คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุธี โรจนธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 428 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองประกันหนี้: สิทธิบังคับคดีจากทรัพย์จำนองเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระ
การบังคับคดีต้องอาศัยคำพิพากษาเป็นหลัก เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ค้ำประกันหนี้ด้วยทรัพย์ที่จำนองไว้กับโจทก์ และโจทก์ก็ได้ฟ้องบังคับจำนองกับจำเลยที่ 2 ด้วย ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินแก่โจทก์ ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ก็ให้จำเลยที่ 2ไถ่จำนองเต็มจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระ และหากบังคับจำนองขายทรัพย์ที่จำนองได้ไม่พอชำระหนี้ก็ให้โจทก์ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยที่ 1 ขายใช้หนี้ได้จนครบ ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ผู้จำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 จึงต้องไถ่จำนองเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อปัดป้องมิให้ตนต้องถูกบังคับจำนอง และเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้หรือไม่ไถ่จำนองก็ต้องถูกบังคับจำนองขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองตามคำพิพากษา โจทก์จึงมีสิทธิยึดทรัพย์ที่จำนองเพื่อขายทอดตลาดได้ จำเลยที่ 2 จะอ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 688, 689, 690 ว่าด้วยค้ำประกันมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตนหาได้ไม่ มิฉะนั้นแล้วบทบัญญัติในลักษณะจำนองดังกล่าวแล้วก็จะไร้ผลและผิดหลักการจำนองเป็นประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสิทธิซื้อขายที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงตัวแทนขายและผลกระทบต่อการบังคับตามสัญญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงจะขายที่ดินให้โจทก์โดยผู้มีชื่อเป็นตัวแทนจำเลย. แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าผู้มีชื่อนั้นไม่ใช่ตัวแทนจำเลย. หากแต่เป็นผู้รับซื้อที่ดินจากจำเลยแล้วมาโอนให้โจทก์. ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจึงต่างกับข้อหาตามฟ้อง. ทั้งเมื่อจำเลยไม่ได้ตกลงขายที่ดินให้โจทก์. โจทก์กับจำเลยย่อมไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน. โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ได้.
ผู้ซื้อกับผู้ขายทำสัญญากันไว้ว่าจะชำระราคาและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน. เมื่อโฉนดพ้นจากการอายัด สิทธิเรียกร้องในการบังคับตามสัญญาซื้อขายย่อมเริ่มนับแต่เมื่อมีการเพิกถอนการอายัดเป็นต้นไป. หากนับถึงวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนดสิบปี. คดีย่อมไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง.
จำเลยตกลงจะขายที่ดินของจำเลยตามตราจองซึ่งแบ่งแยกจากตราจองฉบับเดิมซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมหลายเจ้าของ. เมื่อตราจองของจำเลยถูกเพิกถอนกลับคืนเป็นตราจองฉบับเดิม.ก็ถือได้ว่าจำเลยตกลงขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยตามตราจองฉบับเดิมนั้น. ซึ่งจำเลยมีสิทธิขายได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมทุกคน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติสัมพันธ์ซื้อขายที่ดิน: ตัวแทนจำเลย vs. ผู้รับซื้อจริง, ขอบเขตการขายที่ดินรวม และอายุความ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงจะขายที่ดินให้โจทก์โดยผู้มีชื่อเป็นตัวแทนจำเลย แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าผู้มีชื่อนั้นไม่ใช่ตัวแทนจำเลย หากแต่เป็นผู้รับซื้อที่ดินจากจำเลยแล้วมาโอนให้โจทก์ ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจึงต่างกับข้อหาตามฟ้อง ทั้งเมื่อจำเลยไม่ได้ตกลงขายที่ดินให้โจทก์ โจทก์กับจำเลยย่อมไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ได้
ผู้ซื้อกับผู้ขายทำสัญญากันไว้ว่าจะชำระราคาและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน เมื่อโฉนดพ้นจากการอายัด สิทธิเรียกร้องในการบังคับตามสัญญาซื้อขายย่อมเริ่มนับแต่เมื่อมีการเพิกถอนการอายัดเป็นต้นไป หากนับถึงวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนดสิบปี คดีย่อมไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
จำเลยตกลงจะขายที่ดินของจำเลยตามตราจองซึ่งแบ่งแยกจากตราจองฉบับเดิมซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมหลายเจ้าของ เมื่อตราจองของจำเลยถูกเพิกถอนกลับคืนเป็นตราจองฉบับเดิม ก็ถือได้ว่าจำเลยตกลงขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยตามตราจองฉบับเดิมนั้น ซึ่งจำเลยมีสิทธิขายได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมทุกคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยตัวแทนที่ไม่ได้รับมอบอำนาจ และขอบเขตการบังคับตามสัญญาเมื่อมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์รวม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงจะขายที่ดินให้โจทก์โดยผู้มีชื่อเป็นตัวแทนจำเลย แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าผู้มีชื่อนั้นไม่ใช่ตัวแทนจำเลย หากแต่เป็นผู้รับซื้อที่ดินจากจำเลยแล้วมาโอนให้โจทก์ ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจึงต่างกับข้อหาตามฟ้อง ทั้งเมื่อจำเลยไม่ได้ตกลงขายที่ดินให้โจทก์ โจทก์กับจำเลยย่อมไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ได้
ผู้ซื้อกับผู้ขายทำสัญญากันไว้ว่าจะชำระราคาและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน เมื่อโฉนดพ้นจากการอายัด สิทธิเรียกร้องในการบังคับตามสัญญาซื้อขายย่อมเริ่มนับแต่เมื่อมีการเพิกถอนการอายัดเป็นต้นไป หากนับถึงวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนดสิบปี คดีย่อมไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
จำเลยตกลงจะขายที่ดินของจำเลยตามตราจองซึ่งแบ่งแยกจากตราจองฉบับเดิมซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมหลายเจ้าของ เมื่อตราจองของจำเลยถูกเพิกถอนกลับคืนเป็นตราจองฉบับเดิมก็ถือได้ว่าจำเลยตกลงขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยตามตราจองฉบับเดิมนั้น ซึ่งจำเลยมีสิทธิขายได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมทุกคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์จากการยึดที่ดิน: ผู้ซื้อต้องพิสูจน์การครอบครองและกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง แม้จะซื้อมาจากภริยา
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่า ที่ดินมือเปล่าซึ่งโจทก์นำยึดเป็นของตน ซื้อจากจำเลยกับภริยา และครอบครองมาเกิน 1 ปี โดยให้ผู้อื่นเช่าทำนาตลอดมา โจทก์ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำนองสหกรณ์ไว้ยังมิได้ไถ่ถอน จำเลยกับภริยาไม่ได้ขาย และมิได้มอบการครอบครองให้แก่ผู้ร้อง สัญญาซื้อขายทำโดยไม่สุจริตเพื่อฉ้อโกงโจทก์ เมื่อขณะโจทก์นำยึด มีผู้อื่นเช่าทำนาอยู่ โจทก์ปฏิเสธการครอบครองของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องแม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์จากการยึดที่ดิน: ผู้ซื้อต้องพิสูจน์การครอบครองและกรรมสิทธิ์ หากถูกปฏิเสธโดยเจ้าหนี้
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่า ที่ดินมือเปล่าซึ่งโจทก์นำยึดเป็นของตน ซื้อจากจำเลยกับภริยา และครอบครองมาเกิน 1 ปี โดยให้ผู้อื่นเช่าทำนาตลอดมา โจทก์ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำนองสหกรณ์ไว้ยังมิได้ไถ่ถอน จำเลยกับภริยาไม่ได้ขาย และมิได้มอบการครอบครองให้แก่ผู้ร้อง สัญญาซื้อขายทำโดยไม่สุจริตเพื่อฉ้อโกงโจทก์ เมื่อขณะโจทก์นำยึด มีผู้อื่นเช่าทำนาอยู่ โจทก์ปฏิเสธการครอบครองของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง แม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการพิสูจน์การครอบครองที่ดิน ผู้ร้องต้องนำสืบก่อนเมื่อถูกโต้แย้ง
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่า ที่ดินมือเปล่าซึ่งโจทก์นำยึดเป็นของตน ซื้อจากจำเลยกับภริยา และครอบครองมาเกิน 1 ปี โดยให้ผู้อื่นเช่าทำนาตลอดมา. โจทก์ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำนองสหกรณ์ไว้ยังมิได้ไถ่ถอน. จำเลยกับภริยาไม่ได้ขาย. และมิได้มอบการครอบครองให้แก่ผู้ร้อง. สัญญาซื้อขายทำโดยไม่สุจริตเพื่อฉ้อโกงโจทก์. เมื่อขณะโจทก์นำยึด มีผู้อื่นเช่าทำนาอยู่. โจทก์ปฏิเสธการครอบครองของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน.
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง.แม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย. ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารถอนเงินออมสินไม่ใช่หลักฐานการกู้ยืม แม้จะมีการมอบฉันทะ
แบบพิมพ์ถอนเงินออมสินซึ่งมีโจทก์ลงนามในฐานะเป็นเจ้าของบัญชีฝากเงินและลงนามเป็นผู้มอบฉันทะให้รับเงินแทนกับมีจำเลยลงนามเป็นผู้รับมอบฉันทะและลงนามเป็นผู้รับเงินนั้น มิได้มีเค้ามูลแสดงว่าเป็นการกู้ยืมแต่ประการใด ฉะนั้น จึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม จะนำพยานบุคคลสืบว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารถอนเงินออมสินไม่ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืม แม้ไม่มีข้อความชัดเจน การนำสืบพยานบุคคลมาอธิบายหาได้ไม่
แบบพิมพ์ถอนเงินออมสินซึ่งมีโจทก์ลงนามในฐานะเป็นเจ้าของบัญชีฝากเงินและลงนามเป็นผู้มอบฉันทะให้รับเงินแทน กับมีจำเลยลงนามเป็นผู้รับมอบฉันทะและลงนามเป็นผู้รับเงินนั้น มิได้มีเค้ามูลแสดงว่าเป็นการกู้ยืมแต่ประการใด ฉะนั้น จึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม จะนำพยานบุคคลสืบว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แบบพิมพ์ถอนเงินออมสินไม่ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืม แม้จะมีการมอบฉันทะให้รับเงินแทน
แบบพิมพ์ถอนเงินออมสินซึ่งมีโจทก์ลงนามในฐานะเป็นเจ้าของบัญชีฝากเงินและลงนามเป็นผู้มอบฉันทะให้รับเงินแทน.กับมีจำเลยลงนามเป็นผู้รับมอบฉันทะและลงนามเป็นผู้รับเงินนั้น. มิได้มีเค้ามูลแสดงว่าเป็นการกู้ยืมแต่ประการใด. ฉะนั้น จึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม จะนำพยานบุคคลสืบว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมหาได้ไม่.(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2511).
of 43