คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อาจิต ไชยาคำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 422 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษเด็กและเยาวชน – ข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อศาลไม่ลงโทษจำคุกเกิน 1 ปี หรือปรับเกิน 1,000 บาท
ในกรณีที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 อันเป็นบทหนักโดยจำคุก 5 ปี แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกโดยให้ส่งตัวไปฝึกอบรมณ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มีกำหนดขั้นต่ำ 2 ปี ขั้นสูง 3 ปีแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดจำเลยปรับด้วยมาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 และให้มอบตัวจำเลยแก่บิดามารดา โดยวางข้อกำหนดให้ระวังจำเลยมิให้ก่อเหตุร้าย มิฉะนั้นต้องชำระเงินหนึ่งพันบาทต่อการที่จำเลยก่อเหตุร้ายแต่ละครั้ง และให้จำเลยมารายงานตัวต่อสถานพินิจและคุ้มครองเด็กทุก 6 เดือนนั้น การที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งบทลงโทษและวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนแก่จำเลยเช่นนี้ ถือว่าเป็นการแก้ไขมาก แต่เนื่องจากศาลทั้งสองได้เปลี่ยนแปลงโทษจำคุกเป็นอย่างอื่น ซึ่งถือว่าศาลทั้งสองมิได้พิพากษาจำคุกเกิน 1 ปี หรือปรับเกินพันบาทกรณีจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องอุทธรณ์ต้องฟังจำเลยก่อน ศาลมิอาจอนุญาตโดยไม่ฟังเหตุผลคัดค้าน
โจทก์ถอนฟ้องอุทธรณ์เมื่อจำเลยยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้ว จะต้องฟังจำเลยก่อน มิฉะนั้นห้ามมิให้ศาลอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนอุทธรณ์หลังจำเลยยื่นคำแก้อุทธรณ์ จำเป็นต้องฟังจำเลยก่อน
โจทก์ถอนฟ้องอุทธรณ์เมื่อจำเลยยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้ว จะต้องฟังจำเลยก่อน มิฉะนั้นห้ามมิให้ศาลอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉีกสัญญา แม้ไม่ถึงขั้นทำลายจนใช้ไม่ได้ผล ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
การที่จำเลยได้ฉีกสัญญากู้จนขาดออกเป็นชิ้น ๆ โจทก์ร่วมต้องเอามาต่อติดกันจึงอ่านข้อความได้ เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยได้ทำให้สัญญากู้เสียหายแล้ว หาจำต้องทำให้สูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับจนกระทั่งไม่มีรูปเป็นเอกสารไม่ เข้าเกณฑ์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 แล้ว
เมื่อจำเลยได้ฉีกสัญญาขาดออกจากกันแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉีกสัญญากู้ทำให้เสียหาย ถือเป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 แม้สัญญาไม่สูญสิ้น
การที่จำเลยได้ฉีกสัญญากู้จนขาดออกเป็นชิ้น ๆ โจทก์ร่วมต้องเอามาต่อติดกันจึงอ่านข้อความได้ เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยได้ทำให้สัญญากู้เสียหายแล้ว หาจำต้องทำให้สูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับจนกระทั่งไม่มีรูปเป็นเอกสารไม่เข้าเกณฑ์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 แล้ว
เมื่อจำเลยได้ฉีกสัญญาขาดออกจากกันแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการยกเว้นการบังคับคดีเนื่องจากข้อตกลงนอกศาล ศาลฎีกาพิพากษาว่าการตกลงนอกศาลไม่สามารถขัดขวางการบังคับคดีตามคำพิพากษาได้
เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกคำบังคับแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติ โจทก์ย่อมขอบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 จำเลยจะยกเอาสัญญาที่ทำกันนอกศาลมาเป็นเหตุ ให้งดการบังคับคดี เพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการยกเว้นการบังคับคดีเนื่องจากข้อตกลงนอกศาล: ศาลฎีกาวางหลักว่าการตกลงนอกศาลไม่อาจขัดขวางการบังคับคดีตามคำพิพากษา
เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกคำบังคับแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติโจทก์ย่อมขอบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 จำเลยจะยกเอาสัญญาที่ทำกันนอกศาลมาเป็นเหตุให้งดการบังคับคดีเพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149-150/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและมีอาวุธปืนยิงผู้อื่น เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยใช้กำลังกระชากสร้อยจนขาดจากคอผู้เสียหาย และพวกจำเลยในกลุ่มที่วิ่งหนีได้ใช้ปืนยิงพวกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ เมื่อกำลังวิ่งไล่ติดตามพวกคนร้ายอย่างกระชั้นชิด เป็นการลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ พาเอาทรัพย์นั้นไปให้พ้นจากการจับกุม การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ และเมื่อมีผู้กระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยใช้ปืนยิงเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายแล้ว ก็เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสินบริคณห์ที่ภริยาทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี ย่อมเป็นโมฆียะ แต่ยังไม่บอกล้างถือว่ามีผลใช้บังคับ
ภริยานำเอาที่นาสินบริคณห์ไปให้จำเลยเช่า โดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นสามีสัญญาเช่านั้นย่อมตกเป็นโมฆียะ
แม้สัญญาเช่าเป็นโมฆียะ แต่เมื่อโจทก์ยังมิได้บอกล้าง สัญญาเช่านั้นก็คงยังสมบูรณ์ การที่จำเลยเข้าทำนาโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ย่อมไม่เป็นละเมิด โจทก์จะฟ้องขับไล่หาว่าจำเลยบุกรุกและเรียกค่าเสียหาได้ไม่
ปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า การที่โจทก์ฟ้องจำเลยจะถือว่าเป็นการบอกล้างโมฆียะกรรมโดยพฤตินัยได้หรือไม่ ไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสินบริคณห์โมฆียะแต่ยังไม่บอกล้าง โจทก์ฟ้องขับไล่ไม่ได้
ภริยานำเอาที่นาสินบริคณห์ไปให้จำเลยเช่าโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นสามีสัญญาเช่านั้นย่อมตกเป็นโมฆียะ
แม้สัญญาเช่าเป็นโมฆียะ แต่เมื่อโจทก์ยังมิได้บอกล้าง สัญญาเช่านั้นก็คงยังสมบูรณ์ การที่จำเลยเข้าทำนาโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ย่อมไม่เป็นละเมิด โจทก์จะฟ้องขับไล่หาว่าจำเลยบุกรุกและเรียกค่าเสียหายหาได้ไม่
ปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า การที่โจทก์ฟ้องจำเลยจะถือว่าเป็นการบอกล้างโมฆียะกรรมโดยพฤตินัยได้หรือไม่ ไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 43