คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วินัย ทองลงยา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้อง: สมบูรณ์แม้มีผู้รับโอนเพียงฝ่ายเดียว, มีค่าตอบแทน, และไม่ขัดต่อกฎหมาย
การโอนสิทธิเรียกร้องนั้น เพียงทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนฝ่ายเดียวก็สมบูรณ์หาจำต้องลงลายมือชื่อผู้รับโอนด้วยไม่ แต่การโอนนั้นจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้ แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้ยินยอมด้วยในการโอน โดยได้ทำคำบอกกล่าวหรือความยินยอมเป็นหนังสือ
การโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลานั้น ย่อมโอนกันได้ หาต้องห้ามตามกฎหมายไม่ เพราะสิทธิที่โอนมีอยู่อย่างไรเท่าใด ผู้รับโอนก็รับโอนไปเพียงนั้นเท่านั้น
จำเลยโอนสิทธิที่จะได้รับค่าระวางเรือส่วนลดจากบริษัทเรือให้แก่ธนาคารผู้ร้อง เพื่อที่จำเลยจะได้เบิกเงินเกินบัญชีจากผู้ร้องต่อไปอีกตามข้อตกลงระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ได้กระทำขึ้นหลังจากที่ผู้ร้องได้แสดงเจตนาจะปิดบัญชีไม่ยอมให้จำเลยเบิก เพราะจำเลยยังเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีอยู่ถึงหนึ่งล้านบาทเศษ และเกินยอดสูงสุดที่ได้ตกลงกันไว้ก่อน ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้อง: สมบูรณ์แม้มีผู้โอนลงลายมือชื่อเดียว, มีเงื่อนไขก็โอนได้, สุจริตมีค่าตอบแทน
การโอนสิทธิเรียกร้องนั้น เพียงทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนฝ่ายเดียวก็สมบูรณ์.หาจำต้องลงลายมือชื่อผู้รับโอนด้วยไม่. แต่การโอนนั้นจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้ยินยอมด้วยในการโอน โดยได้ทำคำบอกกล่าวหรือความยินยอมเป็นหนังสือ.
การโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลานั้น ย่อมโอนกันได้ หาต้องห้ามตามกฎหมายไม่. เพราะสิทธิที่โอนมีอยู่อย่างไรเท่าใด ผู้รับโอนก็รับโอนไปเพียงนั้นเท่านั้น.
จำเลยโอนสิทธิที่จะได้รับค่าระวางเรือส่วนลดจากบริษัทเรือให้แก่ธนาคารผู้ร้อง. เพื่อที่จำเลยจะได้เบิกเงินเกินบัญชีจากผู้ร้องต่อไปอีกตามข้อตกลงระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ได้กระทำขึ้นหลังจากที่ผู้ร้องได้แสดงเจตนาจะปิดบัญชีไม่ยอมให้จำเลยเบิก. เพราะจำเลยยังเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีอยู่ถึงหนึ่งล้านบาทเศษ และเกินยอดสูงสุดที่ได้ตกลงกันไว้ก่อน. ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้อง: สมบูรณ์ด้วยหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอน, มีค่าตอบแทน, และไม่ขัดต่อกฎหมาย
การโอนสิทธิเรียกร้องนั้น เพียงทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนฝ่ายเดียวก็สมบูรณ์ หาจำต้องลงลายมือชื่อผู้รับโอนด้วยไม่ แต่การโอนนั้นจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้ยินยอมด้วยในการโอน โดยได้ทำคำบอกกล่าวหรือความยินยอมเป็นหนังสือ
การโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลานั้น ย่อมโอนกันได้ หาต้องห้ามตามกฎหมายไม่ เพราะสิทธิที่โอนมีอยู่อย่างไรเท่าใด ผู้รับโอนก็รับโอนไปเพียงนั้นเท่านั้น
จำเลยโอนสิทธิที่จะได้รับค่าระวางเรือส่วนลดจากบริษัทเรือให้แก่ธนาคารผู้ร้อง เพื่อที่จำเลยจะได้เบิกเงินเกินบัญชีจากผู้ร้องต่อไปอีกตามข้อตกลงระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ได้กระทำขึ้นหลังจากที่ผู้ร้องได้แสดงเจตนาจะปิดบัญชีไม่ยอมให้จำเลยเบิก เพราะจำเลยยังเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีอยู่ถึงหนึ่งล้านบาทเศษ และเกินยอดสูงสุดที่ได้ตกลงกันไว้ก่อน ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าตึกสร้างยังไม่เสร็จ: จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบหากผู้รับเหมาไม่สร้างเสร็จ
จำเลยทำสัญญากับ ว.และท. ให้คนทั้งสองออกทุนทำการก่อสร้างตึกแถวลงบนที่ดินของจำเลย จำเลยยอมให้ผู้ก่อสร้างนำอาคารออกเรียกเงินกินเปล่า และจำเลยจะทำสัญญาให้เช่าแก่บุคคลที่ผู้รับก่อสร้างนำมา ต่อมาด้วยความยินยอมของ ว.และท. จำเลยนำอาคารที่กำลังก่อสร้างมาให้โจทก์เช่า เนื่องจาก ว.และท.ขาดเงินที่จะใช้ทำการก่อสร้างต่อไป ว.และท.จึงกู้เงินโจทก์ 200,000 บาท โจทก์เกี่ยงจะได้หลักประกัน ในที่สุดได้มีการโอนสิทธิการเช่าตึก 10 ห้องที่ยังสร้างไม่เสร็จให้โจทก์ โดยวิธีให้โจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยโดยตรง การที่จำเลยยอมทำสัญญาเช่ากับโจทก์โดยสัญญาระบุไว้ว่า เช่าตึกแถวที่กำลังก่อสร้าง เป็นการยืนยันให้เห็นว่าจำเลยไม่รับรู้ในเรื่องที่ว่าจะได้มีการก่อสร้างตึกให้แล้วเสร็จหรือไม่ ทั้งในสัญญาเช่าก็ไม่ได้ระบุว่าถ้าตึกสร้างไม่เสร็จจะมีผลประการใด การที่ตึกแถวสร้างไม่แล้วเสร็จ ไม่ใช่ความผิดของจำเลย โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดชอบในการก่อสร้างตึกเมื่อสัญญาเช่าระบุสถานะ 'กำลังก่อสร้าง' และการขาดเงินทุนของผู้รับเหมา
จำเลยทำสัญญากับ ว.และท. ให้คนทั้งสองออกทุนทำการก่อสร้างตึกแถวลงบนที่ดินของจำเลย. จำเลยยอมให้ผู้ก่อสร้างนำอาคารออกเรียกเงินกินเปล่า. และจำเลยจะทำสัญญาให้เช่าแก่บุคคลที่ผู้รับก่อสร้างนำมา. ต่อมาด้วยความยินยอมของ ว.และท.. จำเลยนำอาคารที่กำลังก่อสร้างมาให้โจทก์เช่า เนื่องจาก ว.และท.ขาดเงินที่จะใช้ทำการก่อสร้างต่อไป. ว.และท.จึงกู้เงินโจทก์ 200,000บาท. โจทก์เกี่ยงจะได้หลักประกัน. ในที่สุดได้มีการโอนสิทธิการเช่าตึก 10 ห้องที่ยังสร้างไม่เสร็จให้โจทก์. โดยวิธีให้โจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยโดยตรง. การที่จำเลยยอมทำสัญญาเช่ากับโจทก์โดยสัญญาระบุไว้ว่า เช่าตึกแถวที่กำลังก่อสร้าง. เป็นการยืนยันให้เห็นว่าจำเลยไม่รับรู้ในเรื่องที่ว่าจะได้มีการก่อสร้างตึกให้แล้วเสร็จหรือไม่. ทั้งในสัญญาเช่าก็ไม่ได้ระบุว่าถ้าตึกสร้างไม่เสร็จจะมีผลประการใด. การที่ตึกแถวสร้างไม่แล้วเสร็จ. ไม่ใช่ความผิดของจำเลย. โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าตึกสร้างไม่เสร็จ: จำเลยไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายหากความผิดเกิดจากผู้รับเหมา
จำเลยทำสัญญากับ ว. และ ท. ให้คนทั้งสองออกทุนทำการก่อสร้างตึกแถวลงบนที่ดินของจำเลย จำเลยยอมให้ผู้ก่อสร้างนำอาคารออกเรียกเงินกินเปล่า และจำเลยจะทำสัญญาให้เช่าแก่บุคคลที่ผู้รับก่อสร้างนำมา ต่อมาด้วยความยินยอมของ ว. และ ท. จำเลยนำอาคารที่กำลังก่อสร้างมาให้โจทก์เช่า เนื่องจาก ว. และ ท. ขาดเงินที่จะใช้ทำการต่อสร้าง ว. และ ท. จึงกู้เงินโจทก์ 200,000 บาท โจทก์เกี่ยงจะได้หลักประกัน ในที่สุดได้มีการโอนสิทธิการเช่าตึก 10 ห้องที่ยังสร้างไม่เสร็จให้โจทก์ โดยวิธีให้โจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยโดยตรง การที่จำเลยยอมทำสัญญาเช่ากับโจทก์โดยสัญญาระบุไว้ว่า เช่าตึกแถวที่กำลังก่อสร้าง เป็นการยืนยันให้เห็นว่าจำเลยไม่รับรู้ในเรื่องที่ว่า จะได้มีการก่อสร้างตึกให้แล้วเสร็จหรือไม่ ทั้งในสัญญาเช่าก็ไม่ได้ระบุว่าถ้าตึกสร้างไม่เสร็จจะมามีผลประการใด การที่ตึกแถวสร้างไม่เสร็จ ไม่ใช่ความผิดของจำเลย โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1775/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องแบ่งมรดกก่อนครบ 1 ปี และการแยกสินเดิมออกจากสินสมรสเมื่อราคาเพิ่มขึ้น
มาตรา 1744 มุ่งหมายถึงการส่งมอบทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทซึ่งมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งมรดกโดยผู้จัดการมรดกไม่มีข้อโต้แย้งสิทธินั้นอย่างใด หาใช่บทบัญญัติห้ามทายาทฟ้องผู้จัดการมรดกเพื่อตั้งสิทธิที่จะได้รับส่วนแบ่งมรดกจากผู้จัดการมรดกซึ่งโต้แย้งสิทธิของทายาทนั้นๆ ไม่.
เมื่อปรากฏว่าที่ดินเป็นสินเดิม. แม้ภายหลังการสมรสที่ดินนี้จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมมากเพียงใดก็ตาม. ที่ดินดังกล่าวก็ยังมีสภาพเป็นสินเดิมอยู่นั่นเอง.ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นหาใช่ดอกผลของที่ดินไม่. จึงแยกถือเอาราคาในส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นสินสมรสไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1775/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องแบ่งมรดกก่อน 1 ปี และการแยกสินเดิมออกจากสินสมรสเมื่อราคาที่ดินเพิ่มขึ้น
มาตรา 1744 มุ่งหมายถึงการส่งมอบทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทซึ่งมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งมรดกโดยผู้จัดการมรดกไม่มีข้อโต้แย้งสิทธินั้นอย่างใด หาใช่บทบัญญัติห้ามทายาทฟ้องผู้จัดการมรดกเพื่อตั้งสิทธิที่จะได้รับส่วนแบ่งมรดกจากผู้จัดการมรดกซึ่งโต้แย้งสิทธิของทายาทนั้นๆ ไม่
เมื่อปรากฏว่าที่ดินเป็นสินเดิม แม้ภายหลังการสมรสที่ดินนี้จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมมากเพียงใดก็ตาม ที่ดินดังกล่าวก็ยังมีสภาพเป็นสินเดิมอยู่นั่นเอง ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นหาใช่ดอกผลของที่ดินไม่ จึงแยกถือเอาราคาในส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นสินสมรสไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1775/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องแบ่งมรดกก่อน 1 ปี และการแยกสินเดิมออกจากสินสมรสเมื่อราคาที่ดินเพิ่มขึ้น
มาตรา 1744 มุ่งหมายถึงการส่งมอบทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทซึ่งมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งมรดก โดยผู้จัดการมรดกไม่มีข้อโต้แย้งสิทธินั้นอย่างใด หาใช่บทบัญญัติห้ามทายาทฟ้องผู้จัดการมรดกเพื่อตั้งสิทธิที่จะได้รับส่วนแบ่งมรดกจากผู้จัดการมรดกซึ่งโต้แย้งสิทธิของทายาทนั้น ๆ ไม่
เมื่อปรากฏว่าที่ดินเป็นสินเดิม แม้ภายหลังการสมรส ที่ดินนี้จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมมากเพียงใดก็ตาม ที่ดินดังกล่าวก็ยังมีสภาพเป็นสินเดิมอยู่นั่นเอง ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นหาใช่ดอกผลของที่ดินไม่ จึงแยกถือเอาราคาในส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นสินสมรสไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดเงินจากลูกหนี้ของจำเลย: ศาลฎีกาชี้ว่าประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ถือเป็นเหตุให้คำสั่งอายัดไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายอายัดเงินหรือสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่จะได้รับชำระจากลูกหนี้ของจำเลยในคดีอื่นตามกฎหมาย การที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการอายัดเงินของลูกหนี้จำเลย โดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 310,311 จะมีผลเป็นคำสั่งอายัดที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น เมื่อลูกหนี้ของจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านข้อนี้ทั้งในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ประการใด จึงไม่มีประเด็น ที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นโทษแก่โจทก์ผู้ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายอายัด เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคำฟ้องอุทธรณ์.
of 54