พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดทรัพย์จากลูกหนี้ของลูกหนี้: ศาลต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอายัดไม่สมบูรณ์
โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายอายัดเงินหรือสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่จะได้รับชำระจากลูกหนี้ของจำเลยในคดีอื่นตามกฎหมาย. การที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการอายัดเงินของลูกหนี้จำเลย โดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 310,311. จะมีผลเป็นคำสั่งอายัดที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น. เมื่อลูกหนี้ของจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านข้อนี้ทั้งในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ประการใด. จึงไม่มีประเด็น.ที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นโทษแก่โจทก์ผู้ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายอายัด เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคำฟ้องอุทธรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินจากลูกหนี้ของลูกหนี้จำเลย: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เกินกรอบคำฟ้องอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายอายัดเงินหรือสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่จะได้รับชำระจากลูกหนี้ของจำเลยในคดีอื่นตามกฎหมาย การที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการอายัดเงินของลูกหนี้จำเลย โดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 310,311 จะมีผลเป็นคำสั่งอายัดที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น เมื่อลูกหนี้ของจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านข้อนี้ทั้งในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ประการใด จึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นโทษแก่โจทก์ผู้ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายอายัด เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคำฟ้องอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1760/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาทำเหมืองแร่, การผิดสัญญา, การกระทำโดยตัวแทน, ความรับผิดร่วมกัน, ค่าเสียหาย
โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลออกมายอายัดเงินหรือสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่จะได้รับชำระจากลูกหนี้ของจำเลยในคดีอื่นตามกฎหมาย การที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการอายัดเงินของลูกหนี้จำเลย โดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 300 ,301 จะมีผลเป็นคำสั่งอายัดที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น เมื่อลูกหนี้ของจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านข้อนี้ ทั้งในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ประการใด จึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นโทษแก่โจทก์ผู้ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายอายัด เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคำฟ้องอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีหมิ่นประมาทต่อศาลแขวง: การห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือออกโฆษณาจริง แต่ข้อความนั้นไม่ใช่เรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือศาลหรือละเมิดอำนาจศาล จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือหมิ่นประมาทตามฟ้อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 22 ส่วนที่อุทธรณ์ว่าฟ้องเคลือบคลุมนั้นไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรรับไว้วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีหมิ่นประมาทศาลแขวง: การต้องห้ามอุทธรณ์ตามกฎหมาย
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกันจัดพิมพ์หนังสืออกโฆษณาจริง แต่ข้อความนั้นไม่ใช่เรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือศาลหรือละเมิดอำนาจศาล จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือหมิ่นประมาทตามฟ้อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ฟ้องเคลือบคลุมนั้นไม่เป็นสารแก่คดีอันควรรับไว้วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในศาลแขวง: อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ศาลแขวง และการพิจารณาฟ้องเคลือบคลุม
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือออกโฆษณาจริง. แต่ข้อความนั้นไม่ใช่เรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือศาลหรือละเมิดอำนาจศาล. จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือหมิ่นประมาทตามฟ้อง. และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น. ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา22. ส่วนที่อุทธรณ์ว่าฟ้องเคลือบคลุมนั้นไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรรับไว้วินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692-1693/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการพิสูจน์สถานะบริวาร: ศาลมีอำนาจเรียกสอบถามบริวารจำเลยเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษา แม้ไม่ส่งสำเนาคำร้อง
ในกรณีที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้หมายเรียกบริวารจำเลยมาสอบถามเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น. ไม่จำต้องส่งสำเนาคำร้องของโจทก์ให้แก่ผู้ถูกเรียก.
เมื่อผู้ร้องแถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่าตนเป็นบริวารของจำเลยเช่นนี้. ต่อมาผู้ร้องจะมายื่นคำร้องกลับคำว่าตนมิใช่บริวารจำเลยหาได้ไม่.
การที่ผู้ร้องไม่ยอมลงลายมือชื่อ.ในรายงานกระบวนพิจารณาหาทำให้รายงานกระบวนพิจารณานั้นเสียไปไม่. ในเมื่อศาลได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อผู้ร้องไว้ในรายงานนั้นแล้ว.
เมื่อผู้ร้องแถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่าตนเป็นบริวารของจำเลยเช่นนี้. ต่อมาผู้ร้องจะมายื่นคำร้องกลับคำว่าตนมิใช่บริวารจำเลยหาได้ไม่.
การที่ผู้ร้องไม่ยอมลงลายมือชื่อ.ในรายงานกระบวนพิจารณาหาทำให้รายงานกระบวนพิจารณานั้นเสียไปไม่. ในเมื่อศาลได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อผู้ร้องไว้ในรายงานนั้นแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692-1693/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจบังคับคดีต่อบริวารจำเลย: ไม่ต้องส่งสำเนาคำร้อง, รายงานกระบวนพิจารณาที่ไม่มีลายมือชื่อใช้ได้, ผู้ร้องยอมรับสถานะ
ในกรณีที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้หมายเรียกบริวารจำเลยมาสอบถามเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น ไม่จำต้องส่งสำเนาคำร้องของโจทก์ให้แก่ผู้ถูกเรียก
เมื่อผู้ร้องแถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่าตนเป็นบริวารของจำเลยเช่นนี้ ต่อมาผู้ร้องจะมายื่นคำร้องกลับคำว่าตนมิใช่บริวารจำเลยหาได้ไม่
การที่ผู้ร้องไม่ยอมลงลายมือชื่อ ในรายงานกระบวนพิจารณาหาทำให้รายงานกระบวนพิจารณานั้นเสียไปไม่ ในเมื่อศาลได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อผู้ร้องไว้ในรายงานนั้นแล้ว
เมื่อผู้ร้องแถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่าตนเป็นบริวารของจำเลยเช่นนี้ ต่อมาผู้ร้องจะมายื่นคำร้องกลับคำว่าตนมิใช่บริวารจำเลยหาได้ไม่
การที่ผู้ร้องไม่ยอมลงลายมือชื่อ ในรายงานกระบวนพิจารณาหาทำให้รายงานกระบวนพิจารณานั้นเสียไปไม่ ในเมื่อศาลได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อผู้ร้องไว้ในรายงานนั้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692-1693/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจบังคับคดีต่อบริวารจำเลย – การยอมรับสถานะบริวาร – รายงานกระบวนพิจารณา
ในกรณีที่โจทก์ยื่นร้องต่อศาลขอให้หมายเรียกบริวารจำเลยมาสอบถามเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น ไม่จำต้องส่งสำเนาคำร้องของโจทก์ให้แก่ผู้ถูกเรียก
เมื่อผู้ร้องแถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่าตนเป็นบริวารของจำเลยเช่นนี้ ต่อมาผู้ร้องจะมายื่นคำร้องกลับคำว่าตนมิใช่บริวารจำเลยหาได้ไม่
การที่ผู้ร้องไม่ยอมลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณา หาทำให้รายงานกระบวนพิจารณานั้นเสียไปไม่ ในเมื่อศาลได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อผู้ร้องไว้ในรายงานนั้นแล้ว
เมื่อผู้ร้องแถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่าตนเป็นบริวารของจำเลยเช่นนี้ ต่อมาผู้ร้องจะมายื่นคำร้องกลับคำว่าตนมิใช่บริวารจำเลยหาได้ไม่
การที่ผู้ร้องไม่ยอมลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณา หาทำให้รายงานกระบวนพิจารณานั้นเสียไปไม่ ในเมื่อศาลได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อผู้ร้องไว้ในรายงานนั้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1665-1670/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิด พ.ร.บ.ขนส่ง: การกระทำความผิดต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตฯ การร่วมกระทำผิดกับผู้ไม่มีใบอนุญาตฯ ไม่สามารถทำได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ. แต่ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณ. จำเลยเป็นแต่ลูกจ้างคนขับรถยนต์โดยสารสาธารณะของนายจ้างเท่านั้น. แม้จำเลยจะขับรับผู้โดยสารล่วงล้ำเข้าไปในเส้นทางที่รถบริษัทอื่นได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทางก็ตาม. คนขับหรือจำเลยซึ่งมิใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ ย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 14.
พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14 บัญญัติห้ามเฉพาะผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้น จะขยายความไปถึงคนอื่นด้วยไม่ได้ เพราะเป็นความผิดอาญา.
แม้การเก็บค่าโดยสารมีลักษณะเป็นการแข่งขันก็จริง. แต่เมื่อจำเลยมิใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ. ก็ขาดองค์ความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14.
กรณีบุคคลสองคนขึ้นไปร่วมกันทำความผิดนั้น. โจทก์จะไม่ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาด้วยก็ได้. แต่โจทก์ต้องบรรยายฟ้อง มิฉะนั้นก็ไม่มีข้อหาหรือประเด็นว่าจำเลยกระทำผิดร่วมกับพวกหรือไม่.
ความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง มาตรา 14 เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคลผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้น ไม่อาจมีการร่วมกันกระทำผิดกับผู้ที่มิได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะด้วยได้.
พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14 บัญญัติห้ามเฉพาะผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้น จะขยายความไปถึงคนอื่นด้วยไม่ได้ เพราะเป็นความผิดอาญา.
แม้การเก็บค่าโดยสารมีลักษณะเป็นการแข่งขันก็จริง. แต่เมื่อจำเลยมิใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ. ก็ขาดองค์ความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14.
กรณีบุคคลสองคนขึ้นไปร่วมกันทำความผิดนั้น. โจทก์จะไม่ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาด้วยก็ได้. แต่โจทก์ต้องบรรยายฟ้อง มิฉะนั้นก็ไม่มีข้อหาหรือประเด็นว่าจำเลยกระทำผิดร่วมกับพวกหรือไม่.
ความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง มาตรา 14 เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคลผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้น ไม่อาจมีการร่วมกันกระทำผิดกับผู้ที่มิได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะด้วยได้.