คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เฉลิม ทัตภิรมย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 641 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้เงินโดยใช้เช็คเป็นประกัน ไม่ใช่เจตนาหลอกลวงผู้รับเช็ค ศาลยกฟ้อง
จำเลยขอยืมเงินโจทก์ โจทก์ไม่มี. จำเลยจึงขอให้ไปยืมคนอื่นมาให้. ผู้ให้กู้ให้โจทก์รับรองว่าจะคืนภายใน 2เดือนจึงจะให้ยืม. จำเลยจึงเขียนเช็ค 2 ฉบับไม่ได้ลงวันที่. โจทก์สลักหลังเช็คทั้งสองฉบับแล้วมอบให้จำเลยไปขอเงินที่ผู้ให้กู้. เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ชำระ.ผู้ให้กู้ทวงถามโจทก์ โจทก์จึงใช้เงินให้ และยึดเช็ค 2 ฉบับนั้นไว้ แล้วทวงถามจำเลย. จำเลยชำระให้ครึ่งหนึ่งโจทก์จึงคืนเช็คให้จำเลย 1 ฉบับ. เมื่อทวงถามให้ชำระอีกจำเลยไม่ชำระ. โจทก์จึงเขียนวันที่ลงในเช็ค แล้วเอาไปเข้าบัญชี ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน. โจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการกู้เงินโดยเอาเช็คเป็นประกันเงินกู้ มิใช่จำเลยออกเช็คเพื่อแลกเงินสดหรือออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ และไม่ใช่เป็นการออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเช็ค: การแจ้งความเบื้องต้นแสดงเจตนาให้ดำเนินคดีแล้ว ไม่ทำให้คดีขาดอายุความ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7) ตอนท้ายที่บัญญัติว่า 'และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ' นั้นเป็นคำกว้างๆ. ฉะนั้นตามที่เจ้าหน้าที่บันทึกไว้ว่า 'ผู้แจ้ง (โจทก์) เกรงว่าเช็คจะขาดอายุความ จึงได้นำความมาแจ้งไว้เป็นหลักฐาน'นั้น. จึงบ่งให้เห็นว่าโจทก์ต้องการให้จำเลยได้รับโทษแล้ว. และโจทก์ได้ร้องทุกข์ภายในกำหนดอายุความ. ส่วนการที่จะดำเนินคดีที่กล่าวหาเมื่อใด เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ไม่เกี่ยวกับโจทก์. เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการอย่างใด.จนโจทก์ไปแจ้งอีกเมื่อพ้นอายุความแล้วจึงได้ทำการสอบไม่ทำให้คดีโจทก์ขาดอายุความ.
เช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเป็นเช็คลงวันสั่งจ่ายล่วงหน้า ซึ่งถือว่าเป็นวันออกเช็คที่จำเลยจะต้องรับผิดตามเช็คนั้น.ไม่ใช่ถือเอาวันเขียนเช็คเป็นวันออกเช็ค.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องอาญาเช็ค - การแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐาน ไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์แต่เพียงลำพัง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(7) ตอนท้ายที่บัญญัติว่า "และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ" นั้นเป็นคำกว้าง ๆ ฉะนั้นตามที่เจ้าหน้าที่บันทึกไว้ว่า "ผู้แจ้ง(โจทก์) เกรงว่าเช็คจะขาดอายุความจึงได้นำความมาแจ้งไว้เป็นหลักฐาน" นั้นจึงบ่งให้เห็นว่าโจทก์ต้องการให้จำเลยได้รับโทษแล้ว และโจทก์ได้ร้องทุกข์ภายในกำหนดอายุคาม ส่วนการที่จะดำเนินคดีที่กล่าวมาเมื่อได้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ไม่เกี่ยวกับโจทก์ เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการอย่างใด จนโจทก์ไปแจ้งอีกเมื่อพ้นอายุความแล้วจึงได้ทำการสอบ ไม่ทำให้คดีโจทก์ขาดอายุความ
เช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเป็นเช็คลงวันที่จ่ายล่วงหน้าซึ่งถือว่าเป็นวันออกเช็คที่จำเลยจะต้องรับผิดตามเช็คไม่ใช่ถือเอาวันเขียนเช็คเป็นวันออกเช็ค ดังนั้นแม้โจทก์จะรู้ในขณะจำเลยเขียนเช็คว่าจำเลยไม่มีเงินสดในธนาคารอันจะใช้ให้โจทก์ได้ความเช็ค ก็ไม่ถือว่าโจทก์ร่วมกระทำผิดกับจำเลยและไม่ถือว่าโจทก์มิใช่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องอาญาเช็ค: การแจ้งความครั้งแรกมีเจตนาให้ดำเนินคดี แม้เจ้าหน้าที่ยังไม่สอบสวน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7) ตอนท้ายที่บัญญัติว่า "และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ" นั้นเป็นคำกว้างๆ ฉะนั้นตามที่เจ้าหน้าที่บันทึกไว้ว่า "ผู้แจ้ง (โจทก์) เกรงว่าเช็คจะขาดอายุความ จึงได้นำความมาแจ้งไว้เป็นหลักฐาน" นั้น จึงบ่งให้เห็นว่าโจทก์ต้องการให้จำเลยได้รับโทษแล้ว และโจทก์ได้ร้องทุกข์ภายในกำหนดอายุความ ส่วนการที่จะดำเนินคดีที่กล่าวหาเมื่อใด เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ไม่เกี่ยวกับโจทก์ เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการอย่างใดจนโจทก์ไปแจ้งอีกเมื่อพ้นอายุความแล้วจึงได้ทำการสอบไม่ทำให้คดีโจทก์ขาดอายุความ
เช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเป็นเช็คลงวันสั่งจ่ายล่วงหน้า ซึ่งถือว่าเป็นวันออกเช็คที่จำเลยจะต้องรับผิดตามเช็คนั้นไม่ใช่ถือเอาวันเขียนเช็คเป็นวันออกเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1535/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีอาญาหลังมีคำพิพากษา ศาลไม่อนุญาต เพราะไม่ใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว
การถอนฟ้องนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติ ถึงคดีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ว่าให้ถอนคดีได้เสมอไป ไม่ว่าผู้เสียหายหรืออัยการเป็นโจทก์ การถอนฟ้องต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 ที่ให้ถอนฟ้องได้ก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เว้นแต่คดีความผิดต่อส่วนตัวจะถอนฟ้องหรือยอมความในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ ในกรณีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วจึงถอนฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1535/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีเบิกความเท็จหลังมีคำพิพากษา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่สามารถทำได้
การถอนฟ้องนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติถึงคดีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ว่าให้ถอนคดีได้เสมอไป ไม่ว่าผู้เสียหายหรืออัยการเป็นโจทก์ การถอนฟ้องต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 ที่ให้ถอนฟ้องได้ก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เว้นแต่คดีความผิดต่อส่วนตัวจะถอนฟ้องหรือยอมความในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดได้ ในกรณีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วจึงถอนฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1535/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีเบิกความเท็จหลังมีคำพิพากษา ศาลฎีกาตัดสินว่าทำไม่ได้ เพราะไม่ใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว
การถอนฟ้องนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติ.ถึงคดีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ว่าให้ถอนคดีได้เสมอไป. ไม่ว่าผู้เสียหายหรืออัยการเป็นโจทก์. การถอนฟ้องต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 ที่ให้ถอนฟ้องได้ก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น. เว้นแต่คดีความผิดต่อส่วนตัวจะถอนฟ้องหรือยอมความในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้. ในกรณีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว.เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วจึงถอนฟ้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่าจากลักษณะการทำร้ายด้วยอาวุธ และตำแหน่งที่ถูกทำร้าย
จำเลยใช้ขวานขนาด 2 นิ้วครึ่ง ยาว 3 นิ้วครึ่ง ด้ามยาว 17 นิ้ว นับว่าเป็นขวานขนาดใหญ่. ฟันข้างหลังผู้เสียหายที่คออันเป็นอวัยวะสำคัญโดยแรงเป็นบาดแผลฉกรรจ์. ถ้าไม่รักษาพยาบาลทันท่วงทีก็อาจถึงแก่ความตายเนื่องจากโลหิตออกมาได้. กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนา จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่าจากการทำร้ายด้วยขวานบริเวณคอ: การพิจารณาขนาดอาวุธและลักษณะการทำร้าย
จำเลยใช้ขวานขนาด 2 นิ้วครึ่ง ยาว 3 นิ้วครึ่ง ด้ามยาว 17 นิ้ว นับว่าเป็นขวานขนาดใหญ่. ฟันข้างหลังผู้เสียหายที่คออันเป็นอวัยวะสำคัญโดยแรงเป็นบาดแผลฉกรรจ์. ถ้าไม่รักษาพยาบาลทันท่วงทีก็อาจถึงแก่ความตายเนื่องจากโลหิตออกมาได้. กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนา จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่าจากขนาดอาวุธและตำแหน่งที่ถูกทำร้าย
จำเลยใช้ขวานขนาด 2 นิ้วครึ่ง ยาว 3 นิ้วครึ่ง ด้ามยาว 17 นิ้ว นับว่าเป็นขวานขนาดใหญ่ ฟันข้างหลังผู้เสียหายที่คออันเป็นอวัยวะสำคัญโดยแรงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ถ้าไม่รักษาพยาบาลทันท่วงทีก็อาจถึงแก่ความตายเนื่องจากโลหิตออกมาได้ กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนา จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่า
of 65