พบผลลัพธ์ทั้งหมด 428 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการฟ้องเรียกค่าเช่า: เลือกใช้บทบัญญัติทั่วไป (มาตรา 166) เมื่อมีบทบัญญัติเฉพาะเจาะจง (มาตรา 563) แล้ว
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 อยู่ในลักษณะ 6เรื่องอายุความในบรรพ 1 อันว่าด้วยหลักทั่วไป. ซึ่งระบุไว้ชัดถึงการฟ้องเรียกค่าเช่าทรัพย์สินค้างส่ง. ส่วนมาตรา 563 เป็นบทบัญญัติอยู่ในหมวด 3 เรื่องหน้าที่และความรับผิดของผู้เช่าในลักษณะเช่าทรัพย์แห่งบรรพ 3 อันว่าด้วยเอกเทศสัญญา. ข้อความที่ว่าผู้ให้เช่าจะฟ้องผู้เช่าเกี่ยวแก่สัญญาเช่านั้น. ย่อมหมายถึงการปฏิบัติผิดหน้าที่ผู้เช่าโดยทั่วไป. เมื่อมาตรา 166 ซึ่งเป็นบททั่วไปได้บัญญัติถึงเรื่องค่าเช่าค้างส่งไว้ชัดแจ้งโดยเฉพาะ จึงต้องยกมาใช้ปรับแก่คดี. แม้มาตรา 563 จะอยู่ในลักษณะเช่าทรัพย์ ก็หาได้ลบล้างมาตรา 166 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 87/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าคดีโดยอ้างเอกสาร เอกสารหายไม่อาจใช้ชี้ขาดได้ โจทก์มีหน้าที่นำสืบหลักฐาน
คู่ความท้ากันว่า. ถ้าจำเลยนำหนังสือซื้อขายที่ดินหรือสำเนาที่อำเภอรับรองมาจากอำเภอได้. โจทก์ยอมแพ้. ถ้าไม่มีหนังสือดังกล่าวที่พิพาทตกเป็นของโจทก์. เมื่ออำเภอมีหนังสือแจ้งมาว่าค้นไม่พบ. คู่ความท้ากันใหม่ว่าให้ศาลเอาหนังสือตอบนี้ไปประกอบกับคำท้าเดิมแล้ววินิจฉัยว่าที่พิพาทจะเป็นของฝ่ายใด. ศาลวินิจฉัยว่าตามหนังสือตอบของอำเภอฟังไม่ถนัดว่ามีหนังสือซื้อขายที่พิพาทหรือไม่. จึงชี้ขาดให้แพ้ชนะกันตามคำท้าไม่ได้. เมื่อต่างแถลงไม่สืบพยานคดีนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่โจทก์ โจทก์จึงต้องแพ้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 87/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายหลักฐานที่ไม่ชัดเจน และหน้าที่นำสืบพยานของผู้ฟ้อง
คู่ความท้ากันว่า ถ้าจำเลยนำหนังสือซื้อขายที่ดินหรือสำเนาที่อำเภอรับรองมาจากอำเภอได้ โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่มีหนังสือดังกล่าวที่พิพาทตกเป็นของโจทก์ เมื่ออำเภอมีหนังสือแจ้งมาว่าค้นไม่พบ คู่ความท้ากันใหม่ว่าให้ศาลเอาหนังสือตอบนี้ไปประกอบกับคำท้าเดิมแล้ววินิจฉัยว่าที่พิพาทจะเป็นของฝ่ายใด ศาลวินิจฉัยว่าตามหนังสือตอบของอำเภอฟังไม่ถนัดว่ามีหนังสือซื้อขายที่พิพาทหรือไม่ จึงชี้ขาดให้แพ้ชนะกันตามคำท้าไม่ได้ เมื่อต่างแถลงไม่สืบพยานคดีนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่โจทก์ โจทก์จึงต้องแพ้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 87/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชี้ขาดข้อพิพาทตามคำท้า และหน้าที่การนำสืบพยานเมื่อคู่ความไม่สืบ
คู่ความท้ากันว่า ถ้าจำเลยนำหนังสือซื้อขายที่ดินหรือสำเนาที่อำเภอรับรองมาจากอำเภอได้โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่มีหนังสือดังกล่าวที่พิพาทตกเป็นของโจทก์เมื่ออำเภอมีหนังสือแจ้งมาว่าค้นไม่พบคู่ความท้ากันใหม่ว่าให้ศาลเอาหนังสือตอบนี้ไปประกอบกับคำท้าเดิมแล้ววินิจฉัยว่าที่พิพาทจะเป็นของฝ่ายใด ศาลวินิจฉัยว่าตามหนังสือตอบของอำเภอฟังไม่ถนัดว่ามีหนังสือซื้อขายที่พิพาทหรือไม่จึงชี้ขาดให้แพ้ชนะกันตามคำท้าไม่ได้ เมื่อต่างแถลงไม่สืบพยานคดีนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่โจทก์ โจทก์จึงต้องแพ้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเป็นของห้างหุ้นส่วน เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้ แม้โฉนดยังเป็นชื่อหุ้นส่วนรายอื่น
ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งนำที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมาลงทุนเข้าหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยใช้เป็นที่ตั้งโรงสีของห้างหุ้นส่วนแม้จะไม่มีการจดทะเบียนโอนโฉนดที่พิพาทก็เป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้น
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งเจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้นไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งเจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้นไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงทุนด้วยที่ดินเข้าหุ้นส่วนและผลกระทบต่อเจ้าหนี้: การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ของห้างหุ้นส่วนสามัญ
ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งนำที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมาลงทุนเข้าหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยใช้เป็นที่ตั้งโรงสีของห้างหุ้นส่วน. แม้จะไม่มีการจดทะเบียนโอนโฉนดที่พิพาทก็เป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้น. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511).
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้. เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วน.และศาลพิพากษาให้ชำระหนี้. แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง. เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้. หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488).
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น. ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้.แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้.
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้. เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วน.และศาลพิพากษาให้ชำระหนี้. แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง. เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้. หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488).
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น. ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้.แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนลงทุนที่ดินในห้างหุ้นส่วนสามัญ การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ของห้างส่วน
ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งนำที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมาลงทุนเข้าหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยใช้เป็นที่ตั้งโรงสีของห้างหุ้นส่วน แม้จะไม่มีการจดทะเบียนโอนโฉนดที่พิพาทก็เป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้น
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้ แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้ แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2094/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องถอนอายัดที่ดินตามคำพิพากษาศาลฎีกา โดยไม่ตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติม แม้มีบุริมสิทธิ
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการอายัดที่ดินซึ่งศาลได้พิพากษาบังคับให้จำเลยลูกหนี้โอนขายให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขาย แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องถอนการอายัดเพื่อให้คำพิพากษามีผลบังคับตามกฎหมาย การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะตั้งข้อกำหนดเป็นเงื่อนไขในการถอนอายัดโดยให้ต้องจดทะเบียนจำนวนเงินค่าซื้อที่ดินที่ยังค้างชำระอันเป็นบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ ตลอดทั้งห้ามผู้รับโอนนำที่ดินนี้ไปทำนิติกรรมใดๆ มิได้ นอกจากจะนำไปจัดสรรเพื่อนำเงินที่ค้างมาชำระแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาอันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิจะกระทำได้
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276 ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276 ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2094/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนอายัดที่ดินตามคำพิพากษาศาลฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติมได้
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการอายัดที่ดินซึ่งศาลได้พิพากษาบังคับให้จำเลยลูกหนี้โอนขายให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขาย. แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องถอนการอายัดเพื่อให้คำพิพากษามีผลบังคับตามกฎหมาย. การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะตั้งข้อกำหนดเป็นเงื่อนไขในการถอนอายัดโดยให้ต้องจดทะเบียนจำนวนเงินค่าซื้อที่ดินที่ยังค้างชำระอันเป็นบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์. ตลอดทั้งห้ามผู้รับโอนนำที่ดินนี้ไปทำนิติกรรมใดๆ มิได้. นอกจากจะนำไปจัดสรรเพื่อนำเงินที่ค้างมาชำระแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาอันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิจะกระทำได้.
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276. ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น. ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้. ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้.
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276. ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น. ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้. ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2094/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการถอนอายัดที่ดิน: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาโดยไม่มีเงื่อนไข
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการอายัดที่ดินซึ่งศาลได้พิพากษาบังคับให้จำเลยลูกหนี้โอนขายให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขาย แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องถอนการอายัดเพื่อให้คำพิพากษามีผลบังคับตามกฎหมาย การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะตั้งข้อกำหนดเป็นเงื่อนไขในการถอนอายัดโดยให้ต้องจดทะเบียนจำนวนเงินค่าซื้อที่ดินที่ยังค้างชำระอันเป็นบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ ตลอดทั้งห้ามผู้รับโอนนำที่ดินนี้ไปทำนิติกรรมใด ๆ มิได้ นอกจากจะนำไปจัดสรรเพื่อนำเงินที่ค้างมาชำระแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาอันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิจะกระทำได้
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276 ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่ามีสิทธิที่จะขอให้จดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273,276 ซึ่งหากไม่จดทะเบียนก็ไม่มีผลตามมาตรา 288นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคู่สัญญามิได้ระบุให้จดทะเบียนไว้ ศาลก็มิอาจพิพากษาให้ครอบคลุมไปถึงได้