คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุธี โรจนธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 428 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างว่าความ: การกำหนดค่าจ้างและหักค่าใช้จ่าย ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ. ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้. ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้. สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ. จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างว่าความ: ค่าจ้างที่แน่นอนและการหักค่าใช้จ่ายไม่ขัดต่อกฎหมายทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้ ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้ สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างว่าความ: การกำหนดค่าจ้างและการหักค่าใช้จ่าย ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้ ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้ สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมฟ้องอุทธรณ์คดีอาญาที่มีคำขอเรียกค่าเสียหาย: เมื่ออัยการไม่อุทธรณ์ โจทก์ร่วมต้องเสียค่าธรรมเนียม
เดิมพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอาญา จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 253 แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์คำฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์จึงเป็นอันยุติเพียงศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมอุทธรณ์โดยลำพังโดยมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอุทธรณ์ โจทก์ร่วมจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 254

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมฟ้องอุทธรณ์ในคดีอาญาเมื่ออัยการไม่อุทธรณ์ โจทก์ร่วมต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่ง
เดิมพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอาญา จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 253แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์คำฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์จึงเป็นอันยุติเพียงศาลชั้นต้นโจทก์ร่วมอุทธรณ์โดยลำพังโดยมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอุทธรณ์ โจทก์ร่วมจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 254

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมในคดีอาญาที่อัยการไม่ร่วมอุทธรณ์
เดิมพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอาญา. จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 253.แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์คำฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์จึงเป็นอันยุติเพียงศาลชั้นต้น. โจทก์ร่วมอุทธรณ์โดยลำพังโดยมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอุทธรณ์. โจทก์ร่วมจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 254.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและการต่อสู้คดีบิดเบือนความจริง ศาลไม่ลดโทษ
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา. จำเลยต่อสู้ว่าทำไปโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เพราะผู้ตายจะยิงจำเลยก่อน. เป็นเหตุให้โจทก์ต้องสืบพยานถึง 9 ปาก. ทั้งจำเลยพยายามนำสืบบิดเบือนความจริงให้ยุ่งยากแก่การพิจารณามิใช่น้อย. จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าเพื่อป้องกันตัวที่ศาลไม่เห็นสมควรลดโทษเนื่องจากจำเลยบิดเบือนความจริง
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยต่อสู้ว่าทำไปโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เพราะผู้ตายจะยิงจำเลยก่อน เป็นเหตุให้โจทก์ต้องสืบพยานถึง 9 ปาก ทั้งจำเลยพยายามนำสืบบิดเบือนความจริงให้ยุ่งยากแก่การพิจารณามิใช่น้อย จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีด้วยความไม่จริงใจในการอ้างป้องกันตัว ทำให้ไม่สมควรลดโทษคดีฆ่า
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยต่อสู้ว่าทำไปโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เพราะผู้ตายจะยิงจำเลยก่อน เป็นเหตุให้โจทก์ต้องสืบพยานถึง 9 ปาก ทั้งจำเลยพยายามนำสืบบิดเบือนความจริงให้ยุ่งยากแก่การพิจารณามิใช่น้อย จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการเด็กกระทำผิดอาญาอายุไม่เกิน 14 ปี: พิจารณาสาเหตุและสภาพแวดล้อมรอบด้าน
ในกรณีที่เด็กอายุเกิน 7 ปี แต่ไม่เกิน 14 ปี กระทำผิดอาญานั้น กฎหมายไม่เอาโทษอาญาอยู่แล้ว และให้อำนาจศาลจัดการแก่เด็กตามสมควรแก่กรณีเป็นขั้นๆ ไปถึง 5 ข้อ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 ซึ่งเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเด็ก หรือผู้ปกครองเด็ก หรือบุคคลที่เด็กอาศัยอยู่ ศาลจึงควรสอบถามเด็กและเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบถามพร้อมโจทก์ เพื่อจะได้ใช้ดุลพินิจจัดการแก่เด็กให้เหมาะสม จะพิจารณาแต่เฉพาะสภาพความผิดที่เด็กกระทำอย่างเดียวไม่ควร ไม่ว่าเด็กจะกระทำผิดร้ายแรงเพียงไรก็ชอบที่จะได้พิจารณาถึงสาเหตุแห่งการกระทำผิด สภาพความเป็นอยู่ของเด็กและครอบครัวของเด็กรวมทั้งสิ่งแวดล้อมทั้งปวง การส่งตัวเด็กไปยังสถานฝึกและอบรมเด็กตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5) นั้น ควรกระทำต่อเมื่อจำเป็นต้องกระทำ หรือไม่มีวิธีอื่นใดที่จะกระทำได้ตามอนุมาตรา 1 ถึง 4 แล้ว
of 43