พบผลลัพธ์ทั้งหมด 389 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: คดีอาญาที่จำเลยเป็นทหารร่วมกับพลเรือน ศาลพลเรือนยังมีอำนาจพิจารณาได้
จำเลยซึ่งเป็นทหารกับพวกอีกหลายคนที่แต่งกายพลเรือนและยังจับตัวไม่ได้ร่วมกันกระทำผิดฐานรับของโจร คดีย่อมอยู่ในอำนาจศาลพลเรือนที่จะพิจารณาพิพากษา เพราะไม่ปรากฏชัดว่าพวกของจำเลยอยู่ในอำนาจศาลทหาร และในกรณีเช่นนี้ หากจะปรากฏตามทางพิจารณาภายหลังว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลทหารก็ตามศาลพลเรือนก็มีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไปได้
(อ้างฎีกาที่ 463/2504 และที่ 979/2504)
(อ้างฎีกาที่ 463/2504 และที่ 979/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: คดีรับของโจรที่มีจำเลยเป็นทหารและพลเรือน ศาลพลเรือนมีอำนาจพิจารณา แม้ภายหลังพบว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
จำเลยซึ่งเป็นทหารกับพวกอีกหลายคนที่แต่งกายพลเรือนและยังจับตัวไม่ได้ ร่วมกันกระทำผิดฐานรับของโจร คดีย่อมอยู่ในอำนาจศาลพลเรือนที่จะพิจารณาพิพากษา เพราะไม่ปรากฏชัดว่าพวกของจำเลยอยู่ในอำนาจศาลทหาร และในกรณีเช่นนี้ หากจะปรากฏตามทางพิจารณาภายหลังว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร ก็ตาม ศาลพลเรือนก็มีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไปได้
(อ้างฎีกาที่ 463/2504 และที่ 979/2504)
(อ้างฎีกาที่ 463/2504 และที่ 979/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงตัวผู้เช่าทำให้สัญญาเช่าระงับสิ้นสุด ผู้เช่าเดิมไม่มีสิทธิในฐานะผู้เช่าอีกต่อไป
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเช่า ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสามออกจากอาคารที่เช่าจำเลยที่ 2 ให้การว่า เดิม ช. สามีจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าจากโจทก์ ต่อมาจำเลยหย่าขาดจาก ช. จำเลยที่ 2 ขอเป็นผู้เช่าจากโจทก์ โจทก์ยินยอม ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้จำเลยที่ 1 เป็นสามีใหม่ จำเลยที่ 2 จึงขอเปลี่ยนชื่อจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยที่ 1 เช่า โจทก์ก็ยินยอมอีกดังนี้ สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยระงับไปด้วยการเปลี่ยนตัวผู้เช่า จำเลยที่ 2 ไม่มีฐานะเป็นผู้เช่าอีกต่อไป คงเป็นบริวารของจำเลยที่ 1 ศาลย่อมงดสืบพยานจำเลยที่ 2 เสียได้
ข้อที่ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้มีเจตนาที่จะให้จำเลยที่ 1เป็นผู้เช่าอย่างแท้จริง ทั้งโจทก์ก็ได้ทราบถึงเจตนาที่แท้จริงระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วยนั้น ไม่มีในคำให้การ จำเลยเพิ่งอ้างมาในฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 จะได้ทำหนังสือให้คำมั่นแก่โจทก์ไว้อย่างไร จำเลยที่ 2 ไม่รับรอง ประเด็นข้อนี้โจทก์ไม่ต้องนำสืบเพราะการที่โจทก์อ้างหนังสือให้คำมั่นของจำเลยที่ 1 มาในฟ้องก็เพื่อฟ้องจำเลยที่ 1 เท่านั้น เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกไปแล้ว โจทก์จึงถอนฟ้องจำเลยที่ 1 เสีย คำให้การของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 2 ในเมื่อจำเลยที่ 2 อยู่ในฐานะบริวารของจำเลยที่ 1
ข้อที่ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้มีเจตนาที่จะให้จำเลยที่ 1เป็นผู้เช่าอย่างแท้จริง ทั้งโจทก์ก็ได้ทราบถึงเจตนาที่แท้จริงระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วยนั้น ไม่มีในคำให้การ จำเลยเพิ่งอ้างมาในฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 จะได้ทำหนังสือให้คำมั่นแก่โจทก์ไว้อย่างไร จำเลยที่ 2 ไม่รับรอง ประเด็นข้อนี้โจทก์ไม่ต้องนำสืบเพราะการที่โจทก์อ้างหนังสือให้คำมั่นของจำเลยที่ 1 มาในฟ้องก็เพื่อฟ้องจำเลยที่ 1 เท่านั้น เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกไปแล้ว โจทก์จึงถอนฟ้องจำเลยที่ 1 เสีย คำให้การของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 2 ในเมื่อจำเลยที่ 2 อยู่ในฐานะบริวารของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงตัวผู้เช่าทำให้สัญญาเช่าเดิมสิ้นสุด และฐานะของผู้เช่าเดิมกลายเป็นเพียงบริวาร
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเช่า ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสามออกจากอาคารที่เช่า จำเลยที่ 2 ให้การว่า เดิม ช. สามีจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าจากโจทก์ ต่อมาจำเลยหย่าขาดจาก ช. จำเลยที่ 2 ขอเป็นผู้เช่าจากโจทก์ โจทก์ยินยอม ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้จำเลยที่ 1 เป็นสามีใหม่ จำเลยที่ 2 จึงขอเปลี่ยนชื่อจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยที่ 1 เช่า โจทก์ก็ยินยอมอีก ดังนี้ สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยระงับไปด้วยการเปลี่ยนตัวผู้เช่า จำเลยที่ 2 ไม่มีฐานะเป็นผู้เช่าอีกต่อไป คงเป็นบริวารของจำเลยที่ 1 ศาลย่อมงดสืบพยานจำเลยที่ 2 เสียได้
ข้อที่ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้มีเจตนาที่จะให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าอย่างแท้จริง ทั้งโจทก์ก็ได้ทราบจึงเจตนาที่แท้จริงระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วยนั้น ไม่มีในคำให้การ จำเลยเพิ่งอ้างมาในฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 จะได้ทำหนังสือให้คำมั่นแก่โจทก์ไว้อย่างไร จำเลยที่ 2 ไม่รับรอง ประเด็นข้อนี้โจทก์ไม่ต้องนำสืบ เพราะการที่โจทก์อ้างหนังสือให้คำมั่นของจำเลยที่ 1 มาในฟ้องก็เพื่อฟ้องจำเลยที่ 1 เท่านั้น เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกไปแล้ว โจทก์จึงถอนฟ้องจำเลยที่ 1 เสีย คำให้การของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 2 ในเมื่อจำเลยที่ 2 อยู่ในฐานะบริวารของจำเลยที่ 1
ข้อที่ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้มีเจตนาที่จะให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าอย่างแท้จริง ทั้งโจทก์ก็ได้ทราบจึงเจตนาที่แท้จริงระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วยนั้น ไม่มีในคำให้การ จำเลยเพิ่งอ้างมาในฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 จะได้ทำหนังสือให้คำมั่นแก่โจทก์ไว้อย่างไร จำเลยที่ 2 ไม่รับรอง ประเด็นข้อนี้โจทก์ไม่ต้องนำสืบ เพราะการที่โจทก์อ้างหนังสือให้คำมั่นของจำเลยที่ 1 มาในฟ้องก็เพื่อฟ้องจำเลยที่ 1 เท่านั้น เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกไปแล้ว โจทก์จึงถอนฟ้องจำเลยที่ 1 เสีย คำให้การของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 2 ในเมื่อจำเลยที่ 2 อยู่ในฐานะบริวารของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 988/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อประกันหนี้ ไม่ใช่ชำระหนี้ ถือว่าไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อประกันหนี้เงินยืม ผู้เสียหายกับจำเลยมิได้ประสงค์จะให้ออกเช็คเป็นการชำระหนี้ โดยจำเลยจะชำระเงินให้ผู้เสียหายเองไม่ต้องเอาเช็คไปขอรับเงินจากธนาคาร ดังนี้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 988/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อประกันหนี้ - ไม่ถือเป็นเจตนาชำระหนี้ - ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยกู้เงินผู้เสียหาย แล้วออกเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อประกันหนี้เงินกู้ โดยเป็นที่เข้าใจกันว่ามิได้ออกให้เป็นการชำระหนี้ เพราะจำเลยจะชำระเงินให้ผู้เสียหายเอง เช่นนี้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทจากการขับรถโดยห้ามล้อชำรุด เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จำเลยขับรถยนต์โดยห้ามล้อมือและเท้าชำรุดใช้การไม่ได้อยู่แล้วขณะขับมาตามถนนเกิดเหตุซึ่งเป็นถนนจราจรทางเดียว รถยนต์ข้างหน้ารถจำเลยชลอหยุดรถเพราะรถคันข้างหน้าอีกคันหนึ่งเลี้ยวเข้าซอยด้านซ้ายมือ จำเลยจึงไม่สามารถหยุดรถทันท่วงทีเพราะความชำรุดใช้การไม่ได้ของห้ามล้อรถ และต้องหลบเฉี่ยวชนด้านท้ายรถข้างหน้าไปชนรถสามล้อบรรทุกซึ่งผู้ตายกำลังจูงอยู่ทางด้านขวามือ เป็นเหตุให้รถสามล้อพลิกตะแคงและครูดทับผู้ตาย ซึ่งถ้าห้ามล้อรถใช้การได้จำเลยก็ควรหยุดรถได้ทันเช่นเดียวกับรถคันข้างหน้า เช่นนี้ ต้องถือว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทจากการขับรถโดยห้ามล้อชำรุด เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จำเลยขับรถยนต์โดยห้ามล้อมือและเท้าชำรุดใช้การไม่ได้อยู่แล้วขณะขับมาตามถนนเกิดเหตุซึ่งเป็นถนนจราจรทางเดียว รถยนต์ข้างหน้ารถจำเลยชลอหยุดรถเพราะรถคันข้างหน้าอีกคันหนึ่งเลี้ยวเข้าซอยด้านซ้ายมือ จำเลยจึงไม่สามารถหยุดรถทันท่วงทีเพราะความชำรุดใช้การไม่ได้ของห้ามล้อรถ และต้องหลบเฉี่ยวชนด้านท้ายรถข้างหน้าไปชนรถสามล้อบรรทุกซึ่งผู้ตายกำลังจูงอยู่ทางด้านขวามือ เป็นเหตุให้รถสามล้อพลิกตะแคงและครูดทับผู้ตาย ซึ่งถ้าห้ามล้อรถใช้การได้จำเลยก็ควรหยุดรถได้ทันเช่นเดียวกับรถคันข้างหน้า เช่นนี้ ต้องถือว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914-927/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยเพิ่มเติมและการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ทำให้บริษัทประกันภัยหลุดพ้นความรับผิด
โจทก์เอาประกันภัยไว้กับจำเลย ข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยมีว่า ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งให้จำเลยทราบถึงการประกันซึ่งได้มีไว้แล้ว หรือซึ่งจะมีขึ้นภายหลังในทรัพย์สินซึ่งเอาประกันรายนี้ และเว้นไว้แต่จะได้มีการแจ้งดังกล่าว และจำเลยหรือผู้แทนได้บันทึกหรือสลักหลังไว้ซึ่งรายการเอาประกันนั้นไว้ในกรมธรรม์ฉบับนี้ก่อนเกิดความพินาศหรือความเสียหาย มิฉะนั้นผลประโยชน์ซึ่งจะได้รับตามกรมธรรม์ฉบับนี้เป็นอันล้มล้างไป ดังนี้ เมื่อโจทก์นำเอาทรัพย์สินที่เอาประกันไว้กับจำเลยนั้นไปเอาประกันภัยไว้กับผู้อื่นเพิ่มขึ้นอีก และแจ้งให้จำเลยทราบเท่านั้น แต่ไม่ได้ไปติดต่อกับจำเลยเพื่อสลักหลังกรมธรรม์ซึ่งรายการประกันภัยเพิ่ม การไม่ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขทั้ง 2 ประการในกรมธรรม์ ย่อมมีผลทำให้จำเลยหลุดพ้นความรับผิดตามที่ได้ตกลงกันไว้หาจำต้องให้จำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์เสียก่อนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914-927/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัย: การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการแจ้งและสลักหลังกรมธรรม์ประกันภัยเพิ่มเติม ทำให้บริษัทประกันภัยหลุดพ้นความรับผิด
โจทก์เอาประกันภัยไว้กับจำเลย ข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยมีว่าผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งให้จำเลยทราบถึงการประกันซึ่งได้มีไว้แล้ว หรือซึ่งจะมีขึ้นภายหลังในทรัพย์สินซึ่งเอาประกันรายนี้ และเว้นไว้แต่จะได้มีการแจ้งดังกล่าว และจำเลยหรือผู้แทนได้บันทึกหรือสลักหลังไว้ซึ่งรายการเอาประกันนั้นไว้ในกรมธรรม์ฉบับนี้ก่อนเกิดความพินาศหรือความเสียหาย มิฉะนั้นผลประโยชน์ซึ่งจะได้รับตามกรมธรรม์ฉบับนี้เป็นอันล้มล้างไป ดังนี้ เมื่อโจทก์นำเอาทรัพย์สินที่เอาประกันไว้กับจำเลยนั้นไปเอาประกันภัยไว้กับผู้อื่นเพิ่มขึ้นอีก และแจ้งให้จำเลยทราบเท่านั้น แต่ไม่ได้ไปติดต่อกับจำเลยเพื่อสลักหลังกรมธรรม์ซึ่งรายการประกันภัยเพิ่ม การไม่ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขทั้ง 2 ประการในกรมธรรม์ ย่อมมีผลทำให้จำเลยหลุดพ้นความรับผิดตามที่ได้ตกลงกันไว้หาจำต้องให้จำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์เสียก่อนไม่