คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุธี โรจนธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 428 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานฆ่าและพยายามฆ่า: การพิจารณาความผิดหลายกรรมและการเลือกโทษ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นเรื่องกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน. ศาลจะลงโทษผู้กระทำผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป. หรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้.
จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน. และพยายามฆ่าผู้เสียหาย. ถือว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายจากความมึนเมาและมีเหตุให้โกรธเคือง ศาลลดโทษได้ตามเหตุผล
จำเลยรับสารภาพต่อศาลก่อนลงมือสืบพยานโจทก์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษได้. ขณะจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นเวลาใกล้ค่ำมืด. พยานโจทก์บางคนได้ไปจากที่เกิดเหตุไกลสัก5วาได้ยินเสียงโครมคราม จึงหวนกลับวิ่งเข้ามาดู. และไม่มีผู้ใดจับจำเลยและมีดของกลางได้ในคืนนั้น. จึงยากที่จะว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์. ที่ศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น จึงเป็นการชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดีฆ่าโดยเจตนา เนื่องจากรับสารภาพก่อนสืบพยาน และเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดการทำร้าย
จำเลยรับสารภาพต่อศาลก่อนลงมือสืบพยานโจทก์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษได้ ขณะจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นเวลาใกล้ค่ำมืด พยานโจทก์บางคนได้ไปจากที่เกิดเหตุไกลสัก5วาได้ยินเสียงโครมคราม จึงหวนกลับวิ่งเข้ามาดู และไม่มีผู้ใดจับจำเลยและมีดของกลางได้ในคืนนั้น จึงยากที่จะว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์ ที่ศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น จึงเป็นการชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดีฆ่าโดยเจตนา เนื่องจากรับสารภาพก่อนสืบพยาน และเหตุการณ์เกิดจากฤทธิสุรา
จำเลยรับสารภาพต่อศาลก่อนลงมือสืบพยานโจทก์เป็นประโยช์แก่การพิจารณาคดี นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษได้ ขณะจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นเวลาใกล้ค่ำมืด พยานโจทก์บางคนได้ไปจากที่เกิดเหตุไกลสัก 5 วา ได้ยินเสียงโครมคราม จึงหวนกลับไปวิ่งเข้ามาดู และไม่มีผู้ใดจับจำเลยและมีดของกลางได้ในคืนนั้น จึงยากที่จะว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์ ที่ศาลลดโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น จึงเป็นการชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกดูถูกเหยียดหยามและปฏิเสธความรับผิดชอบต่อบุตร
จำเลยเป็นหญิงมีภาระต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้องให้ได้รับการศึกษาขั้นมหาวิทยาลัย และส่งเงินเลี้ยงบิดามารดา จำเลยรักใคร่ได้เสียกับผู้ตายจนจำเลยตั้งครรภ์ผู้ตายก็ตีตนออกห่าง ไม่ยอมพบ จำเลยโทรศัพท์ไปหลายครั้งก็ไม่ยอมพูด้วย วันเกิดเหตุจำเลยได้ไปคอยพบผู้ตายและพูดเรื่องที่จำเลยมีครรภ์ ผู้ตายว่าจำเลยว่า บอกให้เอาออกก็ไม่เอาออก ผู้ตายไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็ก ทั้งยังว่าจำเลยว่า อยากหน้าด้านไปหาผู้ตายเองและว่าพ่อแม่จำเลยไม่สั่งสอนให้ดี อันเป็นการดูถูกเหยียดหยามกดขี่ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะจากคำดูถูกเหยียดหยามและการปฏิเสธความรับผิดชอบต่อบุตร
จำเลยเป็นหญิงมีภาระต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้องให้ได้รับการศึกษาชั้นมหาวิทยาลัย และส่งเงินเลี้ยงบิดามารดาจำเลยรักใคร่ได้เสียกับผู้ตายจนจำเลยตั้งครรภ์ ผู้ตายก็ตีตนออกห่าง ไม่ยอมพบจำเลยโทรศัพท์ไปหลายครั้งก็ไม่ยอมพูดด้วยวันเกิดเหตุจำเลยได้ไปคอยพบผู้ตายและพูดเรื่องที่จำเลยมีครรภ์ผู้ตายว่าจำเลยว่า บอกให้เอาออกก็ไม่เอาออกผู้ตายไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็กทั้งยังว่าจำเลยว่า อยากหน้าด้านไปหาผู้ตายเองและว่าพ่อแม่จำเลยไม่สั่งสอนให้ดีอันเป็นการดูถูกเหยียดหยามกดขี่ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าโดยบันดาลโทสะจากคำพูดดูถูกเหยียดหยาม ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยเป็นหญิงมีภาระต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้องให้ได้รับการศึกษาชั้นมหาวิทยาลัย และส่งเงินเลี้ยงบิดามารดา.จำเลยรักใคร่ได้เสียกับผู้ตายจนจำเลยตั้งครรภ์ ผู้ตายก็ตีตนออกห่าง ไม่ยอมพบ. จำเลยโทรศัพท์ไปหลายครั้งก็ไม่ยอมพูดด้วย. วันเกิดเหตุจำเลยได้ไปคอยพบผู้ตายและพูดเรื่องที่จำเลยมีครรภ์. ผู้ตายว่าจำเลยว่า บอกให้เอาออกก็ไม่เอาออก. ผู้ตายไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็ก.ทั้งยังว่าจำเลยว่า อยากหน้าด้านไปหาผู้ตายเองและว่าพ่อแม่จำเลยไม่สั่งสอนให้ดี. อันเป็นการดูถูกเหยียดหยามกดขี่ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม. จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ การลงโทษฐานมีส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ศาลฎีกาชี้ขาดโทษหนักที่สุด
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7 บัญญัติห้ามมิให้ทำหรือมีไว้ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ผู้ฝ่าฝืนให้ลงโทษตามมาตรา 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 3 วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "อาวุธปืน" หมายความรวมตลอดถึงอาวุธปืนทุกชนิด ฯลฯ และส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืนนั้น ๆ ซึ่งรัฐมนตรีเห็นว่าสำคัญ และได้ระบุไว้ในกฎกระทรวง วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "เครื่องกระสุนปืน" หมายความรวมตลอดถึงหัวกระสุนโดด กระสุนปลาย กระสุนแตก ฯลฯ หรือเครื่อง หรือสิ่งสำหรับอัด หรือทำ หรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืน กฎกระทรวงฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2491) กำหนดว่า ส่วนของอาวุธปืนที่จะกล่าวต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นอาวุธปืน คือลำกล้อง เครื่องลั่นไก หรือส่วนประกอบสำคัญของเครื่องลั่นไก พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 บัญญัติให้ใช้ความต่อไปนี้แทน มาตรา 72 (วรรคหนึ่ง) ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 3 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 10,000 บาท (วรรค 2) ถ้าการฝ่าฝืนตามวรรคหนึ่งเป็นเพียงกรณีเกี่ยวกับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืน ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนี้ ข้อกฎหมายที่จะลงโทษจำเลยจึงมี 2 ประการ ประการแรกเกี่ยวกับอาวุธปืน ประการหลัง เกี่ยวกับเครื่องกระสุนปืน ซึ่งจะต้องวางโทษตามมาตรา 72 วรรคสอง วรรคหนึ่งตามลำดับ และลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 72 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดอาวุธปืน: การลงโทษฐานมีส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7 บัญญัติห้ามมิให้ทำหรือมีไว้ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ผู้ฝ่าฝืนให้ลงโทษตามมาตรา 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 3 วิเคราะห์ศัพท์คำว่า 'อาวุธปืน'หมายความรวมตลอดถึงอาวุธปืนทุกชนิด ฯลฯ และส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืนนั้นๆ ซึ่งรัฐมนตรีเห็นว่าสำคัญและได้ระบุไว้ในกฎกระทรวง วิเคราะห์ศัพท์คำว่า 'เครื่องกระสุนปืน'หมายความรวมตลอดถึงหัวกระสุนโดด กระสุนปราย กระสุนแตก ฯลฯหรือเครื่อง หรือสิ่งสำหรับอัด หรือทำ หรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืน กฎกระทรวงฉบับที่ 3 (พ.ศ.2491) กำหนดว่า ส่วนของอาวุธปืนที่จะกล่าวต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นอาวุธปืน คือลำกล้อง เครื่องลั่นไก หรือส่วนประกอบสำคัญของเครื่องลั่นไกพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510 มาตรา 3 บัญญัติให้ใช้ความต่อไปนี้แทน มาตรา 72(วรรคหนึ่ง) ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 3 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 10,000 บาท (วรรคสอง) ถ้าการฝ่าฝืนตามวรรคหนึ่งเป็นเพียงกรณีเกี่ยวกับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืน ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ. ดังนี้ ข้อกฎหมายที่จะลงโทษจำเลยจึงมี 2 ประการประการแรกเกี่ยวกับอาวุธปืนประการหลังเกี่ยวกับเครื่องกระสุนปืน ซึ่งจะต้องวางโทษตามมาตรา 72วรรคสอง วรรคหนึ่ง ตามลำดับและลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 72 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดอาวุธปืน: การลงโทษฐานมีส่วนหนึ่งของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พิจารณาโทษตามบทหนักที่สุด
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7 บัญญัติห้ามมิให้ทำหรือมีไว้ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน. เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ผู้ฝ่าฝืนให้ลงโทษตามมาตรา72. พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 3 วิเคราะห์ศัพท์คำว่า 'อาวุธปืน'หมายความรวมตลอดถึงอาวุธปืนทุกชนิด ฯลฯ และส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืนนั้นๆ ซึ่งรัฐมนตรีเห็นว่าสำคัญ. และได้ระบุไว้ในกฎกระทรวง วิเคราะห์ศัพท์คำว่า 'เครื่องกระสุนปืน'หมายความรวมตลอดถึงหัวกระสุนโดด กระสุนปลาย กระสุนแตก ฯลฯหรือเครื่อง หรือสิ่งสำหรับอัด หรือทำ หรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืน. กฎกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ.2491) กำหนดว่า ส่วนของอาวุธปืนที่จะกล่าวต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นอาวุธปืน คือลำกล้อง เครื่องลั่นไก หรือส่วนประกอบสำคัญของเครื่องลั่นไก. พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510 มาตรา 3 บัญญัติให้ใช้ความต่อไปนี้แทน มาตรา 72(วรรคหนึ่ง) ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 3 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 10,000 บาท (วรรคสอง). ถ้าการฝ่าฝืนตามวรรคหนึ่งเป็นเพียงกรณีเกี่ยวกับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืน ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี. หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท.หรือทั้งจำทั้งปรับ. ดังนี้ ข้อกฎหมายที่จะลงโทษจำเลยจึงมี 2 ประการ. ประการแรกเกี่ยวกับอาวุธปืนประการหลังเกี่ยวกับเครื่องกระสุนปืน. ซึ่งจะต้องวางโทษตามมาตรา 72 วรรคสอง วรรคหนึ่ง ตามลำดับ. และลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 72 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ได้.
of 43