พบผลลัพธ์ทั้งหมด 641 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม, สละข้อต่อสู้, หลักฐานสัญญาซื้อขาย, หักเงินค่าเสียหาย, ดอกเบี้ยค้างชำระ: ประเด็นสำคัญในการพิจารณาคดีซื้อขาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้ออุปกรณ์สระว่ายน้ำจากโจทก์เป็นเงิน 30,698บาท. เป็นคำฟ้องที่ชัดเจนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้แล้ว. ส่วนรายละเอียดอุปกรณ์สระว่ายน้ำมีอะไรบ้าง. เป็นข้อที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา. แม้ไม่บรรยายมาในฟ้องก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม. และโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่า. คนของจำเลยผู้ใดเป็นคนเซ็นรับของ. เพียงแต่กล่าวว่าได้ส่งของให้จำเลยรับไปแล้วก็เป็นฟ้องที่ชอบ.
เอกสารตามสำเนาท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ. แม้โจทก์จะมิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทย. หากมีข้อความในเอกสารเป็นภาษาไทยอยู่บางส่วนอ่านได้ใจความสำคัญ. ย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้.
ปัญหาซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นจึงไม่รับวินิจฉัย. จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยยังไม่ได้สละข้อต่อสู้. เพียงแต่ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาต่อมา. ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย. เพราะไม่ใช่ข้อที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว.
แม้จำเลยจะยอมรับผิดตามฟ้องเต็มจำนวนเงินที่เรียกร้องหรือแต่บางส่วน. หากจำเลยไม่นำเงินมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป. จำเลยก็ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ย.
เอกสารตามสำเนาท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ. แม้โจทก์จะมิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทย. หากมีข้อความในเอกสารเป็นภาษาไทยอยู่บางส่วนอ่านได้ใจความสำคัญ. ย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้.
ปัญหาซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นจึงไม่รับวินิจฉัย. จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยยังไม่ได้สละข้อต่อสู้. เพียงแต่ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาต่อมา. ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย. เพราะไม่ใช่ข้อที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว.
แม้จำเลยจะยอมรับผิดตามฟ้องเต็มจำนวนเงินที่เรียกร้องหรือแต่บางส่วน. หากจำเลยไม่นำเงินมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป. จำเลยก็ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่เคลือบคลุม การสละข้อต่อสู้ และดอกเบี้ย กรณีจำเลยยอมรับผิดแต่ไม่วางเงิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้ออุปกรณ์สระว่ายน้ำจากโจทก์เป็นเงิน 30,698บาท เป็นคำฟ้องที่ชัดเจนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้แล้ว ส่วนรายละเอียดอุปกรณ์สระว่ายน้ำมีอะไรบ้าง เป็นข้อที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา แม้ไม่บรรยายมาในฟ้องก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม และโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่า คนของจำเลยผู้ใดเป็นคนเซ็นรับของ เพียงแต่กล่าวว่าได้ส่งของให้จำเลยรับไปแล้วก็เป็นฟ้องที่ชอบ
เอกสารตามสำเนาท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ แม้โจทก์จะมิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทย หากมีข้อความในเอกสารเป็นภาษาไทยอยู่บางส่วนอ่านได้ใจความสำคัญ ย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้
ปัญหาซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นจึงไม่รับวินิจฉัย จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยยังไม่ได้สละข้อต่อสู้ เพียงแต่ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาต่อมาศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย เพราะไม่ใช่ข้อที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว
แม้จำเลยจะยอมรับผิดตามฟ้องเต็มจำนวนเงินที่เรียกร้องหรือแต่บางส่วน หากจำเลยไม่นำเงินมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป จำเลยก็ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ย
เอกสารตามสำเนาท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ แม้โจทก์จะมิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทย หากมีข้อความในเอกสารเป็นภาษาไทยอยู่บางส่วนอ่านได้ใจความสำคัญ ย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้
ปัญหาซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นจึงไม่รับวินิจฉัย จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยยังไม่ได้สละข้อต่อสู้ เพียงแต่ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาต่อมาศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย เพราะไม่ใช่ข้อที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว
แม้จำเลยจะยอมรับผิดตามฟ้องเต็มจำนวนเงินที่เรียกร้องหรือแต่บางส่วน หากจำเลยไม่นำเงินมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป จำเลยก็ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเร่ขายถ่านไม่ถือเป็นการสะสมถ่านตามกฎหมายสาธารณสุข โจทก์ฟ้องไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำการขายถ่าน (ขายปลีก)โดยใช้รถเข็นบรรทุกถ่านไปขายตามสถานที่ต่างๆ เพื่อการค้า. เป็นการประกอบกิจการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต. ขอให้ลงโทษตามพ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2484 มาตรา 8,68. เทศบัญญัติเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ(ฉบับที่ 3)2494 ข้อ 4(40). แต่บทกฎหมายที่โจทก์อ้างทั้งหมดรวมทั้งเทศบัญญัติที่อ้างข้อ 4(40) นั้นระบุถึง 'การสะสมถ่าน'. จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้อง. จึงไม่เป็นความผิดเป็นข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ไม่ตรงกับบทบัญญัติกฎหมาย ถือเป็นเหตุให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำการขายถ่าน (ขายปลีก)โดยใช้รถเข็นบรรทุกถ่านไปขายตามสถานที่ต่างๆ เพื่อการค้า เป็นการประกอบกิจการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2484 มาตรา 8, 68 เทศบัญญัติเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ(ฉบับที่ 3) 2494 ข้อ 4(40) แต่บทกฎหมายที่โจทก์อ้างทั้งหมดรวมทั้งเทศบัญญัติที่อ้างข้อ 4(40) นั้นระบุถึง 'การสะสมถ่าน' จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดเป็นข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความฟ้องคดี การเร่ขายถ่านไม่ถือเป็นการสะสมถ่านตามกฎหมายสาธารณสุข
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำการขายถ่าน (ขายปลีก)โดยใช้รถเข็นบรรทุกถ่านไปขายตามสถานที่ต่างๆ เพื่อการค้า เป็นการประกอบกิจการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ.2484 มาตรา 8,68 เทศบัญญัติเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ(ฉบับที่ 3)2494 ข้อ 4(40) แต่บทกฎหมายที่โจทก์อ้างทั้งหมดรวมทั้งเทศบัญญัติที่อ้างข้อ 4(40) นั้นระบุถึง "การสะสมถ่าน" จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดเป็นข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์คดีแพ่งแต่ละโจทก์, ข้อจำกัดการฎีกา, การนำสืบพยานจำเลย
คดีที่โจทก์แต่ละคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์แต่ละคนชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลโดยลำพัง ฉะนั้น แม้โจทก์จะฟ้องมาในคดีเดียวกัน ก็ต้องพิจารณาทุนทรัพย์ของคดีสำหรับโจทก์แต่ละคนแยกกัน เมื่อปรากฏว่าราคาทรัพย์สินที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องมีจำนวนไม่เกิน 5,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์แต่ละคนจึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2511)
การที่จำเลยที่ 2 ไม่เข้าเบิกความเป็นพยาน ไม่มีกฎหมายตัดสิทธิมิให้จำเลยที่ 2 นำพยานเข้าสืบหรือบัญญัติว่าจะเอาคำเบิกความของพยานนั้นหรือคำเบิกความของจำเลยด้วยกันมาฟังเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้
การที่จำเลยที่ 2 ไม่เข้าเบิกความเป็นพยาน ไม่มีกฎหมายตัดสิทธิมิให้จำเลยที่ 2 นำพยานเข้าสืบหรือบัญญัติว่าจะเอาคำเบิกความของพยานนั้นหรือคำเบิกความของจำเลยด้วยกันมาฟังเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาทุนทรัพย์ของคดีแต่ละโจทก์แยกกัน และการไม่มีผลเสียจากการไม่เบิกความของจำเลย
คดีที่โจทก์แต่ละคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55. โจทก์แต่ละคนชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลโดยลำพัง. ฉะนั้น แม้โจทก์จะฟ้องมาในคดีเดียวกัน ก็ต้องพิจารณาทุนทรัพย์ของคดีสำหรับโจทก์แต่ละคนแยกกัน. เมื่อปรากฏว่าราคาทรัพย์สินที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องมีจำนวนไม่เกิน 5,000 บาท.และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น. โจทก์แต่ละคนจึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2511).
การที่จำเลยที่ 2 ไม่เข้าเบิกความเป็นพยาน. ไม่มีกฎหมายตัดสิทธิ.มิให้จำเลยที่ 2 นำพยานเข้าสืบ.หรือบัญญัติว่าจะเอาคำเบิกความของพยานนั้นหรือคำเบิกความของจำเลยด้วยกันมาฟังเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้.
การที่จำเลยที่ 2 ไม่เข้าเบิกความเป็นพยาน. ไม่มีกฎหมายตัดสิทธิ.มิให้จำเลยที่ 2 นำพยานเข้าสืบ.หรือบัญญัติว่าจะเอาคำเบิกความของพยานนั้นหรือคำเบิกความของจำเลยด้วยกันมาฟังเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนในคดีที่ฟ้องร่วมกัน และสิทธิในการนำสืบพยานของจำเลย
คดีที่โจทก์แต่ละคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์แต่ละคนชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลโดยลำพัง ฉะนั้น แม้โจทก์จะฟ้องมาในคดีเดียวกัน ก็ต้องพิจารณาทุนทรัพย์ของคดีสำหรับโจทก์แต่ละคนแยกกัน เมื่อปรากฏว่าราคาทรัพย์สินที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องมีจำนวนไม่เกิน 5,000 บาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์แต่ละคนจึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2511)
การที่จำเลยที่ 2 ไม่เข้าเบิกความเป็นพยาน ไม่มีกฎหมายตัดสิทธิ มิให้จำเลยที่ 2 นำพยานเข้าสืบหรือบัญญัติว่าจะเอาคำเบิกความของพยานนั้นหรือคำเบิกความของจำเลยด้วยกันมาฟังเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้
การที่จำเลยที่ 2 ไม่เข้าเบิกความเป็นพยาน ไม่มีกฎหมายตัดสิทธิ มิให้จำเลยที่ 2 นำพยานเข้าสืบหรือบัญญัติว่าจะเอาคำเบิกความของพยานนั้นหรือคำเบิกความของจำเลยด้วยกันมาฟังเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดขวางอำนาจศาลโดยไม่ส่งเอกสาร ไม่ทำให้โจทก์เสียหายโดยตรง จึงไม่เป็นผู้เสียหาย
โจทก์นำหมายศาลที่สั่งเรียกเอกสารซึ่งอยู่ในครอบครองของจำเลยส่งให้จำเลยที่ศาล จำเลยรับหมายแล้วกล่าวว่า เป็นเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ แล้วทิ้งหมายลงบนพื้นทางเดิน ต่อมาโจทก์ได้ให้พนักงานศาลนำส่งหมายเรียกเอกสารเหล่านั้นแก่จำเลยอีก จำเลยจงใจขัดอำนาจศาล ไม่ยอมส่งเอกสารต่อศาล ถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 ข้อ 4 ผู้เสียหายคือบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง กรณีนี้เป็นเพียงเรื่องที่งดเว้นไม่ยอมกระทำการอย่างหนึ่งขึ้นเท่านั้น สิทธิหน้าที่ของโจทก์จำเลยไม่ได้มีต่อกันโดยตรงที่จะต้องให้เอกสารนั้นมาดู การไม่ยอมส่งของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการงดเว้นที่ล่วงสิทธิหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่เป็นผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดขวางอำนาจศาลและการไม่เป็นผู้เสียหายตามกฎหมายอาญา
โจทก์นำหมายศาลที่สั่งเรียกเอกสารซึ่งอยู่ในครอบครองของจำเลยส่งให้จำเลยที่ศาล จำเลยรับหมายแล้วกล่าวว่า เป็นเรื่องบ้าๆบอๆ แล้วทิ้งหมายลงบนพื้นทางเดิน ต่อมาโจทก์ได้ให้พนักงานศาลนำส่งหมายเรียกเอกสารเหล่านั้นแก่จำเลยอีก จำเลยจงใจขัดอำนาจศาล ไม่ยอมส่งเอกสารต่อศาล ถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 ข้อ 4ผู้เสียหายคือบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง กรณีนี้เป็นเพียงเรื่องที่งดเว้นไม่ยอมกระทำการอย่างหนึ่งขึ้นเท่านั้น สิทธิหน้าที่ของโจทก์จำเลยไม่ได้มีต่อกันโดยตรงที่จะต้องให้เอกสารนั้นมาดู การไม่ยอมส่งของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการงดเว้นที่ล่วงสิทธิหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่เป็นผู้เสียหาย