คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
แสวง ลัดพลี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 213 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลทหาร: คำสั่งประกันและปรับนายประกันเป็นคำสั่งของศาลทหาร ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจพิจารณา
คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร และเมื่อได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอประกัน และสั่งปรับตามสัญญาประกันไปแล้ว จะอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นศาลพลเรือนไม่ได้ (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 732/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลทหาร: คำสั่งประกันตัวและปรับนายประกันเป็นคำสั่งของศาลทหาร ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจพิจารณา
คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร และเมื่อได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอประกัน และสั่งปรับตามสัญญาประกันไปแล้ว จะอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นศาลพลเรือนไม่ได้ (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 732/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการจับกุม มีความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ใช่กรรโชก
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี. แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ยกคำขอของโจทก์ในข้อที่ขอให้ใช้ทรัพย์มิใช่เป็นการแก้ไขมาก.จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.
จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ได้เรียกเงินจากผู้ที่จำเลยจับกุมตัวมาแล้วปล่อยผู้ต้องหาไป. อันเป็นการเรียกหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ. เพื่อละเว้นไม่จับกุมผู้เสียหาย. อันเป็นการมิชอบด้วยหน้าที่ของจำเลย. จำเลยจึงมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149. และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 5. หามีความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 อีกบทหนึ่งด้วยไม่. และเมื่อการกระทำของจำเลยมิได้เป็นผิดตามมาตรา 337 แล้ว. โจทก์ก็ไม่มีอำนาจขอให้จำเลยใช้ทรัพย์หรือคืนทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 43.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการจับกุม ไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก แต่ผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ยกคำขอของโจทก์ในข้อที่ขอให้ใช้ทรัพย์มิใช่เป็นการแก้ไขมาก จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ได้เรียกเงินจากผู้ที่จำเลยจับกุมตัวมาแล้วปล่อยผู้ต้องหาไป อันเป็นการเรียกหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อละเว้นไม่จับกุมผู้เสียหาย อันเป็นการมิชอบด้วยหน้าที่ของจำเลย จำเลยจึงมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 5 หามีความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 อีกบทหนึ่งด้วยไม่ และเมื่อการกระทำของจำเลยมิได้เป็นผิดตามมาตรา 337 แล้ว โจทก์ก็ไม่มีอำนาจขอให้จำเลยใช้ทรัพย์หรือคืนทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 43

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินจากผู้ต้องหาเพื่อแลกกับการปล่อยตัว ความผิดตาม ม.149 และความแตกต่างจากความผิดฐานกรรโชก
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ยกคำขอของโจทก์ในข้อที่ขอให้ใช้ทรัพย์มิใช่เป็นการแก้ไขมาก จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ได้เรียกเงินจากผู้ที่จำเลยจับกุมตัวมาแล้วปล่อยผู้ต้องหาไป อันเป็นการเรียกหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อละเว้นไม่จับกุมผู้เสียหาย อันเป็นการมิชอบด้วยหน้าที่ของจำเลย จำเลยจึงมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 5 หามีความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 อีกบทหนึ่งด้วยไม่ และเมื่อการกระทำของจำเลยมิได้เป็นผิดตามมาตรา 337 แล้ว โจทก์ก็ไม่มีอำนาจขอให้จำเลยใช้ทรัพย์หรือคืนทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์ และการแก้ไขโทษทางอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยฐานปล้นทรัพย์มีกำหนด 4 ปี.ศาลอุทธรณ์แก้โดยพิพากษาจำคุกจำเลยฐานชิงทรัพย์มีกำหนด 2ปี. เป็นการแก้ทั้งบทและกำหนดโทษ ถือว่าแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์ และการพิจารณาความผิดฐานร่วมกระทำความผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยฐานปล้นทรัพย์มีกำหนด 4 ปี ศาลอุทธรณ์แก้โดยพิพากษาจำคุกจำเลยฐานชิงทรัพย์มีกำหนด 2ปี เป็นการแก้ทั้งบทและกำหนดโทษ ถือว่าแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์ และการแก้ไขโทษจำคุกตามมาตราส่วนโทษและรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยฐานปล้นทรัพย์มีกำหนด 4 ปีศาลอุทธรณ์แก้โดยพิพากษาจำคุกจำเลยฐานชิงทรัพย์มีกำหนด 2 ปี เป็นการแก้ทั้งบทและกำหนดโทษ ถือว่าแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปรรูปไม้ต้องได้รับอนุญาต แม้ปริมาณน้อย กฎหมายแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับการมีไม้แปรรูป
กฎหมายป่าไม้บัญญัติแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับมีไม้แปรรูปไว้ต่างหากจากกัน กล่าวคือ การแปรรูปไม้ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเนื้อไม้เท่าใดก็ตาม หากมิได้รับอนุญาตแล้วย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น เว้นแต่จะเข้ากรณียกเว้นตามมาตรา 50 เพราะกฎหมายมิได้บัญญัติยกเว้นไว้อย่างกรณีมีไม้แปรรูปซึ่งหากมีจำนวนไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรแล้ว ก็ไม่จำต้องขอรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิด แม้มีปริมาณน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีอนุญาต
กฎหมายป่าไม้บัญญัติแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับมีไม้แปรรูปไว้ต่างหากจากกัน กล่าวคือ การแปรรูปไม้ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเนื้อไม้เท่าใดก็ตาม หากมิได้รับอนุญาตแล้วย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น เว้นแต่จะเข้ากรณียกเว้นตามมาตรา 50 เพราะกฎหมายมิได้บัญญัติยกเว้นไว้อย่างกรณีมีไม้แปรรูปซึ่งหากมีจำนวนไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรแล้ว ก็ไม่จำต้องขอรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2511)
of 22