พบผลลัพธ์ทั้งหมด 428 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 327/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้นส่วนตัว
                        
                        จำเลยโกรธผู้ตายซึ่งเป็นแม่ยายของจำเลย  เพราะเคยหาว่าจำเลยลักเงิน  และเคยให้จำเลยกับภริยาแยกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น  คืนเกิดเหตุตอนหัวค่ำ  จำเลยเอามีดไปซ่อนไว้ครั้นตอนดึกจำเลยกลับมาได้ใช้มีดที่ซ่อนไว้ไปฟันผู้ตายขณะนอนหลับ  ทั้งจำเลยเคยให้การในชั้นสอบสวนว่าจำเลยได้หาโอกาสจะฆ่าผู้ตายมาก่อน  และจำเลยจ้างผู้มีชื่อฆ่าผู้ตายด้วยเช่นนี้  เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 327/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์โกรธเคือง, เตรียมอาวุธ, และวางแผน
                        
                        จำเลยโกรธผู้ตายซึ่งเป็นแม่ยายของจำเลยเพราะเคยหาว่าจำเลยลักเงิน และเคยให้จำเลยกับภริยาแยกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นคืนเกิดเหตุตอนหัวค่ำ จำเลยเอามีดไปซ่อนไว้ครั้นตอนดึกจำเลยกลับมาได้ใช้มีดที่ซ่อนไว้ไปฟันผู้ตายขณะนอนหลับทั้งจำเลยเคยให้การในชั้นสอบสวนว่าจำเลยได้หาโอกาสจะฆ่าผู้ตายมาก่อน และจำเลยเคยจ้างผู้มีชื่อฆ่าผู้ตายด้วย เช่นนี้ เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2511
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เอกสิทธิทางทหารและการพิจารณาคดี: การตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและข้อตกลงระหว่างประเทศ
                        
                        โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ละเมิดขับรถยนต์โดยประมาท ชนรถโจทก์ได้รับความเสียหาย. จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การ.ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ. ต่อมามีหนังสือมาถึงผู้พิพากษาที่พิจารณาคดี เป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีคำแปล. อ้างว่าเป็นหนังสือของกงสุลมีใจความว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองโดยเอกสิทธิตามข้อตกลงทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐ ไม่ต้องขึ้นศาลไทย. ศาลชั้นต้นเชื่อหนังสือฉบับนี้ ให้จำหน่ายคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อหนังสือดังกล่าวมาสู่ศาลลอยๆ ไม่มีผู้ใดรับรองว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกันอันแท้จริง และจำเลยจะได้รับความคุ้มครองตามข้อตกลงทางทหารหรือไม่.ข้อตกลงระหว่างประเทศเป็นอย่างใดไม่ปรากฏ ที่ศาลล่างเชื่อว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกัน และเชื่อข้อเท็จจริงตามหนังสือนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วย. จึงให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้ง 2 ศาล. ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อนว่า. จำเลยได้รับเอกสิทธิไม่ต้องขึ้นศาลไทยจริงหรือไม่. แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เอกสิทธิทางทูตและการคุ้มครองทางกฎหมาย: การตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและการรับรองเอกสิทธิ
                        
                        โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ละเมิดขับรถยนต์โดยประมาท  ชนรถโจทก์ได้รับความเสียหาย  จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การ  ศาลชั้นต้นสั่งว่า  จำเลยขาดนัดยื่นคำให้  ต่อมามีหนังสือมาถึงผู้พิพากษาที่พิจารณาคดี  เป็นภาษาอังกฤษ  ไม่มีคำแปล  อ้างว่าเป็นหนังสือของกงสุลมีใจความว่า  จำเลยได้รับความคุ้มครองโดยเอกสิทธิตามข้อตกลงทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐ  ไม่ต้องขึ้นศาลไทย  ศาลชั้นต้นเชื่อหนังสือฉบับนี้  ให้จำหน่ายคดี  ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน  ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อหนังสือดังกล่าวมาสู่ศาลลอย ๆ ไม่มีผู้ใดรับรองว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกันอันแท้จริง  และจำเลยจะได้รับความคุ้มครองตามข้อตกลงทางทหารหรือไม่  ข้อตกลงระหว่างประเทศเป็นอย่างใดไม่ปรากฏ  ที่ศาลล่างเชื่อว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกัน  และเชื่อข้อเท็จจริงตามหนังสือนั้น    ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย  จึงให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้ง 2 ศาล  ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อนว่า  จำเลยได้รับเอกสิทธิไม่ต้องขึ้นศาลไทยจริงหรือไม่  แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เอกสิทธิทางการทูตและการคุ้มครองทางกฎหมาย: การตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและข้อตกลงระหว่างประเทศ
                        
                        โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ละเมิดขับรถยนต์โดยประมาท ชนรถโจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ต่อมามีหนังสือมาถึงผู้พิพากษาที่พิจารณาคดี เป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีคำแปล อ้างว่าเป็นหนังสือของกงสุลมีใจความว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองโดยเอกสิทธิตามข้อตกลงทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐ ไม่ต้องขึ้นศาลไทย ศาลชั้นต้นเชื่อหนังสือฉบับนี้ ให้จำหน่ายคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อหนังสือดังกล่าวมาสู่ศาลลอยๆ ไม่มีผู้ใดรับรองว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกันอันแท้จริงและจำเลยจะได้รับความคุ้มครองตามข้อตกลงทางทหารหรือไม่ข้อตกลงระหว่างประเทศเป็นอย่างใดไม่ปรากฏ ที่ศาลล่างเชื่อว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกัน และเชื่อข้อเท็จจริงตามหนังสือนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วยจึงให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้ง 2 ศาล ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อนว่า จำเลยได้รับเอกสิทธิไม่ต้องขึ้นศาลไทยจริงหรือไม่ แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การอนุญาตให้จำเลยออกจากที่ควบคุมเพื่อทำธุระส่วนตัว ไม่ถือเป็นการหลบหนี
                        
                        จำเลยซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่  ได้รับอนุญาตให้ไปถ่ายอุจจาระที่ป่าไผ่นอกหมู่บ้านตามลำพังโดยไม่มีการควบคุม  ถึงแม้จำเลยจะหนีไปในระหว่างเวลานั้น  จะถือว่าจำเลยหลบหนีการควบคุมไม่ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การอนุญาตให้จำเลยไปถ่ายอุจจาระโดยไม่มีการควบคุม ไม่ถือเป็นการหลบหนี
                        
                        จำเลยซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ ได้รับอนุญาตให้ไปถ่ายอุจจาระที่ป่าไผ่นอกหมู่บ้านตามลำพังโดยไม่มีการควบคุม ถึงแม้จำเลยจะหนีไปในระหว่างเวลานั้น จะถือว่าจำเลยหลบหนีการควบคุมไม่ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2511
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การอนุญาตให้จำเลยออกจากที่ควบคุมเพื่อทำธุระส่วนตัว ไม่ถือเป็นการหลบหนี
                        
                        จำเลยซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ ได้รับอนุญาตให้ไปถ่ายอุจจาระที่ป่าไผ่นอกหมู่บ้านตามลำพังโดยไม่มีการควบคุม. ถึงแม้จำเลยจะหนีไปในระหว่างเวลานั้น. จะถือว่าจำเลยหลบหนีการควบคุมไม่ได้.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การคำนวณบำเหน็จบำนาญข้าราชการ: เวลาราชการต้องเป็นช่วงที่รับเงินเดือนจากงบประมาณปกติ ไม่นับช่วงข้าราชการวิสามัญ
                        
                        การนับเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญต้องนับแต่วันรับราชการรับเงินเดือนจากเงินงบประมาณประเภทเงินเดือน ซึ่งมิใช่อัตราข้าราชการวิสามัญหรือลูกจ้างตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 23
ระหว่างวันที่ 24 เมษายน 2477 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2479 โจทก์เป็นข้าราชการวิสามัญต่อมาโจทก์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการสามัญเมื่อ พ.ศ.2480 โดยเจ้ากระทรวงเห็นสมควรบรรจุในชั้นนั้นเข้าอันดับเงินเดือนเท่าที่ได้รับอยู่ โดยได้รับอนุมัติของ ก.พ.แล้ว ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2479 มาตรา 74 จึงเห็นได้ว่าการยกฐานะหรือเปลี่ยนฐานะของโจทก์เป็นไปโดยคำสั่งของเจ้ากระทรวงซึ่งเห็นสมควรบรรจุหาใช่เป็นไปโดยกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะไม่จึงไม่ชอบที่จะนับระยะเวลาระหว่างที่เป็นข้าราชการวิสามัญดังกล่าวเป็นเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 23 วรรคสอง
                                    ระหว่างวันที่ 24 เมษายน 2477 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2479 โจทก์เป็นข้าราชการวิสามัญต่อมาโจทก์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการสามัญเมื่อ พ.ศ.2480 โดยเจ้ากระทรวงเห็นสมควรบรรจุในชั้นนั้นเข้าอันดับเงินเดือนเท่าที่ได้รับอยู่ โดยได้รับอนุมัติของ ก.พ.แล้ว ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2479 มาตรา 74 จึงเห็นได้ว่าการยกฐานะหรือเปลี่ยนฐานะของโจทก์เป็นไปโดยคำสั่งของเจ้ากระทรวงซึ่งเห็นสมควรบรรจุหาใช่เป็นไปโดยกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะไม่จึงไม่ชอบที่จะนับระยะเวลาระหว่างที่เป็นข้าราชการวิสามัญดังกล่าวเป็นเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 23 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2511
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การคำนวณบำเหน็จบำนาญสำหรับข้าราชการที่เปลี่ยนสถานะจากวิสามัญเป็นสามัญ ต้องพิจารณาช่วงเวลารับเงินเดือนจากงบประมาณประเภทเงินเดือน
                        
                        การนับเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญต้องนับแต่วันรับราชการรับเงินเดือนจากเงินงบประมาณประเภทเงินเดือน. ซึ่งมิใช่อัตราข้าราชการวิสามัญหรือลูกจ้างตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 23.
ระหว่างวันที่ 24 เมษายน 2477 ถึงวันที่ 31 มีนาคม2479 โจทก์เป็นข้าราชการวิสามัญ. ต่อมาโจทก์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการสามัญเมื่อ พ.ศ.2480 โดยเจ้ากระทรวงเห็นสมควรบรรจุในชั้นนั้นเข้าอันดับเงินเดือนเท่าที่ได้รับอยู่. โดยได้รับอนุมัติของ ก.พ.แล้ว ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2479 มาตรา 74. จึงเห็นได้ว่าการยกฐานะหรือเปลี่ยนฐานะของโจทก์เป็นไปโดยคำสั่งของเจ้ากระทรวงซึ่งเห็นสมควรบรรจุ. หาใช่เป็นไปโดยกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะไม่. จึงไม่ชอบที่จะนับระยะเวลาระหว่างที่เป็นข้าราชการวิสามัญดังกล่าวเป็นเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 23 วรรคสอง.
                                    ระหว่างวันที่ 24 เมษายน 2477 ถึงวันที่ 31 มีนาคม2479 โจทก์เป็นข้าราชการวิสามัญ. ต่อมาโจทก์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการสามัญเมื่อ พ.ศ.2480 โดยเจ้ากระทรวงเห็นสมควรบรรจุในชั้นนั้นเข้าอันดับเงินเดือนเท่าที่ได้รับอยู่. โดยได้รับอนุมัติของ ก.พ.แล้ว ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2479 มาตรา 74. จึงเห็นได้ว่าการยกฐานะหรือเปลี่ยนฐานะของโจทก์เป็นไปโดยคำสั่งของเจ้ากระทรวงซึ่งเห็นสมควรบรรจุ. หาใช่เป็นไปโดยกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะไม่. จึงไม่ชอบที่จะนับระยะเวลาระหว่างที่เป็นข้าราชการวิสามัญดังกล่าวเป็นเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 23 วรรคสอง.