พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีจากกองมรดก: โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่ยึดเป็นมรดกของผู้ตายจริง
ศาลพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้รับมรดกของ ป. ชำระค่าจ้างว่าความจากกองมรดกของ ป. ให้โจทก์ โจทก์นำยึดตึกซึ่งเป็นของจำเลยกับภริยาโดยอ้างว่าจำเลยได้รับมรดกของ ป. ไป คือ ที่ดินโฉนดที่ 5813 ซึ่งมีราคามากกว่า หนี้ตามคำพิพากษา จำเลยจึงต้องรับผิดใช้หนี้แก่โจทก์ และโจทก์รับว่าที่ดินโฉนดนี้มีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ แม้จำเลยกับภริยาจะแถลงรับว่าจำเลยกับ ป. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมยกที่ดินนี้ให้ ภ. แล้วจำเลยได้ขายไปเสีย แต่จำเลยก็ได้โต้แย้งว่าเป็นที่ดินของจำเลยเองที่ยินดีสละให้แก่ ภ. ไม่ใช่ทรัพย์ของ ป. และไม่ใช่มรดกของ ป. ในขณะที่ ป. ตาย ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานก็ไม่มีทางจะฟังได้ดังโจทก์อ้างว่าที่ดินนี้เป็นมรดกของ ป. ศาลย่อมพิพากษาให้ถอนการยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีจากมรดก: จำเลยต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดไม่ใช่ส่วนหนึ่งของมรดก
ศาลพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้รับมรดกของ ป. ชำระค่าจ้างว่าความจากกองมรดกของ ป. ให้โจทก์ โจทก์นำยึดตึกซึ่งเป็นของจำเลยกับภริยา โดยอ้างว่าจำเลยได้รับมรดกของ ป. ไป คือ ที่ดินโฉนดที่ 5813 ซึ่งมีราคามากกว่าหนี้ตามคำพิพากษา จำเลยจึงต้องรับผิดใช้หนี้แก่โจทก์ และโจทก์รับว่าที่ดินโฉนดนี้มีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ แม้จำเลยกับภริยาจะแถลงรับว่าจำเลยกับ ป. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมยกที่ดินนี้ให้ ภ. แล้วจำเลยได้ขายไปเสีย แต่จำเลยก็ได้โต้แย้งว่าเป็นที่ดินของจำเลยที่ยินดีสละให้แก่ ภ. ไม่ใช่ทรัพย์ของ ป. และไม่ใช่มรดกของ ป. ในขณะที่ ป. ตาย ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน ก็ไม่มีทางจะฟังได้ดังโจทก์อ้างว่าที่ดินนี้เป็นของ ป. ศาลย่อมพิพากษาให้ถอนการยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อประกันการกู้ยืม ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค หากไม่มีเจตนาออกเช็คเพื่อให้ใช้ไม่ได้
จำเลยขอยืมเงินโจทก์ร่วมบอกว่าจะเอาไปทำการค้า แสดงอยู่ในตัวว่าไม่มีเงินจึงต้องยืม ดังนั้น การที่จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินแก่โจทก์ร่วมในวันนั้นเอง ย่อมเป็นที่เข้าใจกันระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยว่าไม่ใช่เป็นเรื่องออกเช็คให้นำไปขึ้นเงินชำระหนี้ในวันนั้น จึงมีผลเท่ากับออกเช็คไว้เป็นหลักประกันการกู้ยืม แม้ต่อมาธนาคารปฏิเสธการใช้เงิน จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: เหตุบันดาลโทสะไม่สมเหตุผล
ข้อเท็จจริงฟังได้ความว่า จำเลยเป็นพลตำรวจ ผู้ตายเป็นผู้บังคับกองเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลย ผู้ตายได้สั่งให้จำเลยปฏิบัติหน้าที่ราชการตามอำนาจหน้าที่ แต่จำเลยละเลยไม่ปฏิบัติกลับประพฤติผิดวินัย เมาสุราอาละวาด พกอาวุธปืนเถื่อนและขัดขืนคำสั่ง พูดจาท้าทายจะยิงกับผู้ตายต่อหน้าประชาชน ผู้ตายจึงตบหน้าจำเลยไป 1 ปี แล้วนำตัวไปสถานีตำรวจ ระหว่างทางจำเลยยังทำร้ายและพูดจาก้าวร้าวท้าทายผู้ตายอีก เมื่อถึงสถานีตำรวจ ผู้ตายจึงชกและเตะจำเลยไปอย่างละที แล้วสั่งให้ขังจำเลยเป็นการลงทัณฑ์ตามอำนาจหน้าที่ที่ผู้ตายในฐานะผู้บังคับบัญชากระทำได้ตามพระราชบัญญัติวินัยตำรวจ จำเลยกลับหนีไปบ้านพักเอาอาวุธปืนมายิงผู้ตายด้วยเจตนาฆ่าผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการฆ่าผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่ได้กระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (2) แม้ผู้ตายจะกระทำแก่จำเลยเกินเลยไปบ้าง การกระทำของผู้ตายก็ไม่ทำให้กลายเป็นไม่ใช่เจ้าพนักงานไปได้
การที่จำเลยถูกผู้ตายตบหน้า ชกและเตะแล้วจำเลยหลบหนีไปห้องพักของจำเลยเอาปืนมายิงผู้ตาย การกระทำของผู้ตายที่มีต่อจำเลยได้ขาดตอนไปแล้ว จำเลยมิได้กระทำในขณะจำเลยถูกทำร้ายด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยที่ยิงผู้ตายในตอนหลังนี้ไม่เข้าลักษณะเป็นการบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
การที่จำเลยถูกผู้ตายตบหน้า ชกและเตะแล้วจำเลยหลบหนีไปห้องพักของจำเลยเอาปืนมายิงผู้ตาย การกระทำของผู้ตายที่มีต่อจำเลยได้ขาดตอนไปแล้ว จำเลยมิได้กระทำในขณะจำเลยถูกทำร้ายด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยที่ยิงผู้ตายในตอนหลังนี้ไม่เข้าลักษณะเป็นการบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: การกระทำของผู้ตายไม่ขาดตอนและจำเลยไม่ได้ถูกทำร้ายขณะกระทำผิด จึงไม่เป็นบันดาลโทสะ
ข้อเท็จจริงฟังได้ความว่า จำเลยเป็นพลตำรวจ ผู้ตายเป็นผู้บังคับกองเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลย ผู้ตายได้สั่งให้จำเลยปฏิบัติหน้าที่ราชการตามอำนาจหน้าที่ แต่จำเลยละเลยไม่ปฏิบัติกลับประพฤติผิดวินัย เมาสุราอาละวาดพกอาวุธปืนเถื่อนและขัดขืนคำสั่ง พูดจาท้าทายจะยิงกับผู้ตายต่อหน้าประชาชน ผู้ตายจึงตบหน้าจำเลยไป 1 ที แล้วนำตัวไปสถานีตำรวจระหว่างทางจำเลยยังทำร้ายและพูดจาก้าวร้าวท้าทายผู้ตายอีก เมื่อถึงสถานีตำรวจ ผู้ตายจึงชกและเตะจำเลยไปอย่างละที แล้วสั่งให้ขังจำเลยเป็นการลงทัณฑ์ตามอำนาจหน้าที่ที่ผู้ตายในฐานะผู้บังคับบัญชากระทำได้ตามพระราชบัญญัติวินัยตำรวจ จำเลยกลับหนีไปบ้านพักเอาอาวุธปืนมายิงผู้ตายด้วยเจตนาฆ่าจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้เป็นการฆ่าผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่ได้กระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2) แม้ผู้ตายจะกระทำแก่จำเลยเกินเลยไปบ้าง การกระทำของผู้ตายก็ไม่ทำให้กลายเป็นไม่ใช่เจ้าพนักงานไปได้
การที่จำเลยถูกผู้ตายตบหน้า ชกและเตะแล้วจำเลยหลบหนีไปห้องพักของจำเลยเอาปืนมายิงผู้ตาย การกระทำของผู้ตายที่มีต่อจำเลยได้ขาดตอนไปแล้ว จำเลยมิได้กระทำในขณะจำเลยถูกทำร้ายด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยที่ยิงผู้ตายในตอนหลังนี้ไม่เข้าลักษณะเป็นการบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
การที่จำเลยถูกผู้ตายตบหน้า ชกและเตะแล้วจำเลยหลบหนีไปห้องพักของจำเลยเอาปืนมายิงผู้ตาย การกระทำของผู้ตายที่มีต่อจำเลยได้ขาดตอนไปแล้ว จำเลยมิได้กระทำในขณะจำเลยถูกทำร้ายด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยที่ยิงผู้ตายในตอนหลังนี้ไม่เข้าลักษณะเป็นการบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกเงินค่าวัสดุก่อสร้างจากผู้ว่าจ้าง จำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอก เพราะเป็นหน้าที่ต้องจัดหาวัสดุเอง
จำเลยรับเหมาก่อสร้างบ้านพักให้ ช. และขอเบิกเงินจำนวนหนึ่งจาก ช. เพื่อนำไปซื้อวัสดุก่อสร้าง ช. ก็ทดรองจ่ายเงินจำนวนนั้นให้จำเลยแต่จำเลยไม่นำเงินไปซื้อวัสดุก่อสร้างเช่นนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอกเพราะจำเลยมีหน้าที่จัดหาวัสดุก่อสร้างอยู่แล้ว มิใช่รับเงินไปซื้อวัสดุก่อสร้างตามคำสั่งของ ช.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกเงินทดรองค่าก่อสร้างและการไม่นำไปซื้อวัสดุ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก หากเป็นหน้าที่ต้องจัดหาอยู่แล้ว
จำเลยรับเหมาก่อสร้างบ้านพักให้ ช. และขอเบิกเงินจำนวนหนึ่งจาก ช. เพื่อนำไปซื้อวัสดุก่อสร้าง ช. ก็ทดรองจ่ายเงินจำนวนนั้นให้จำเลย แต่จำเลยไม่นำเงินไปซื้อวัสดุก่อสร้าง เช่นนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอก เพราะจำเลยมีหน้าที่จัดหาวัสดุก่อสร้างอยู่แล้ว มิใช่รับเงินไปซื้อวัสดุก่อสร้างตามคำสั่งของ ช.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกเงินคืนจากการสัญญาช่วยเหลือทางคดีที่ไม่เป็นผล การฟ้องไม่เคลือบคลุมและไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
ฟ้องเรียกเงินคืนที่โจทก์บรรยายข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหามาแล้วว่า เมื่อเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2511 ก่อนพนักงานอัยการยื่นฟ้องบุตรโจทก์ต่อศาล จำเลยได้เรียกเอาเงินโจทก์ไป 2 คราว ๆ ละ500 บาท โดยจำเลยรับจะช่วยบุตรโจทก์ให้พ้นโทษ โดยจะหาทนายสู้คดีหรือช่วยด้วยวิธีอื่นให้บุตรโจทก์ถูกปล่อย โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินให้จำเลยไป เมื่อบุตรโจทก์ถูกฟ้องศาล จำเลยไม่ช่วยเหลืออย่างใดกลับบอกให้บุตรโจทก์รับสารภาพโดยบอกว่า อายุยังไม่ถึง 20 ปี ศาลไม่ลงโทษเป็นเหตุให้บุตรโจทก์หลงเชื่อรับสารภาพ ดังนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุว่าจำเลยเรียกเอาเงินจากโจทก์ที่ไหน จำเลยก็เข้าใจฟ้องได้ดีแล้ว เป็นฟ้องไม่เคลือบคลุม และไม่ใช่เป็นฟ้องที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เพราะไม่ใช่ให้เงินแก่จำเลยเพื่อช่วยเหลือโดยวิธีที่ผิดกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกเงินคืนจากการสัญญาช่วยเหลือทางคดี การฟ้องไม่เคลือบคลุม และไม่ใช่การช่วยเหลือที่ผิดกฎหมาย
ฟ้องเรียกเงินคืนที่โจทก์บรรยายข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหามาแล้วว่า เมื่อเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ 2511 ก่อนพนักงานอัยการยื่นฟ้องบุตรโจทก์ต่อศาล จำเลยได้เรียกเอาเงินโจทก์ไป 2 คราว ๆ ละ 500 บาท โดยจำเลยรับจะช่วยบุตรโจทก์ให้พ้นโทษ โดยจะหาทนายสู้คดีหรือช่วยด้วยวิธีอื่นให้บุตรโจทก์ถูกปล่อย โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินให้จำเลยไป เมื่อบุตรโจทก์ถูกฟ้องศาล จำเลยไม่ช่วยเหลืออย่างใด กลับบอกให้บุตรโจทก์รับสารภาพโดยบอกว่าอายุยังไม่ถึง 20 ปี ศาลไม่ลงโทษ เป็นเหตุให้บุตรโจทก์หลงเชื่อรับสารภาพ ดังนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุว่าจำเลยเรียกเอาเงินจากโจทก์ที่ไหน จำเลยก็เข้าใจฟ้องได้ดีแล้ว เป็นฟ้องไม่เคลือบคลุมและไม่ใช่เป็นฟ้องที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เพราะไม่ใช่ให้เงินแก่จำเลยเพื่อช่วยเหลือโดยวิธีที่ผิดกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์ก่อนการบังคับคดี การถอนคำร้องไต่สวน และสิทธิในการอุทธรณ์
ศาลสั่งอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายนาพิพาทไปก่อนสั่งคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง ดังนี้ ผู้ร้องยังเป็นคนนอกคดีในขณะศาลอนุญาตให้ขาย เมื่อผู้ร้องเห็นว่าการขายทำไปโดยไม่ถูกต้องไม่สมควรประการใด ถ้าหากตนมีส่วนได้เสียก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้สั่งยกคำสั่งอนุญาตให้ขาย และกำหนดวิธีการอย่างใด ๆ ตามที่เห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสองเมื่อศาลไต่สวนสั่งต่อไปประการใด หากไม่พอใจก็อุทธรณ์ฎีกาต่อไป กรณีนี้ ในชั้นแรกศาลก็สั่งนัดไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพื่อสั่งคำร้องของผู้ร้องแล้ว แต่ผู้ร้องกลับขอให้งดการไต่สวนเสียเอง แล้วยื่นอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขายนาที่พิพาทเสียทีเดียวดังนี้ ย่อมไม่มีข้อเท็จจริงที่จะรับฟังตามคำร้องของผู้ร้องได้ ผู้ร้องจึงไม่มีข้ออ้างที่จะยกเป็นข้ออุทธรณ์ ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ขายทอดตลาดไปก่อนแล้วได้