คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เฉลิม ทัตภิรมย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 641 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินโดยมิชอบ การฟ้องขับไล่ และค่าเสียหายจากการทำประโยชน์ในที่ดิน
การที่โจทก์แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรและบุตรอื่นทำกินมิได้ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือขาดประโยชน์ในที่พิพาทเมื่อจำเลยที่ 2 เข้าทำนาพิพาทโจทก์ห้ามแต่จำเลยที่ 2 ไม่ฟังเป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำนาแล้ว แม้โจทก์อายุมาก ทำนาเองไม่ได้ ก็ไม่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าโจทก์ไม่เสียหาย
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอบกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวนแสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอบและจำเลยที่ 1 เสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดิน, ค่าเสียหายจากการบุกรุก, และการใช้สิทธิในที่ดินแม้แบ่งให้ผู้อื่น
การที่โจทก์แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรและบุตรอื่นทำกิน มิได้ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือขาดประโยชน์ในที่พิพาท เมื่อจำเลยที่ 2 เข้าทำนาพิพาท โจทก์ห้ามแต่จำเลยที่ 2 ไม่ฟัง เป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำนาแล้ว แม้โจทก์อายุมาก ทำนาเองไม่ได้ ก็ไม่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าโจทก์ไม่เสียหาย
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอมกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวน แสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมโอนระหว่างนายคอยและจำเลยที่ 1 เสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินโดยมิชอบและการเรียกร้องค่าเสียหายจากการบุกรุกทำกิน แม้ผู้ให้แบ่งที่ดินไม่มีสิทธิทำกินเอง ก็ยังคงได้รับความเสียหาย
การที่โจทก์แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรและบุตรอื่นทำกิน. มิได้ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือขาดประโยชน์ในที่พิพาท. เมื่อจำเลยที่ 2 เข้าทำนาพิพาท.โจทก์ห้ามแต่จำเลยที่ 2 ไม่ฟัง. เป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำนาแล้ว. แม้โจทก์อายุมาก. ทำนาเองไม่ได้. ก็ไม่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าโจทก์ไม่เสียหาย.
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง. ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอบกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น. ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1. ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวน.แสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน. ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอบและจำเลยที่ 1 เสียได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลอดแก้วบรรจุยาฉีดเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามประมวลรัษฎากร แม้โรงงานจะนำไปบรรจุยาฉีดก็ไม่ถือเป็นการเสียภาษีซ้ำ
หลอดแก้วซึ่งสั่งมาจากต่างประเทศเพื่อให้โรงงานผลิตยาใช้สำหรับบรรจุยาฉีดนั้น เป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 77 เพราะใช้บรรจุยาฉีดได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่นก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลอดแก้วบรรจุยาฉีดเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77 แม้จะนำไปใช้บรรจุยาฉีดต่อ
หลอดแก้วซึ่งสั่งมาจากต่างประเทศเพื่อให้โรงงานผลิตยาใช้สำหรับบรรจุยาฉีดนั้น เป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 77 เพราะใช้บรรจุยาฉีดได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่นก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลอดแก้วบรรจุยาฉีดเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77 แม้โรงงานจะนำไปบรรจุยา
หลอดแก้วซึ่งสั่งมาจากต่างประเทศเพื่อให้โรงงานผลิตยาใช้สำหรับบรรจุยาฉีดนั้น. เป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 77. เพราะใช้บรรจุยาฉีดได้ทันที.โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่นก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนในการบรรยายฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับป่าไม้ และข้อจำกัดในการอ้างพยานร่วมกระทำผิด
คำบรรยายฟ้องที่ไม่ถือว่าเคลือบคลุม.
กฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานโจทก์เท่านั้น. มิได้ห้ามโจทก์อ้างผู้ที่กระทำผิดเช่นเดียวกับจำเลยมาเป็นพยาน.
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแผ้วถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่โดยรอบ. จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่า.เป็นการถางที่มีประโยชน์ที่ไม่มีสภาพเป็นป่า. ข้อเถียงดังนี้เป็นการเถียงข้อเท็จจริง. จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาฐานทำลายป่า: สถานที่กระทำผิดต้องระบุชัดเจน และการอ้างพยานผู้กระทำผิดก็ทำได้
คำบรรยายฟ้องที่ไม่ถือว่าเคลือบคลุมกฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานโจทก์เท่านั้นมิได้ห้ามโจทก์อ้างผู้ที่กระทำผิดเช่นเดียวกับจำเลยมาเป็นพยาน
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแผ้วถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่โดยรอบจำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่า เป็นการถางที่มีประโยชน์ที่ไม่มีสภาพเป็นป่า ข้อเถียงดังนี้เป็นการเถียงข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนในการระบุสถานที่กระทำผิดในคดีอาญา และการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
คำบรรยายฟ้องที่ไม่ถือว่าเคลือบคลุม
กฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานโจทก์เท่านั้น มิได้ห้ามโจทก์อ้างผู้ที่กระทำผิดเช่นเดียวกับจำเลยมาเป็นพยาน
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแผ้วถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่โดยรอบ จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่า เป็นการถางที่มีประโยชน์ที่ไม่มีสภาพเป็นป่า ข้อเถียงดังนี้เป็นการเถียงข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมทุนทรัพย์ฟ้องเดิมและฟ้องแย้งเพื่อพิจารณาข้อห้ามฎีกา: ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องทั้งสองเป็นคนละคดี จึงไม่สามารถรวมทุนทรัพย์กันได้
คดีตามฟ้องโจทก์มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 5,000 บาท ส่วนคดีตามฟ้องแย้งของจำเลยก็มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 5,000 บาท ฟ้องเดิมกับฟ้องแย้งเป็นคนละคดีจะถือเอาทุนทรัพย์รวมกันเพื่อพิจารณาว่าฎีกานั้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 หรือไม่ ย่อมไม่ได้ ฎีกาจำเลยจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
of 65