พบผลลัพธ์ทั้งหมด 641 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่สมบูรณ์เนื่องจากแก้ไขจำนวนเงินโดยไม่ได้รับความยินยอม ทำให้ไม่มีผลผูกพันและใช้เป็นหลักฐานไม่ได้
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป 600 บาท ได้ลงลายมือชื่อไว้ในแบบพิมพ์สัญญากู้และค้ำประกันที่ยังไม่ได้กรอกข้อความอื่นใดไว้เลยมอบให้โจทก์ไว้ ต่อมาโจทก์ได้กรอกข้อความและจำนวนเงินลงในเอกสารสัญญากู้และค้ำประกันว่า จำเลยที่ 1 ได้กู้เงินโจทก์ไป6,000 บาท และจำเลยที่ 2 ค้ำประกันเงินกู้จำนวนดังกล่าว การที่โจทก์กรอกข้อความลงในสัญญากู้และค้ำประกันว่าได้มีการกู้และค้ำประกันในจำนวนเงินถึง 6,000 บาท เกินกว่าจำนวนหนี้ที่เป็นจริงโดยจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยนั้นสัญญากู้และค้ำประกันตามฟ้องจึงไม่สมบูรณ์ ทำให้เอกสารดังกล่าวนั้นเป็นเอกสารปลอม โจทก์จึงอ้างเอกสารนั้นมาเป็นพยานหลักฐานในคดีอย่างใดไม่ได้ ฉะนั้น การกู้เงิน 6,000 บาท และการค้ำประกันตามที่โจทก์นำมาฟ้องจึงถือว่าไม่มีพยานหลักฐานเป็นหนังสือที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 286/2507 และ 1104/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษทางอาญา: ดุลพินิจศาล, การประมาทเลินเล่อ, การชดใช้ค่าเสียหาย และการปราบปรามอาชญากรรม
การลงโทษแก่ผู้กระทำผิดมิใช่คำนึงแต่เพียงในแง่ส่วนตัวของผู้กระทำผิดเท่านั้นแต่เพื่อปราบปรามให้เกรงขามและรักษาความสงบเรียบร้อยโดยทั่ว ๆ ไปด้วย การที่จำเลยกระทำโดยประมาทอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้คนตายนั้น แม้จำเลยได้ยอมชดใช้เงินค่าเสียหายให้แก่เจ้าทุกข์และบิดาผู้ตายก่อนโดยดีมาตั้งแต่ต้นก็ตาม ก็เป็นข้อที่ศาลได้มีดุลพินิจกำหนดโทษให้เบาลงมากอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษให้จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาหลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความ: การที่จำเลยดำเนินคดีต่อไม่ได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวหาว่าโจทก์ฉ้อโกง อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 348 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้แล้วโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความจะใช้หนี้ให้แก่ผู้กล่าวหาร้องทุกข์ แต่แล้วโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เมื่อผู้กล่าวหาร้องทุกข์ยังมิได้ถอนคำร้องทุกข์และยืนยันให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไป ทำให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเข้าใจว่าผู้กล่าวหาร้องทุกข์ยังมีสิทธิขอให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไปได้ จึงดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อมาเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาหลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความ: การที่จำเลยดำเนินคดีต่อเมื่อผู้กล่าวหายังยืนยันดำเนินคดี ไม่ถือเป็นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวหาว่าโจทก์ฉ้อโกง อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 348 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้แล้วโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความจะใช้หนี้ให้แก่ผู้กล่าวหาร้องทุกข์ แต่แล้วโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เมื่อผู้กล่าวหาร้องทุกข์ยังมิได้ถอนคำร้องทุกข์และยืนยันให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไป ทำให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเข้าใจว่าผู้กล่าวหาร้องทุกข์ยังมีสิทธิขอให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไปได้ จึงดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อมาเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: ผู้ถือเช็คมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้สั่งจ่าย แม้โอนสิทธิไปแล้ว และการชำระค่าเอกสารไม่จำเป็นต้องทันที
จำเลยเขียนเช็คพิพาทสั่งจ่ายเงินให้ในนามของโจทก์หรือผู้ถือ ต่อมาโจทก์สลักหลังเช็คพิพาทแล้วมอบให้ ป. เป็นผู้รับเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินป.จึงคืนเช็คพิพาทให้โจทก์ ดังนี้ แม้โจทก์จะโอนสิทธิรับเงินให้ ป. ไปแล้วก็ตาม แต่เช็คพิพาทมีคำจดแจ้งว่าหรือให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ เมื่อเช็คพิพาทกลับคืนมาอยู่กับโจทก์อีก โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยฐานเป็นผู้ถือ จำเลยลงลายมือชื่อในเช็ค จึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คพิพาท
ความเสียหายอันเกิดจากผู้ทรงไม่นำเช็คไปขึ้นเงินต่อ ธนาคารภายในกำหนดตามมาตรา 990 นั้น หมายถึงผู้สั่งจ่ายเสียเงินที่มีอยู่ในธนาคาร เพราะการที่ผู้ทรงเช็คไม่นำเช็คไปขึ้นเงินภายในกำหนดเช่นธนาคารล้มละลายเป็นต้น ถ้าหากผู้สั่งจ่ายไม่เสียหายดังกล่าวนี้แล้ว ผู้ทรงเช็คก็เรียกเงินตามเช็คต่อผู้สั่งจ่ายได้(วินิจฉัยตามฎีกาที่ 1865/2492)
การชำระค่าอ้างเอกสารนั้น กฎหมายเพียงแต่กำหนดให้มีหน้าที่ชำระตั้งแต่เมื่อส่งเอกสารเป็นต้นไป มิใช่ว่าหากไม่ชำระค่าอ้างเอกสารทันทีแล้วจะรับฟังเอกสารนั้น ๆไม่ได้ ผู้ร้องย่อมมีโอกาสเสียได้เสมอก่อนที่ศาลจะพิพากษา
ความเสียหายอันเกิดจากผู้ทรงไม่นำเช็คไปขึ้นเงินต่อ ธนาคารภายในกำหนดตามมาตรา 990 นั้น หมายถึงผู้สั่งจ่ายเสียเงินที่มีอยู่ในธนาคาร เพราะการที่ผู้ทรงเช็คไม่นำเช็คไปขึ้นเงินภายในกำหนดเช่นธนาคารล้มละลายเป็นต้น ถ้าหากผู้สั่งจ่ายไม่เสียหายดังกล่าวนี้แล้ว ผู้ทรงเช็คก็เรียกเงินตามเช็คต่อผู้สั่งจ่ายได้(วินิจฉัยตามฎีกาที่ 1865/2492)
การชำระค่าอ้างเอกสารนั้น กฎหมายเพียงแต่กำหนดให้มีหน้าที่ชำระตั้งแต่เมื่อส่งเอกสารเป็นต้นไป มิใช่ว่าหากไม่ชำระค่าอ้างเอกสารทันทีแล้วจะรับฟังเอกสารนั้น ๆไม่ได้ ผู้ร้องย่อมมีโอกาสเสียได้เสมอก่อนที่ศาลจะพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงตามทางพิจารณา ทำให้ลงโทษจำเลยไม่ได้ แม้เป็นการชุลมุนต่อสู้
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83. ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและผู้ตายตายด้วยมีดของฝ่ายจำเลยในที่ชุลมุนต่อสู้นั้น โดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนแทง ดังนี้ เป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้องในข้อสารสำคัญ ต้องยกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะจากข้อมูลที่ผู้เอาประกันปกปิด แม้ผู้รับประกันจะเรียกเบี้ยเพิ่มได้
ข้อความจริงซึ่งผู้เอาประกันภัยได้ปกปิดไว้ไม่เปิดเผยให้ผู้รับประกันภัยทราบในเวลาทำสัญญาประกันภัย แม้อาจจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหากได้ทราบข้อความจริงนั้น ไม่ถึงกับให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาด้วยก็ตามข้อความจริงในระดับความสำคัญทั้งสองประการนี้ย่อมมีผลให้สัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะเช่นเดียวกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
ผลแห่งโมฆียะกรรมตามบทบัญญัติดังกล่าวขึ้นอยู่กับการพิเคราะห์ความสำคัญของข้อความจริง แต่ในชั้นขณะทำสัญญาประกันภัยเท่านั้น ฉะนั้น แม้จะปรากฏว่าผู้เอาประกันชีวิตมิได้มรณะด้วยโรคที่ตนเคยป่วยมาก่อนทำสัญญาประกันชีวิตและได้ปกปิดไว้ไม่เปิดเผยให้ผู้รับประกันภัยทราบก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลของสัญญาซึ่งเป็นโมฆียะไปแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ผู้รับประกันภัยชอบที่จะบอกล้างสัญญาได้
ผลแห่งโมฆียะกรรมตามบทบัญญัติดังกล่าวขึ้นอยู่กับการพิเคราะห์ความสำคัญของข้อความจริง แต่ในชั้นขณะทำสัญญาประกันภัยเท่านั้น ฉะนั้น แม้จะปรากฏว่าผู้เอาประกันชีวิตมิได้มรณะด้วยโรคที่ตนเคยป่วยมาก่อนทำสัญญาประกันชีวิตและได้ปกปิดไว้ไม่เปิดเผยให้ผู้รับประกันภัยทราบก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลของสัญญาซึ่งเป็นโมฆียะไปแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ผู้รับประกันภัยชอบที่จะบอกล้างสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะ หากผู้เอาประกันปกปิดโรคสำคัญ แม้เบี้ยประกันจะสูงขึ้น
ข้อความจริงซึ่งผู้เอาประกันภัยได้ปกปิดไว้ไม่เปิดเผยให้ผู้รับประกันภัยทราบในเวลาทำสัญญาประกันภัย แม้อาจจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหากได้ทราบข้อความจริงนั้น ไม่ถึงกับให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาด้วยก็ตามข้อความจริงในระดับความสำคัญทั้งสองประการนี้ย่อมมีผลให้สัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะเช่นเดียวกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
ผลแห่งโมฆียะกรรมตามบทบัญญัติดังกล่าวขึ้นอยู่กับการพิเคราะห์ความสำคัญของข้อความจริง แต่ในชั้นขณะทำสัญญาประกันภัยเท่านั้น ฉะนั้น แม้จะปรากฏว่าผู้เอาประกันชีวิตมิได้มรณะด้วยโรคที่ตนเคยป่วยมาก่อนทำสัญญาประกันชีวิตและได้ปกปิดไว้ไม่เปิดเผยให้ผู้รับประกันภัยทราบก็ตามก็ไม่ทำให้ผลของสัญญาซึ่งเป็นโมฆียะไปแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ผู้รับประกันภัยชอบที่จะบอกล้างสัญญาได้
ผลแห่งโมฆียะกรรมตามบทบัญญัติดังกล่าวขึ้นอยู่กับการพิเคราะห์ความสำคัญของข้อความจริง แต่ในชั้นขณะทำสัญญาประกันภัยเท่านั้น ฉะนั้น แม้จะปรากฏว่าผู้เอาประกันชีวิตมิได้มรณะด้วยโรคที่ตนเคยป่วยมาก่อนทำสัญญาประกันชีวิตและได้ปกปิดไว้ไม่เปิดเผยให้ผู้รับประกันภัยทราบก็ตามก็ไม่ทำให้ผลของสัญญาซึ่งเป็นโมฆียะไปแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ผู้รับประกันภัยชอบที่จะบอกล้างสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847-849/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณทุนทรัพย์ในคดีที่พิจารณารวมกัน และข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์น้อย
โจทก์ฟ้องจำเลย 3 คนเป็นรายสำนวน ถึงแม้รวมการพิจารณาก็ตาม การคำนวณทุนทรัพย์ที่จะฎีกาได้หรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อันตรายสาหัสจากการสูญเสียฟัน: การสูญเสียฟันต้องกระทบต่อการเคี้ยวอาหารอย่างร้ายแรงจึงถือเป็นอันตรายสาหัสตามกฎหมาย
ผู้เสียหายถูกจำเลยทำร้าย ฟันล่างด้านหน้าหักสี่ซี่ฟันที่เหลือยังใช้เคี้ยวอาหารได้ ยังไม่ถึงขนาดที่จะถือว่าได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(3)