พบผลลัพธ์ทั้งหมด 235 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินค้าสำเร็จรูป: สลากติดถ่านไฟฉาย แม้ใช้ในกระบวนการผลิต ก็ถือเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามประมวลรัษฎากร
กระดาษสลากที่ปิดรอบก้อนถ่านไฟฉายซึ่งมีชื่อและเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้สั่งมาจากต่างประเทศนั้น มีลักษณะเป็นสิ่งที่สำเร็จรูปมาแล้ว ไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่น ก็นำมาใช้ได้ทันทีจึงเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา 77 ส่วนการที่โจทก์นำแผ่นสลากนี้ไปทำการต่างๆ เพื่อใช้สวมกับถ่านไฟฉายก็เพื่อประโยชน์ในการค้าของโจทก์ซึ่งเป็นการค้าสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2511 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินค้าสำเร็จรูปตามประมวลรัษฎากร: สลากติดถ่านไฟฉาย แม้ใช้ในกระบวนการผลิต ก็ถือเป็นสินค้าสำเร็จรูป
กระดาษสลากที่ปิดรอบก้อนถ่านไฟฉายซึ่งมีชื่อและเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้สั่งมาจากต่างประเทศนั้น มีลักษณะเป็นสิ่งที่สำเร็จรูปมาแล้ว ไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่น ก็นำมาใช้ได้ทันทีจึงเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา 77ส่วนการที่โจทก์นำแผ่นสลากนี้ไปทำการต่างๆ เพื่อใช้สวมกับถ่านไฟฉายก็เพื่อประโยชน์ในการค้าของโจทก์ซึ่งเป็นการค้าสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
น้ำตาลทรายแดงเป็นสินค้าสำเร็จรูปต้องเสียภาษีการค้า การแนะนำของเจ้าหน้าที่สรรพากรไม่ถือเป็นกลฉ้อฉล
น้ำตาลทรายแดงที่ผลิตขายแก่โรงงานน้ำตาลทรายขาว เป็นสินค้าซึ่งตามสภาพอาจอุปโภคบริโภคได้โดยไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่น จึงเป็นสินค้าสำเร็จรูปซึ่งต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 5 ของรายรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
น้ำตาลทรายแดงเป็นสินค้าสำเร็จรูปต้องเสียภาษีการค้า การแนะนำของเจ้าหน้าที่สรรพากรไม่ใช่กลฉ้อฉล
น้ำตาลทรายแดงที่ผลิตขายแก่โรงงานน้ำตาลทรายขาว เป็นสินค้าซึ่งตามสภาพอาจอุปโภคบริโภคได้โดยไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่น จึงเป็นสินค้าสำเร็จรูปซึ่งต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 5 ของรายรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
น้ำตาลทรายแดงเป็นสินค้าสำเร็จรูปต้องเสียภาษีการค้า การแนะนำของเจ้าหน้าที่สรรพากรไม่ถือเป็นกลฉ้อฉล
น้ำตาลทรายแดงที่ผลิตขายแก่โรงงานน้ำตาลทรายขาว. เป็นสินค้าซึ่งตามสภาพอาจอุปโภคบริโภคได้โดยไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่น. จึงเป็นสินค้าสำเร็จรูปซึ่งต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 5 ของรายรับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314-1315/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับจ้างนำเข้าสินค้ากับประเภทการจดทะเบียนการค้า: กิจการเป็นตัวแทนไม่ใช่รับจ้างทำของ
การรับจ้างนำสินค้าที่ส่งมาจากต่างประเทศผ่านพิธีการของกรมศุลกากรนำออกมามอบให้ผู้ว่าจ้าง โดยผู้ว่าจ้างมอบอำนาจให้ทำแทนและนำสินค้าออกมาในนามของผู้ว่าจ้างนั้น เป็นการประกอบการค้าในประเภทนายหน้าและตัวแทนตามบัญชีอัตราภาษีการค้า มิใช่เป็นการรับจ้างทำของตามบัญชีอัตราภาษีการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนพินัยกรรมต้องทำตามวิธีการที่กฎหมายกำหนด การยื่นคำร้องถอนพินัยกรรมโดยไม่ทำลายหรือขีดฆ่า พินัยกรรมยังมีผลผูกพัน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1693 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ทำพินัยกรรมจะเพิกถอนพินัยกรรมของตนเสียทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในเวลาใดก็ได้ มีความหมายว่า ถ้าผู้ทำพินัยกรรมไม่พอใจในพินัยกรรมที่ตนทำไว้ ย่อมแสดงเจตนาเพิกถอนเสียทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในเวลาใดๆ ก็ได้ก่อนผู้ทำพินัยกรรมตาย แต่วิธีการเพิกถอนต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับ ซึ่งมีบัญญัติไว้ตั้งแต่มาตรา 1694 ถึง 1697 กฎหมายไม่ได้แยกมาตรา 1693 เป็นเอกเทศมีวิธีการเพิกถอนอยู่ในตัว
การที่ผู้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยื่นคำร้องต่อนายอำเภอขอถอนพินัยกรรม โดยมิได้ร้องขอทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรม และนายอำเภอก็สั่งแต่เพียงให้รวมคำร้องเก็บไว้ในเรื่อง ไม่ถือว่าได้มีการทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรมแต่ประการใด พินัยกรรมจึงยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ (อ้างฎีกาที่ 838/2508)
การที่ผู้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยื่นคำร้องต่อนายอำเภอขอถอนพินัยกรรม โดยมิได้ร้องขอทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรม และนายอำเภอก็สั่งแต่เพียงให้รวมคำร้องเก็บไว้ในเรื่อง ไม่ถือว่าได้มีการทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรมแต่ประการใด พินัยกรรมจึงยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ (อ้างฎีกาที่ 838/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนพินัยกรรมต้องทำตามวิธีการที่กฎหมายกำหนด การยื่นคำร้องถอนพินัยกรรมไม่ถือเป็นการเพิกถอน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1693 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ทำพินัยกรรมจะเพิกถอนพินัยกรรมของตนเสียทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในเวลาใดก็ได้ มีความหมายว่าถ้าผู้ทำพินัยกรรมไม่พอใจในพินัยกรรมที่ตนทำไว้ ย่อมแสดงเจตนาเพิกถอนเสียทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในเวลาใดๆ ก็ได้ก่อนผู้ทำพินัยกรรมตาย แต่วิธีการเพิกถอนต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับ ซึ่งมีบัญญัติไว้ตั้งแต่มาตรา 1694 ถึง 1697 กฎหมายไม่ได้แยกมาตรา 1693 เป็นเอกเทศมีวิธีการเพิกถอนอยู่ในตัว
การที่ผู้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยื่นคำร้องต่อนายอำเภอขอถอนพินัยกรรมโดยมิได้ร้องขอทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรม และนายอำเภอก็สั่งแต่เพียงให้รวมคำร้องเก็บไว้ในเรื่อง ไม่ถือว่าได้มีการทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรมแต่ประการใด พินัยกรรมจึงยังคงมีผลใช้บังคับอยู่
(อ้างฎีกาที่ 838/2508)
การที่ผู้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยื่นคำร้องต่อนายอำเภอขอถอนพินัยกรรมโดยมิได้ร้องขอทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรม และนายอำเภอก็สั่งแต่เพียงให้รวมคำร้องเก็บไว้ในเรื่อง ไม่ถือว่าได้มีการทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรมแต่ประการใด พินัยกรรมจึงยังคงมีผลใช้บังคับอยู่
(อ้างฎีกาที่ 838/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนพินัยกรรมต้องทำตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด การแสดงเจตนาเพียงอย่างเดียวไม่ถือว่าเป็นการเพิกถอน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1693 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ทำพินัยกรรมจะเพิกถอนพินัยกรรมของตนเสียทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในเวลาใดก็ได้. มีความหมายว่า ถ้าผู้ทำพินัยกรรมไม่พอใจในพินัยกรรมที่ตนทำไว้ ย่อมแสดงเจตนาเพิกถอนเสียทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในเวลาใดๆ ก็ได้ก่อนผู้ทำพินัยกรรมตาย. แต่วิธีการเพิกถอนต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับ ซึ่งมีบัญญัติไว้ตั้งแต่มาตรา 1694ถึง 1697. กฎหมายไม่ได้แยกมาตรา 1693 เป็นเอกเทศมีวิธีการเพิกถอนอยู่ในตัว.
การที่ผู้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยื่นคำร้องต่อนายอำเภอขอถอนพินัยกรรม.โดยมิได้ร้องขอทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรม. และนายอำเภอก็สั่งแต่เพียงให้รวมคำร้องเก็บไว้ในเรื่อง. ไม่ถือว่าได้มีการทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรมแต่ประการใด. พินัยกรรมจึงยังคงมีผลใช้บังคับอยู่. (อ้างฎีกาที่ 838/2508).
การที่ผู้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยื่นคำร้องต่อนายอำเภอขอถอนพินัยกรรม.โดยมิได้ร้องขอทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรม. และนายอำเภอก็สั่งแต่เพียงให้รวมคำร้องเก็บไว้ในเรื่อง. ไม่ถือว่าได้มีการทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรมแต่ประการใด. พินัยกรรมจึงยังคงมีผลใช้บังคับอยู่. (อ้างฎีกาที่ 838/2508).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122-1123/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าใช้จ่ายผู้จัดการมรดกสัมพันธ์กับฟ้องเดิม สัญญาแบ่งมรดกเป็นเหตุ
ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยเสียไปในการดำเนินคดีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ซึ่งโจทก์จำเลยเป็นผู้ร้องขอร่วมกันและโจทก์ตกลงจะชดใช้ให้จำเลยครั้งหนึ่ง. โดยระบุไว้ในสัญญาแบ่งมรดก. แต่ภายหลังกลับถอนคำร้องเสีย เนื่องจากตกลงกันในการจัดการมรดกไม่ได้นั้น. เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีขอรับมรดกแต่ผู้เดียว และขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาแบ่งมรดกเป็นโมฆะ. จำเลยย่อมฟ้องแย้งเรียกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความตามที่ตกลงไว้ในสัญญาแบ่งมรดกจากโจทก์ได้. เพราะเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม.