คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ใหญ่ ศาลยาชีวิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 219 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1815/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องละเมิด: เน้นการละเว้นหน้าที่และความเสียหาย ไม่จำเป็นต้องระบุจงใจหรือประมาทเสมอไป
โจทก์บรรยายฟ้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือไม่ แล้วแต่ฟ้องของโจทก์แต่ละกรณีว่าเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาหรือไม่
การบรรยายฟ้องว่าจำเลยละเมิดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออาจขัดกัน ไม่ชัดแจ้ง ในกรณีที่ควรต้องบรรยายให้ชัดแจ้งในทางใดทางหนึ่ง แต่ในบางกรณีก็อาจเข้าใจสภาพแห่งข้อหาได้ชัดแจ้งโดยไม่ต้องบรรยายยืนยันโดยตรงมาเช่นนั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีหน้าที่อย่างไร และจำเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่นั้น โดยโจทก์บรรยายว่า นอกจากจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแล้ว โจทก์เห็นว่า การกระทำของจำเลยในหน้าที่ยังเป็นการละเมิดให้โจทก์ได้รับความเสียหาย กล่าวคือ จำเลยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและคำสั่ง ฯลฯ จำเลยหาได้ปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละคนตามข้อบังคับไม่ ฯลฯ ซึ่งถ้าจำเลยมิได้ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและกฎหมายแล้ว โจทก์จะไม่ได้รับความเสียหายฟ้องของโจทก์ดังนี้ เป็นการแสดงข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับและคำสั่งด้วยประการต่างๆ ตามที่โจทก์อ้างในฟ้อง ในรูปคดีนี้โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องว่า การละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและคำสั่งนี้ จำเลยได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็เป็นการชัดแจ้งพอแล้ว เพราะข้อสำคัญอยู่ที่จำเลยได้ละเว้นกระทำตามที่ควรกระทำ โจทก์ยืนยันต่อไปว่า การละเว้นกระทำนี้เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นมูลแห่งสิทธิเรียกร้องฐานละเมิด อันเป็นสภาพแห่งข้อหาของโจทก์โดยชัดแจ้ง แม้โจทก์บรรยายว่าจำเลยจงใจทำละเมิดหรือร่วมกันยักยอกเงินของโจทก์ไปก็เป็นมูลความรับผิดฐานละเมิดอยู่เพียงพอ และโดยสภาพการกระทำดังที่โจทก์บรรยายนี้แม้จะบรรยายทั้งจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1815/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องละเมิด: โจทก์ไม่ต้องระบุเจตนา หากแสดงการละเว้นหน้าที่ชัดเจนและเสียหาย
โจทก์บรรยายฟ้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือไม่.แล้วแต่ฟ้องของโจทก์แต่ละกรณีว่าเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาหรือไม่.
การบรรยายฟ้องว่าจำเลยละเมิดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออาจขัดกัน.ไม่ชัดแจ้ง.ในกรณีที่ควรต้องบรรยายให้ชัดแจ้งในทางใดทางหนึ่ง แต่ในบางกรณีก็อาจเข้าใจสภาพแห่งข้อหาได้ชัดแจ้ง.โดยไม่ต้องบรรยายยืนยันโดยตรงมาเช่นนั้น.
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีหน้าที่อย่างไร. และจำเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่นั้น.โดยโจทก์บรรยายว่า นอกจากจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแล้ว. โจทก์เห็นว่า การกระทำของจำเลยในหน้าที่ยังเป็นการละเมิดให้โจทก์ได้รับความเสียหาย. กล่าวคือ จำเลยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและคำสั่ง ฯลฯ. จำเลยหาได้ปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละคนตามข้อบังคับไม่ ฯลฯ. ซึ่งถ้าจำเลยมิได้ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและกฎหมายแล้ว. โจทก์จะไม่ได้รับความเสียหายฟ้องของโจทก์ดังนี้. เป็นการแสดงข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า.จำเลยละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับและคำสั่งด้วยประการต่างๆ ตามที่โจทก์อ้างในฟ้อง. ในรูปคดีนี้โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องว่า. การละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและคำสั่งนี้. จำเลยได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็เป็นการชัดแจ้งพอแล้ว. เพราะข้อสำคัญอยู่ที่จำเลยได้ละเว้นกระทำตามที่ควรกระทำ. โจทก์ยืนยันต่อไปว่า การละเว้นกระทำนี้เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นมูลแห่งสิทธิเรียกร้องฐานละเมิด. อันเป็นสภาพแห่งข้อหาของโจทก์โดยชัดแจ้ง แม้โจทก์บรรยายว่าจำเลยจงใจทำละเมิดหรือร่วมกันยักยอกเงินของโจทก์ไปก็เป็นมูลความรับผิดฐานละเมิดอยู่เพียงพอ. และโดยสภาพการกระทำดังที่โจทก์บรรยายนี้แม้จะบรรยายทั้งจงใจหรือประมาทเลินเล่อ. ก็ไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังจำเลยเสียชีวิต: ศาลต้องรอทายาทก่อนพิจารณาคดีต่อ
กรณีโต้แย้งในตอนที่คดีถึงที่สุดแล้วอยู่ในระหว่างการบังคับคดี ไม่ใช่เป็นเรื่องคดีค้างพิจารณา ซึ่งถ้าหากคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมรณะ ศาลจะต้องเลื่อนการนั่งพิจารณาไปจนกว่าจะมีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ (อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 65/2492)
ในชั้นบังคับคดี จำเลยแต่งทนายไว้แล้วถึงแก่กรรมลง ในระยะที่เกี่ยวพันติดต่อกัน เมื่อทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้ ศาลก็ย่อมผ่อนให้ทนายจำเลยยังพึงมีทางกระทำเพื่อรักษาประโยชน์ให้แก่คู่ความได้ในระหว่างที่ยังไม่มีตัวความ และเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เป็นเรื่องการพิจารณาคดีค้าง
คดีถึงที่สุดแล้ว หากมีการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลในชั้นบังคับคดี ก็มีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่ในระหว่างคู่ความ เมื่อปรากฏว่าจำเลยมรณะ ทนายจำเลยย่อมสิ้นสภาพ การพิจารณาคดีต่อไปจะต้องจัดการให้มีผู้มารับมรดกความเสียก่อน
การที่ศาลล่างดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่มีคู่ความทั้งสองฝ่ายพร้อมเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการดำเนินกระบวนการเมื่อทนายจำเลยเสียชีวิต - การมีอยู่ของคู่ความ
กรณีโต้แย้งในตอนที่คดีถึงที่สุดแล้วอยู่ในระหว่างการบังคับคดี ไม่ใช่เป็นเรื่องคดีค้างพิจารณา ซึ่งถ้าหากคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมรณะ ศาลจะต้องเลื่อนการนั่งพิจารณาไปจนกว่าจะมีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ (อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 65/2492)
ในชั้นบังคับคดี จำเลยแต่งทนายไว้แล้วถึงแก่กรรมลง ในระยะที่เกี่ยวพันติดต่อกัน เมื่อทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้ ศาลก็ย่อมผ่อนให้ทนายจำเลยยังพึงมีทางกระทำเพื่อรักษาประโยชน์ให้แก่คู่ความได้ในระหว่างที่ยังไม่มีตัวความ และเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เป็นเรื่องการพิจารณาคดีค้าง
คดีถึงที่สุดแล้ว หากมีการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลในชั้นบังคับคดี ก็มีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่ในระหว่างคู่ความเมื่อปรากฏว่าจำเลยมรณะ ทนายจำเลยย่อมสิ้นสภาพ การพิจารณาคดีต่อไปจะต้องจัดการให้มีผู้มารับมรดกความเสียก่อน
การที่ศาลล่างดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่มีคู่ความทั้งสองฝ่ายพร้อมเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังจำเลยเสียชีวิต: ศาลต้องรอทายาทก่อนดำเนินการต่อ
กรณีโต้แย้งในตอนที่คดีถึงที่สุดแล้วอยู่ในระหว่างการบังคับคดี. ไม่ใช่เป็นเรื่องคดีค้างพิจารณา. ซึ่งถ้าหากคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมรณะ ศาลจะต้องเลื่อนการนั่งพิจารณาไปจนกว่าจะมีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ (อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 65/2492).
ในชั้นบังคับคดี จำเลยแต่งทนายไว้แล้วถึงแก่กรรมลง ในระยะที่เกี่ยวพันติดต่อกัน. เมื่อทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้. ศาลก็ย่อมผ่อนให้ทนายจำเลยยังพึงมีทางกระทำเพื่อรักษาประโยชน์ให้แก่คู่ความได้ในระหว่างที่ยังไม่มีตัวความ. และเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เป็นเรื่องการพิจารณาคดีค้าง.
คดีถึงที่สุดแล้ว หากมีการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลในชั้นบังคับคดี. ก็มีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่ในระหว่างคู่ความ. เมื่อปรากฏว่าจำเลยมรณะ ทนายจำเลยย่อมสิ้นสภาพ. การพิจารณาคดีต่อไปจะต้องจัดการให้มีผู้มารับมรดกความเสียก่อน.
การที่ศาลล่างดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่มีคู่ความทั้งสองฝ่ายพร้อมเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา. ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องคดีฎีกาเนื่องจากไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความ ทำให้ศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดี
จำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ภายในกำหนดที่ศาลสั่ง เป็นการทิ้งฟ้อง ศาลฎีกาจึงต้องสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องในคดีแพ่ง: การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการส่งสำเนาฎีกาทำให้ศาลจำหน่ายคดี
จำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ภายในกำหนดที่ศาลสั่ง เป็นการทิ้งฟ้อง ศาลฎีกาจึงต้องสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1671/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นหุ้นส่วนสืบแทนและการเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของกิจการ
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งตายผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นตกลงยินยอมให้จำเลยบุตรของหุ้นส่วนที่ตายนั้นเข้าเป็นหุ้นส่วนแทน ต่อมาหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งตาย ไม่มีใครเข้าเป็นหุ้นส่วนแทน คงดำเนินกิจการของห้างหุ้นส่วนต่อมาระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนอื่น จนมีเหตุที่จำเลยถือตนเป็นเจ้าของโรงสีของห้างหุ้นส่วนเสียคนเดียว ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นย่อมฟ้องจำเลยขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนได้
เมื่อจำเลยเข้าเป็นตัวหุ้นส่วนสืบแทนบิดาแล้ว แม้บิดาจำเลยจะตายมาเกิน 1 ปี ก่อนที่จะมีการฟ้องร้องเลิกห้างหุ้นส่วนและขอแบ่งทรัพย์สิน จำเลยก็ยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ซึ่งเป็นเรื่องเจ้ามรดกเป็นลูกหนี้ขึ้นต่อสู้ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1671/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นหุ้นส่วนสืบแทนและการเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการครอบครองทรัพย์สิน
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งตายผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นตกลงยินยอมให้จำเลยบุตรของหุ้นส่วนที่ตายนั้นเข้าเป็นหุ้นส่วนแทน ต่อมาหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งตาย ไม่มีใครเข้าเป็นหุ้นส่วนแทน คงดำเนินกิจการของห้างหุ้นส่วนต่อมาระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนอื่น จนมีเหตุที่จำเลยถือตนเป็นเจ้าของโรงสีของห้างหุ้นส่วนเสียคนเดียว ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นย่อมฟ้องจำเลยขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนได้
เมื่อจำเลยเข้าเป็นตัวหุ้นส่วนสืบแทนบิดาแล้ว แม้บิดาจำเลยจะตายมาเกิน 1 ปี ก่อนที่จะมีการฟ้องร้องเลิกห้างหุ้นส่วนและขอแบ่งทรัพย์สิน จำเลยก็ยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ซึ่งเป็นเรื่องเจ้ามรดกเป็นลูกหนี้ขึ้นต่อสู้ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1671/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นหุ้นส่วนแทนและการฟ้องเลิกห้างหุ้นส่วน: จำเลยไม่อาจอ้างอายุความเมื่อเข้าเป็นหุ้นส่วนสืบแทน
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งตาย.ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นตกลงยินยอมให้จำเลยบุตรของหุ้นส่วนที่ตายนั้นเข้าเป็นหุ้นส่วนแทน. ต่อมาหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งตาย ไม่มีใครเข้าเป็นหุ้นส่วนแทน. คงดำเนินกิจการของห้างหุ้นส่วนต่อมาระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนอื่น. จนมีเหตุที่จำเลยถือตนเป็นเจ้าของโรงสีของห้างหุ้นส่วนเสียคนเดียว. ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นย่อมฟ้องจำเลยขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนได้.
เมื่อจำเลยเข้าเป็นตัวหุ้นส่วนสืบแทนบิดาแล้ว. แม้บิดาจำเลยจะตายมาเกิน 1 ปี ก่อนที่จะมีการฟ้องร้องเลิกห้างหุ้นส่วนและขอแบ่งทรัพย์สิน. จำเลยก็ยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754. ซึ่งเป็นเรื่องเจ้ามรดกเป็นลูกหนี้ขึ้นต่อสู้ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นไม่ได้.
of 22