่ทำไม่สำเร็จ: พยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา
การที่จำเลยมาพูดขอซื้อ บุหรี่จากผู้เสียหาย ขณะที่ผู้เสียหายเอื้อมมือจะหยิบบุหรี่ในตู้ จำเลยได้ เข้าประชิดตัว และชักปืนลูกซองสั้นที่มีกระสุนปืนบรรจุอยู่ออกมาจ่อที่หน้าอกผู้เสียหาย พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและได้ ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่ เนื่องจากผู้เสียหายได้ ปัดป้องเสียทัน และแย่งปืนจากจำเลยได้ จำเลยจึงมิได้ลั่นไกปืน กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด แต่ เป็นเรื่องกระทำไปไม่ตลอดตาม ความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80จำเลยจึงมีความผิดฐาน พยายามฆ่า ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ประกอบมาตรา 80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่า: การชักปืนจ่อหน้าอก ถือเจตนาฆ่า แม้ยังไม่ลั่นไก
การที่จำเลยมาพูดขอซื้อบุหรี่จากผู้เสียหาย ขณะที่ผู้เสียหายเอื้อมมือจะหยิบบุหรี่ในตู้ จำเลยได้เข้าประชิดตัวและชักปืนลูกซองสั้นที่มีกระสุนปืนบรรจุอยู่ออกมาจ่อที่หน้าอกผู้เสียหาย พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่เนื่องจากผู้เสียหายได้ปัดป้องเสียทัน และแย่งปืนจากจำเลยได้ จำเลยจึงมิได้ลั่นไกปืน กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอดแต่เป็นเรื่องกระทำไปไม่ตลอดตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และความผิดสนับสนุนการกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์มาดักยิง ศ.เมื่อส.ขับรถปิคอัพมาถึงที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าเป็น ศ. เพราะไม่รู้จักมาก่อนจึงจ้องปืนเล็งไปยัง ส. โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองแต่ ส.โบกมือให้ทราบว่าตนมิใช่ศ. จำเลยที่ 1จึงไม่ได้ยิงดังนี้ เป็นการลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอด จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา289(4),80 จำเลยที่ 2 ให้รถจักรยานยนต์และปืนแก่จำเลยที่ 1 ไปใช้ยิง ศ. ดังนี้จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิง และการยับยั้งการกระทำจนไม่สำเร็จ
จำเลยชวนผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 4 ปีเศษไปดูการ์ตูนที่บ้านจำเลยแล้วพาไปนอนบนกระดาน ถอดกางเกงผู้เสียหายและจำเลยออก แล้วจำเลยใช้อวัยวะเพศดันไปตรงอวัยวะเพศของผู้เสีหายเพียงครั้งเดียว บริเวณอวัยวะเพศของผู้เสียหายไม่มีบาดแผล จำเลยไม่ได้กระทำซ้ำต่อไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ทั้ง ๆที่จำเลยมีโอกาสที่จะกระทำได้นับได้ว่าเป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 80,82
แม้ผู้เสียหายไม่มีช่องคลอด ผิดปกติแต่กำเนิด อันเป็นเหตุประกอบให้เห็นว่า โดยสภาพวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อทำให้การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ก็ตาม ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยหยุดการกระทำต่อผู้เสียหายเพราะได้เห็น หรือทราบข้อเท็จจริงอันนี้ เมื่อจำเลยยับยั้งเสียเองได้ จำเลยก็ไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดนั้นคงมีความผิดเท่าที่ต้องตามกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด คือกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279.
แม้ผู้เสียหายไม่มีช่องคลอด ผิดปกติแต่กำเนิด อันเป็นเหตุประกอบให้เห็นว่า โดยสภาพวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อทำให้การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ก็ตาม ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยหยุดการกระทำต่อผู้เสียหายเพราะได้เห็น หรือทราบข้อเท็จจริงอันนี้ เมื่อจำเลยยับยั้งเสียเองได้ จำเลยก็ไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดนั้นคงมีความผิดเท่าที่ต้องตามกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด คือกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามกระทำชำเราเด็กหญิง แม้การกระทำไม่สำเร็จผล และการยับยั้งการกระทำ
จำเลยชวนผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 4 ปีเศษไปดูการ์ตูนที่บ้านจำเลยแล้วพาไปนอนบนกระดาน ถอดกางเกงผู้เสียหายและจำเลยออก แล้วจำเลยใช้อวัยวะเพศดันไปตรงอวัยวะเพศของผู้เสีหายเพียงครั้งเดียว บริเวณอวัยวะเพศของผู้เสียหายไม่มีบาดแผล จำเลยไม่ได้กระทำซ้ำต่อไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ทั้ง ๆ ที่จำเลยมีโอกาสที่จะกระทำได้นับได้ว่าเป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 80, 82
แม้ผู้เสียหายไม่มีช่องคลอด ผิดปกติแต่กำเนิด อันเป็นเหตุประกอบให้เห็นว่า โดยสภาพวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อทำให้การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ก็ตาม ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยหยุดการกระทำต่อผู้เสียหายเพราะได้เห็น หรือทราบข้อเท็จจริงอันนี้ เมื่อจำเลยยับยั้งเสียเองได้ จำเลยก็ไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดนั้นคงมีความผิดเท่าที่ต้องตามกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด คือกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279.
แม้ผู้เสียหายไม่มีช่องคลอด ผิดปกติแต่กำเนิด อันเป็นเหตุประกอบให้เห็นว่า โดยสภาพวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อทำให้การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ก็ตาม ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยหยุดการกระทำต่อผู้เสียหายเพราะได้เห็น หรือทราบข้อเท็จจริงอันนี้ เมื่อจำเลยยับยั้งเสียเองได้ จำเลยก็ไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดนั้นคงมีความผิดเท่าที่ต้องตามกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด คือกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความพยายามฆ่าและการยับยั้งชั่วขณะ: การกระทำที่มิได้บรรลุผลสำเร็จย่อมไม่เป็นความผิด
เมื่อ ธ. วิ่งหนีจำเลยไปแล้ว จำเลยไม่ได้วิ่งไล่ตามไปยิงโดยกลับใจเอาปืนมาจ้อง ว. แทน ทั้งที่มีโอกาสจะยิง ธ. ได้ จึงเป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด เมื่อจำเลยจ้องปืนไปทาง ว. แล้ว ว. พูดว่าไม่เกี่ยวและหลบเข้าไปทางหลังบ้าน จำเลยเดินไปอีกทางหนึ่งโดยไม่ตามเข้าไปยิง ว.ทั้งที่มีโอกาสจะยิงได้ เป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่า ธ และ ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยับยั้งการกระทำความผิดพยายามฆ่า: การไม่ลงมือยิงหลังจากมีโอกาส ถือเป็นยับยั้งเสียเอง
เมื่อธ.วิ่งหนีจำเลยไปแล้วจำเลยไม่ได้วิ่งไล่ตามไปยิงโดยกลับใจเอาปืนมาจ้องว.แทนทั้งที่มีโอกาสจะยิงธ.ได้จึงเป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอดเมื่อจำเลยจ้องปืนไปทางว.แล้วว.พูดว่าไม่เกี่ยวและหลบเข้าไปทางหลังบ้านจำเลยเดินไปอีกทางหนึ่งโดยไม่ตามเข้าไปยิงว.ทั้งที่มีโอกาสจะยิงได้เป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอดจำเลยจึงไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่าธและว..
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความพยายามฆ่า: การยับยั้งการกระทำสำเร็จ และการพิจารณาเจตนาจากพฤติการณ์
จำเลยจ้องปืนไปยังธ. โดยใช้นิ้วมือสอดเข้าไปในโกร่งไกปืนแต่เมื่อธ. วิ่งหนีขึ้นบ้านจำเลยก็ไม่ได้วิ่งตามกลับใจจ้องปืนมายังว. แทนทั้งที่มีโอกาสจะยิงะ. ได้และเมื่อว. พูดกับจำเลยว่าตนไม่เกี่ยวพร้อมกับยกมือขึ้นป้องแล้วเข้าไปหลังบ้านเข้าไปซ่อนตัวในป่าจำเลยก็ไม่ได้ตามว. ไปทั้งที่มีโอกาสจะยิงได้แสดงว่าจำเลยได้ยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอดจำเลยจึงไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่าธ. และว..
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานสนับสนุนข่มขืนฯ และการพิพากษาลงโทษนอกเหนือคำฟ้อง
ผู้เสียหายกับเพื่อนนั่งรอเรืออยู่ที่ท่าน้ำ จำเลยกับ ส. เข้ามาทักทายผู้เสียหายแล้วจำเลยอุ้มผู้เสียหายไป ส. พูดขู่ห้ามไม่ให้เพื่อนผู้เสียหายช่วยแล้ววิ่งตามจำเลยไป จำเลยอุ้มผู้เสียหายไปประมาณ 10 วาก็วางผู้เสียหายลงแล้วกลับบ้านโดยไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องอีก ส่วน ส.ฉุดผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการร่วมกับ ส. พาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร และเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา การที่จำเลยวางผู้เสียหายแล้วกลับบ้าน มิใช่เป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้เสียหายต่อไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82
การกระทำของจำเลยและ ส. ดังกล่าว เป็นการกระทำด้วยความอุกอาจไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ไม่มีเหตุสมควรจะรอการลงโทษให้และแม้ จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนแต่ในชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธ คดีรับฟังลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องอาศัยคำรับสารภาพชั้นสอบสวน จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้จำเลย
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้หลังจากที่ได้ข่มขืนกระทำชำเราแล้ว เมื่อฟังได้ดังกล่าวข้างต้นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับที่กล่าวในฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยไม่จำต้องมีการหน่วงเหนี่ยวกักขัง ณ ที่ใดอีก จึงเป็นการลงโทษจำเลยนอกเหนือไปจากคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 และปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม มาตรา 185
การกระทำของจำเลยและ ส. ดังกล่าว เป็นการกระทำด้วยความอุกอาจไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ไม่มีเหตุสมควรจะรอการลงโทษให้และแม้ จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนแต่ในชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธ คดีรับฟังลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องอาศัยคำรับสารภาพชั้นสอบสวน จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้จำเลย
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้หลังจากที่ได้ข่มขืนกระทำชำเราแล้ว เมื่อฟังได้ดังกล่าวข้างต้นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับที่กล่าวในฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยไม่จำต้องมีการหน่วงเหนี่ยวกักขัง ณ ที่ใดอีก จึงเป็นการลงโทษจำเลยนอกเหนือไปจากคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 และปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม มาตรา 185