พบผลลัพธ์ทั้งหมด 428 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ตายก่อนเสียชีวิตเป็นหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดได้
คำบอกกล่าวของผู้ตายซึ่งถูกทำร้ายกล่าวถึงตัวคนร้ายที่ยิงตนขณะที่รู้ตัวว่าจะต้องตายนั้น รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226
ผู้ตายถูกยิงล้มเจ็บอยู่กับที่เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจมาถึง ผู้ตายได้เล่าถึงพฤติการณ์ที่ถูกยิงโดยตลอด ระบุชื่อผู้ยิงและเมื่อภริยาผู้ตายมาถึงผู้ตายก็ได้เล่าให้ภริยาฟังอย่างเดียวกันและได้กล่าวด้วยว่า "อยู่ไม่ได้แล้ว ร้อนจริง เลี้ยงลูกให้ดี" ประกอบกับพฤติเหตุแวดล้อมในเรื่องสาเหตุเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักพอแก่การรับฟังลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227
ผู้ตายถูกยิงล้มเจ็บอยู่กับที่เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจมาถึง ผู้ตายได้เล่าถึงพฤติการณ์ที่ถูกยิงโดยตลอด ระบุชื่อผู้ยิงและเมื่อภริยาผู้ตายมาถึงผู้ตายก็ได้เล่าให้ภริยาฟังอย่างเดียวกันและได้กล่าวด้วยว่า "อยู่ไม่ได้แล้ว ร้อนจริง เลี้ยงลูกให้ดี" ประกอบกับพฤติเหตุแวดล้อมในเรื่องสาเหตุเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักพอแก่การรับฟังลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลสาหัส: การพิจารณาความรุนแรงของบาดแผลและระยะเวลาพักฟื้นเพื่อประเมินความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
แม้ตามรายงานชันสูตรบาดแผลประกอบคำเบิกความของแพทย์จะลงความเห็นว่ารักษา 20 วันหาย เมื่อปรากฏบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับมี 5 แห่ง บาดแผลสำคัญคือแผลถูกแทงที่หน้าท้อง กว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตร ลึก 2.5 เซนติเมตร ประกอบกับคำของผู้เสียหายว่ารักษาตัวที่สถานีอนามัยและที่บ้านรวม 24 วันแผลจึงหาย ทั้งยังต้องพักรักษาตัวอยู่อีก 2 เดือน จึงทำงานได้ตามปกติ เช่นนี้ นับได้ว่าผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน เป็นอันตรายสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อันตรายสาหัสจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาบาดแผล, ระยะเวลาพักรักษาตัว, และผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ
แม้ตามรายงานชันสูตรบาดแผลประกอบคำเบิกความของแพทย์จะลงความเห็นว่ารักษา 20 วันหาย เมื่อปรากฏบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับมี 5 แห่ง บาดแผลสำคัญคือแผลถูกแทงที่หน้าท้องกว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตร ลึก 2.5 เซนติเมตร ประกอบกับคำของผู้เสียหายว่ารักษาตัวที่สถานีอนามัยและที่บ้านรวม 24 วันแผลจึงหาย ทั้งยังต้องพักรักษาตัวอยู่อีก 2 เดือน จึงทำงานได้ตามปกติ เช่นนี้ นับได้ว่าผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน เป็นอันตรายสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน แต่การตอบโต้ด้วยอาวุธอันตรายถึงแก่ชีวิตถือเป็นเจตนาฆ่า
ผู้ตายซึ่งมีอาการเมาสุรายืนพูดต่อว่าอยู่กับผู้อื่น จำเลยซึ่งเมาสุราเหมือนกันเข้าไปถามผู้ตายตอบว่า ไม่ใช่เรื่องของมึงพร้อมกับชักมีดดาบปลายปืนตัวมีดยาว 15 นิ้ว ออกมาแทงจำเลยก่อน แล้วผู้ตายกับจำเลยแย่งมีดกัน จำเลยแย่งมีดได้จึงแทงผู้ตายมีบาดแผล 3 แห่งที่หน้าอกด้านขวา ที่หน้าท้องใต้สะดือถึงไส้ไหลออกมากองหน้าท้องและที่ตะโพกซ้าย ดังนี้ การที่จำเลยแย่งมีดได้แล้วแทงผู้ตายไปเป็นการกระทำในเวลากระชั้นชิดติดพันมาจากการกระทำเพื่อป้องกันตนแต่การที่จำเลยซึ่งหนุ่มกว่าและรูปร่างใหญ่กว่าผู้ตาย ใช้มีดซึ่งตัวมีดยาวถึง 15 นิ้วแทงผู้ตายที่อวัยวะสำคัญ โดยที่ผู้ตายไม่มีอาวุธอะไรเลยย่อมเป็นการฆ่าคนโดยเจตนาด้วยการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุและการฆ่าโดยเจตนาเมื่อมีการแย่งอาวุธ
ผู้ตายซึ่งมีอาการเมาสุรายืนพูดต่อว่าอยู่กับผู้อื่น จำเลยซึ่งเมาสุราเหมือนกันเข้าไปถาม ผู้ตายตอบว่า ไม่ใช่เรื่องของมึงพร้อมกับชักมีดดาบปลายปืนตัวมีดยาว 15 นิ้ว ออกมาแทงจำเลยก่อน แล้วผู้ตายกับจำเลยแย่งมีดกัน จำเลยแย่งมีดได้จึงแทงผู้ตายมีบาดแผล 3 แห่งที่หน้าอกด้านขวา ที่หน้าท้องใต้สะดือถึงไส้ไหลออกมากองหน้าท้องและที่ตะโพกซ้าย ดังนี้ การที่จำเลยแย่งมีดได้แล้วแทงผู้ตายไปเป็นการกระทำในเวลากระชั้นชิดติดพันมาจากการกระทำเพื่อป้องกันตนแต่การที่จำเลยซึ่งหนุ่มกว่าและรูปร่างใหญ่กว่าผู้ตาย ใช้มีดซึ่งตัวมีดยาวถึง 15 นิ้วแทงผู้ตายที่อวัยวะสำคัญ โดยที่ผู้ตายไม่มีอาวุธอะไรเลยย่อมเป็นการฆ่าคนโดยเจตนาด้วยการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมัครใจวิวาท ยิงต่อสู้: เหตุป้องกันตัวฟังไม่ได้
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย แต่มูลเหตุเนื่องมาจากวัวของผู้ตายเข้าไปกินข้าวในนาจำเลย จึงเกิดการวิวาทต่อว่าและด่ากันระหว่างจำเลยกับภรรยาผู้ตายซึ่งลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธและพลกำลังทำร้ายซึ่งกัน ในขณะนั้นผู้ตายเข้ามาช่วยภรรยาต่อสู้กับจำเลย แล้วทั้งจำเลยและผู้ตายต่างชักปืนออกมา แต่จำเลยยิงผู้ตายเสียก่อนดังนี้ เมื่อเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน จำเลยจะอ้างเหตุป้องกันตัวมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิวาทและการอ้างเหตุป้องกันตัว: กรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นฝ่ายเริ่มวิวาท ย่อมไม่อ้างเหตุป้องกันตัวได้
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย แต่มูลเหตุเนื่องมาจากวัวของผู้ตายเข้าไปกินข้าวในนาจำเลย จึงเกิดการวิวาทต่อว่าและด่ากันระหว่างจำเลยกับภรรยาผู้ตายซึ่งลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธและพลกำลังทำร้ายซึ่งกัน ในขณะนั้นผู้ตายเข้ามาช่วยภรรยาต่อสู้กับจำเลยแล้วทั้งจำเลยและผู้ตายต่างชักปืนออกมา แต่จำเลยยิงผู้ตายเสียก่อน ดังนี้ เมื่อเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน จำเลยจะอ้างเหตุป้องกันตัวมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้ครอบครองทรัพย์สิน: แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ก็มีสิทธิฟ้องได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์โดยบรรยายฟ้องว่า ทรัพย์ที่ฟ้องทั้งหมดอยู่ในความครอบครองดูแลรับผิดชอบของโจทก์แม้โจทก์จะรับว่าทรัพย์ที่ฟ้องเป็นทรัพย์มรดกของพี่ชายโจทก์ซึ่งมีบุตรและบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ โจทก์เข้าครอบครองดูแลรักษาทรัพย์ดังกล่าวไว้โดยอาศัยสิทธิที่โจทก์เป็นน้องชายเจ้ามรดกก็ตาม โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายในฐานะเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาทรัพย์เหล่านั้น และมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีบุกรุก-ลักทรัพย์: ผู้ครอบครองดูแลทรัพย์มรดกมีสิทธิฟ้องได้ แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์โดยบรรยายฟ้องว่า ทรัพย์ที่ฟ้องทั้งหมดอยู่ในความครอบครองดูแลรับผิดชอบของโจทก์แม้โจทก์จะรับว่าทรัพย์ที่ฟ้องเป็นทรัพย์มรดกของพี่ชายโจทก์ซึ่งมีบุตรและบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ โจทก์เข้าครอบครองดูแลรักษาทรัพย์ดังกล่าวไว้โดยอาศัยสิทธิที่โจทก์เป็นน้องชายเจ้ามรดกก็ตาม โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายในฐานะเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาทรัพย์เหล่านั้น และมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1169/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สลักหลังเช็คต้องรับผิดในฐานะผู้รับอาวัล แม้ไม่ทำตามแบบอาวัลทั่วไป ศาลแก้ไขดอกเบี้ยได้
ผู้ที่ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือต้องผูกพันในฐานะเป็นผู้รับอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 989 โดยไม่จำต้องปฏิบัติตามมาตรา 939 อันเป็นแบบอาวัลทั่วไป
หนี้ตามเช็คเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลัง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดด้วย เมื่อจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวฎีกาขึ้นมา และศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างคำนวณดอกเบี้ยผิดโดยให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยเกินไป ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้เรื่องดอกเบี้ยให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วยได้
หนี้ตามเช็คเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลัง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดด้วย เมื่อจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวฎีกาขึ้นมา และศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างคำนวณดอกเบี้ยผิดโดยให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยเกินไป ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้เรื่องดอกเบี้ยให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วยได้