พบผลลัพธ์ทั้งหมด 389 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจากการถูกข่มเหงรุนแรงขณะปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ
ขณะเกิดเหตุจำเลยกำลังปฏิบัติงานแจกยาแก่ประชาชน ผู้ตายกล่าวคำหยาบคายก้าวร้าวต่อบุคคลที่กำลังปฏิบัติงาน เมื่อจำเลยห้ามก็ถูกผู้ตายซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเข้าชกต่อย จำเลยต่อยตอบแต่ผู้ตายก็ไม่หยุดยั้ง การข่มเหงเป็นเหตุให้จำเลยต้องใช้ปืนยิงผู้ตายเช่นนี้ กรณีถือว่าจำเลยถูกข่มเหงร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการยกเว้นโทษ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 5: อาวุธปืนที่มีทะเบียนแล้วไม่ได้รับการยกเว้น
พระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 5 ซึ่งบัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนบางชนิด ซึ่งยังมิได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายมาขอรับอนุญาตเพื่อปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในกำหนดเวลาโดยไม่ต้องรับโทษนั้น หมายความถึงอาวุธปืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น มิได้หมายความรวมถึงอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อจำเลยมีอาวุธปืนมีทะเบียนของบุคคลอื่นและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงไม่มีเหตุที่จะอ้างว่า จำเลยไม่ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการยกเว้นโทษ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ กรณีมีอาวุธปืนของผู้อื่นและไม่ขออนุญาต
พระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 5 ซึ่งบัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนบางชนิด ซึ่งยังมิได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายมาขอรับอนุญาตเพื่อปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในกำหนดเวลาโดยไม่ต้องรับโทษนั้น หมายความถึงอาวุธปืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น มิได้หมายความรวมถึงอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อจำเลยมีอาวุธปืนมีทะเบียนของบุคคลอื่นและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงไม่มีเหตุที่จะอ้างว่าจำเลยไม่ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกานี้วินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค เนื่องจากมีเงินในบัญชีเพียงพอ ณ วันออกเช็ค แม้ภายหลังจะไม่มี
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1) และ (3)แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันที่จำเลยออกเช็ค คือวันสั่งจ่ายเงินหรือวันถึงกำหนดชำระเงินตามเช็คนั้น เงินในบัญชีของจำเลยมีพอจ่ายเกินกว่าจำนวนเงินตามเช็ค จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเช็ค: เงินในบัญชีเพียงพอจ่าย ณ วันออกเช็ค ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 (1) และ (3) แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันที่จำเลยออกเช็คคือวันสั่งจ่ายเงินหรือวันถึงกำหนดชำระเงินตามเช็คนั้น เงินในบัญชีของจำเลยมีพอจ่ายเกินกว่าจำนวนเงินตามเช็ค จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน บาดแผลบวมช้ำและฟันโยกเข้าข่ายอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลย 5 คนกลุ้มรุมทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 5 ได้รับบาดเจ็บรวม 5 รายการ คือรายที่ 1 ถึง 3 เป็นรอยบวมช้ำโตกลมประมาณแห่งละ 4,5 และ 3 เซนติเมตรตามลำดับ รายการที่ 4 เป็นรอยข่วน 3 แห่งยาวประมาณแห่งละ 3 เซนติเมตร และรายการที่ 5 ฟันล่างด้านหน้าโยก 1 ซี่ อันเป็นผลเนื่องจากการร่วมกันกลุ้มรุมทำร้ายของจำเลยที่ 1 ถึง 4 เช่นนี้ แม้ไม่ปรากฏว่ามีโลหิตไหล แต่ก็เป็นบาดแผลบวมช้ำหลายแห่งและถึงกับฟันโยก อันส่อถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำอันรุนแรง กรณีถือว่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกลุ้มรุมทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลย 5 คนกลุ้มรุมทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 5 ได้รับบาดเจ็บรวม 5 รายการคือรายที่ 1 ถึง 3 เป็นรอยบวมช้ำโตกลมประมาณแห่งละ 4, 5 และ 3 เซ็นติเมตรตามลำดับ รายการที่ 4 เป็นรอยข่วน 3 แห่งยาวประมาณแห่งละ 3 เซ็นติเมตร และรายการที่ 5 ฟันล่างด้านหน้าโยก 1 ซี่อันเป็นผลเนื่องจากการร่วมกันกลุ้มรุมทำร้ายของจำเลยที่ 1 ถึง 4 เช่นนี้แม้ไม่ปรากฏว่ามีโลหิตไหล แต่ก็เป็นบาดแผลบวมช้ำหลายแห่งและถึงกับฟันโยก อันส่อถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำอันรุนแรงกรณีถือว่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนย้ายข้าวเกิน 200 กก. โดยไม่ได้รับอนุญาตภายในเขตควบคุมการค้าข้าว ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว
ประกาศกำหนดการควบคุมการค้าข้าวมีข้อความว่า "ห้ามมิให้ยักย้ายหรือขนย้ายข้าวทุกชนิดตั้งแต่ 200 กิโลกรัมขึ้นไป ออกไปจากสถานที่เก็บภายในเขตควบคุม เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากพนักงานเจ้าหน้าที่จังหวัดสตูลหรือผู้รักษาการแทน....ฯ" นั้น กินความถึงการขนย้ายข้าวทุกชนิดตั้งแต่ 200 กิโลกรัมขึ้นไป ออกจากสถานที่เก็บภายในเขตควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนย้ายข้าวเกิน 200 กิโลกรัมโดยไม่ได้รับอนุญาตภายในเขตควบคุมการค้าข้าว ถือเป็นความผิดตามประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัด
ประกาศกำหนดการควบคุมการค้าข้าวมีข้อความว่า 'ห้ามมิให้ยักย้ายหรือขนย้ายข้าวทุกชนิดตั้งแต่ 200 กิโลกรัมขึ้นไปออกไปจากสถานที่เก็บภายในเขตควบคุม เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากพนักงานเจ้าหน้าที่จังหวัดสตูลหรือผู้รักษาการแทนฯ.....' นั้น กินความถึงการขนย้ายข้าวทุกชนิดตั้งแต่ 200 กิโลกรัมขึ้นไป ออกจากสถานที่เก็บภายในเขตควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: จำเลยไม่ทราบสถานะผู้กระทำ หากไม่รู้ว่าเป็นเจ้าพนักงาน ไม่มีผิดฐานต่อสู้ขัดขวาง
เจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นตัวจำเลยในที่เปลี่ยวโดยไม่ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจหรือแสดงหลักฐานให้เห็นได้ว่าตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทำการตามหน้าที่ ทั้งนี้ต่างฝ่ายไม่รู้จักกันมาก่อน จำเลยไม่มีทางรู้ได้ว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ เช่นนี้ แม้จำเลยจะได้ทำการต่อสู้ชกต่อยขัดขวางมิให้เจ้าพนักงานตำรวจค้นเอาเงินทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยไปก็ตาม จำเลยก็หามีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ดังฟ้องโจทก์ไม่