พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและการป้องกันตัว: อำนาจการค้นและขอบเขตการใช้กำลังของเจ้าพนักงาน
ร้อยตำรวจตรี มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับหมวดสถานีตำรวจภูธรอำเภอแห่งท้องที่นั้น แต่มิได้รักษาการณ์แทนผู้บังคับกอง จึงไม่มีฐานะเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไม่มีอำนาจออกหมายค้นได้ จึงไม่อาจค้น หรือสั่งให้จำเลยค้นได้โดยลำพังตนเอง การที่จำเลยขึ้นและเข้าไปจับกุมผู้กระทำผิดบนบ้านเรือนที่ในห้องนอนของผู้กระทำผิด แม้จะมีหมายจับแต่ไม่มีหมายค้นนั้น เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 8192 เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจย่อมไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย อันจะทำให้เกิดสิทธิป้องกันตัวได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 87/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าคดีโดยอ้างเอกสาร เอกสารหายไม่อาจใช้ชี้ขาดได้ โจทก์มีหน้าที่นำสืบหลักฐาน
คู่ความท้ากันว่า. ถ้าจำเลยนำหนังสือซื้อขายที่ดินหรือสำเนาที่อำเภอรับรองมาจากอำเภอได้. โจทก์ยอมแพ้. ถ้าไม่มีหนังสือดังกล่าวที่พิพาทตกเป็นของโจทก์. เมื่ออำเภอมีหนังสือแจ้งมาว่าค้นไม่พบ. คู่ความท้ากันใหม่ว่าให้ศาลเอาหนังสือตอบนี้ไปประกอบกับคำท้าเดิมแล้ววินิจฉัยว่าที่พิพาทจะเป็นของฝ่ายใด. ศาลวินิจฉัยว่าตามหนังสือตอบของอำเภอฟังไม่ถนัดว่ามีหนังสือซื้อขายที่พิพาทหรือไม่. จึงชี้ขาดให้แพ้ชนะกันตามคำท้าไม่ได้. เมื่อต่างแถลงไม่สืบพยานคดีนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่โจทก์ โจทก์จึงต้องแพ้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 87/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายหลักฐานที่ไม่ชัดเจน และหน้าที่นำสืบพยานของผู้ฟ้อง
คู่ความท้ากันว่า ถ้าจำเลยนำหนังสือซื้อขายที่ดินหรือสำเนาที่อำเภอรับรองมาจากอำเภอได้ โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่มีหนังสือดังกล่าวที่พิพาทตกเป็นของโจทก์ เมื่ออำเภอมีหนังสือแจ้งมาว่าค้นไม่พบ คู่ความท้ากันใหม่ว่าให้ศาลเอาหนังสือตอบนี้ไปประกอบกับคำท้าเดิมแล้ววินิจฉัยว่าที่พิพาทจะเป็นของฝ่ายใด ศาลวินิจฉัยว่าตามหนังสือตอบของอำเภอฟังไม่ถนัดว่ามีหนังสือซื้อขายที่พิพาทหรือไม่ จึงชี้ขาดให้แพ้ชนะกันตามคำท้าไม่ได้ เมื่อต่างแถลงไม่สืบพยานคดีนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่โจทก์ โจทก์จึงต้องแพ้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 87/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชี้ขาดข้อพิพาทตามคำท้า และหน้าที่การนำสืบพยานเมื่อคู่ความไม่สืบ
คู่ความท้ากันว่า ถ้าจำเลยนำหนังสือซื้อขายที่ดินหรือสำเนาที่อำเภอรับรองมาจากอำเภอได้โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่มีหนังสือดังกล่าวที่พิพาทตกเป็นของโจทก์เมื่ออำเภอมีหนังสือแจ้งมาว่าค้นไม่พบคู่ความท้ากันใหม่ว่าให้ศาลเอาหนังสือตอบนี้ไปประกอบกับคำท้าเดิมแล้ววินิจฉัยว่าที่พิพาทจะเป็นของฝ่ายใด ศาลวินิจฉัยว่าตามหนังสือตอบของอำเภอฟังไม่ถนัดว่ามีหนังสือซื้อขายที่พิพาทหรือไม่จึงชี้ขาดให้แพ้ชนะกันตามคำท้าไม่ได้ เมื่อต่างแถลงไม่สืบพยานคดีนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่โจทก์ โจทก์จึงต้องแพ้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและสิทธิของผู้เช่าช่วง: การฟ้องขับไล่เมื่อไม่ทำสัญญาเช่าช่วง
จำเลยกับพวกประมูลสิทธิขายเนื้อสุกรโดยเสียค่าตอบแทนหรือค่าบำรุงให้เทศบาล 368,000 บาท กับค่าเช่าเป็นรายวันจำเลยเข้าขายเนื้อสุกรที่เขียงตามที่ประมูลได้ แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาเช่าจากเทศบาล จำเลยกับพวกยังผูกพันจะต้องชำระเงิน 368,000 บาท จึงจะมีสิทธิ ต่อมามีการตั้งบริษัทโจทก์ขึ้นโดยจำเลยกับพวกเป็นผู้ถือหุ้นและมี ต.เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง บริษัทโจทก์ทำสัญญาเช่าเขียงหรือแผงจากเทศบาลโดยเสียเงินบำรุงให้แก่เทศบาล 368,000 บาทตามที่จำเลยกับพวกประมูลไว้ จำเลยกับพวกมิได้คัดค้าน ดังนี้ บริษัทโจทก์เป็นนิติบุคคลซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งต่างหากจากจำเลยและพวก เป็นคู่สัญญากับเทศบาล จำเลยยอมให้บริษัทโจทก์เป็นผู้เช่าแล้ว บริษัทโจทก์จึงมีสิทธิที่จะใช้เขียงจำหน่ายเนื้อสุกรได้อย่างฐานะผู้เช่าทั่วไป เมื่อบริษัทโจทก์ให้จำเลยมาทำสัญญาเช่าจากบริษัทโจทก์ เพื่อจำเลยจะได้ใช้เขียงจำหน่ายต่อไป ก็ชอบที่จะต้องทำสัญญาเช่าจากบริษัทโจทก์ การที่จำเลยไม่ยอมมาทำสัญญาเช่า บริษัทโจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยได้ ข้อโต้เถียงของจำเลยเกี่ยวกับ ต. ผู้ถือหุ้นของบริษัทว่าทำการไม่ชอบอันเป็นกิจการภายในของบริษัทโจทก์นั้น เป็นกรณีที่จำเลยจะว่ากล่าวเอาแก่บริษัทโจทก์เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าและการทำสัญญาช่วง: ผู้เช่าช่วงต้องทำสัญญาใหม่กับผู้เช่าเดิมหากต้องการใช้สิทธิ
จำเลยกับพวกประมูลสิทธิขายเนื้อสุกรโดยเสียค่าตอบแทนหรือค่าบำรุงให้เทศบาล 368,000 บาท กับค่าเช่าเป็นรายวันจำเลยเข้าขายเนื้อสุกรที่เขียงตามที่ประมูลได้แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาเช่าจากเทศบาลจำเลยกับพวกยังผูกพันจะต้องชำระเงิน 368,000 บาท จึงจะมีสิทธิต่อมามีการตั้งบริษัทโจทก์ขึ้นโดยจำเลยกับพวกเป็นผู้ถือหุ้นและมี ต.เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง บริษัทโจทก์ทำสัญญาเช่าเขียงหรือแผงจากเทศบาลโดยเสียเงินบำรุงให้แก่เทศบาล 368,000 บาทตามที่จำเลยกับพวกประมูลไว้จำเลยกับพวกมิได้คัดค้านดังนี้ บริษัทโจทก์เป็นนิติบุคคลซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งต่างหากจากจำเลยและพวก เป็นคู่สัญญากับเทศบาล จำเลยยอมให้บริษัทโจทก์เป็นผู้เช่าแล้ว บริษัทโจทก์จึงมีสิทธิที่จะใช้เขียงจำหน่ายเนื้อสุกรได้อย่างฐานะผู้เช่าทั่วไปเมื่อบริษัทโจทก์ให้จำเลยมาทำสัญญาเช่าจากบริษัทโจทก์ เพื่อจำเลยจะได้ใช้เขียงจำหน่ายต่อไปก็ชอบที่จะต้องทำสัญญาเช่าจากบริษัทโจทก์การที่จำเลยไม่ยอมมาทำสัญญาเช่า บริษัทโจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยได้ข้อโต้เถียงของจำเลยเกี่ยวกับ ต. ผู้ถือหุ้นของบริษัทว่าทำการไม่ชอบอันเป็นกิจการภายในของบริษัทโจทก์นั้นเป็นกรณีที่จำเลยจะว่ากล่าวเอาแก่บริษัทโจทก์เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนลงทุนที่ดินในห้างหุ้นส่วนสามัญ การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ของห้างส่วน
ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งนำที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมาลงทุนเข้าหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยใช้เป็นที่ตั้งโรงสีของห้างหุ้นส่วน แม้จะไม่มีการจดทะเบียนโอนโฉนดที่พิพาทก็เป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้น
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้ แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้ แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงทุนด้วยที่ดินเข้าหุ้นส่วนและผลกระทบต่อเจ้าหนี้: การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ของห้างหุ้นส่วนสามัญ
ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งนำที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมาลงทุนเข้าหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยใช้เป็นที่ตั้งโรงสีของห้างหุ้นส่วน. แม้จะไม่มีการจดทะเบียนโอนโฉนดที่พิพาทก็เป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้น. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511).
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้. เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วน.และศาลพิพากษาให้ชำระหนี้. แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง. เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้. หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488).
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น. ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้.แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้.
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้. เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วน.และศาลพิพากษาให้ชำระหนี้. แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง. เจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้. หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488).
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้น. ไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้.แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเป็นของห้างหุ้นส่วน เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้ แม้โฉนดยังเป็นชื่อหุ้นส่วนรายอื่น
ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งนำที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมาลงทุนเข้าหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยใช้เป็นที่ตั้งโรงสีของห้างหุ้นส่วนแม้จะไม่มีการจดทะเบียนโอนโฉนดที่พิพาทก็เป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้น
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งเจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้นไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 533/2511)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้เมื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งถูกฟ้องเกี่ยวกับหนี้สินของห้างหุ้นส่วนและศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แม้โฉนดที่พิพาทจะยังเป็นชื่อของหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งเจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจนำยึดที่พิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ หุ้นส่วนซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทหรือบุตรของหุ้นส่วนนั้นหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 288/2488)
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนซึ่งไม่เป็นนิติบุคคลนั้นไม่อาจครอบครองที่ดินของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยอำนาจปรปักษ์ได้แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนนำที่ดินมาลงทุนเข้าหุ้นด้วยย่อมเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำคุกซ้ำ หากศาลรอการลงโทษไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากยังถือว่าไม่เคยถูกลงโทษจริง
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ผู้ที่จะถูกเพิ่มโทษได้จะต้องเป็นผู้ที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และได้กระทำผิดขึ้นอีกภายในเวลา 5 ปีนับแต่วันพ้นโทษซึ่งวันพ้นโทษก็คือพ้นโทษจำคุกในคดีก่อนนั่นเอง ดังนั้น เมื่อคดีก่อนศาลลงโทษจำคุกแต่รอการลงโทษไว้จึงไม่มีวันพ้นโทษที่จะถือเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษได้ แม้ว่าจำเลยจะมาทำผิดขึ้นอีกภายใน 5 ปี นับแต่วันครบกำหนดรอการลงโทษก็ตาม ก็เพิ่มโทษมิได้