คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วินัย ทองลงยา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษจำคุกตามมาตรา 92 ต้องมีโทษจำคุกถึงที่สุดแล้ว จึงจะเพิ่มโทษได้ การรอการลงโทษไม่ถือเป็นโทษจำคุก
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ผู้ที่จะถูกเพิ่มโทษได้จะต้องเป็นผู้ที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และได้กระทำผิดขึ้นอีกภายในเวลา 5 ปีนับแต่วันพ้นโทษซึ่งวันพ้นโทษก็คือพ้นโทษจำคุกในคดีก่อนนั่นเอง ดังนั้น เมื่อคดีก่อนศาลลงโทษจำคุกแต่รอการลงโทษไว้จึงไม่มีวันพ้นโทษที่จะถือเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษได้แม้ว่าจำเลยจะมาทำผิดขึ้นอีกภายใน 5 ปี นับแต่วันครบกำหนดรอการลงโทษก็ตาม ก็เพิ่มโทษมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษจำคุกตามมาตรา 92 เมื่อศาลรอการลงโทษ การรอการลงโทษไม่ถือเป็นโทษจำคุก
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ผู้ที่จะถูกเพิ่มโทษได้จะต้องเป็นผู้ที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก. และได้กระทำผิดขึ้นอีกภายในเวลา 5 ปีนับแต่วันพ้นโทษซึ่งวันพ้นโทษก็คือพ้นโทษจำคุกในคดีก่อนนั่นเอง. ดังนั้น เมื่อคดีก่อนศาลลงโทษจำคุกแต่รอการลงโทษไว้.จึงไม่มีวันพ้นโทษที่จะถือเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษได้.แม้ว่าจำเลยจะมาทำผิดขึ้นอีกภายใน 5 ปี นับแต่วันครบกำหนดรอการลงโทษก็ตาม ก็เพิ่มโทษมิได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความผิดต่อบ้านเมือง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้รู้เห็นในการที่สิบตำรวจเอกสุชินฆ่านายปิงแต่จำเลยไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดีตามคำกล่าวหาของภรรยานายปิง ได้ชื่อว่าจำเลยกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ฟ้องโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย หากจำเลยจะได้จับกุมหรือไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดี เพราะไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ และความผิดตามข้ออ้าง เป็นความผิดต่อบ้านเมืองในการดำเนินการปกครองของรัฐโดยเฉพาะ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีอาญา: ผู้เสียหายต้องเสียหายโดยตรงจากเหตุอาญา
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้รู้เห็นในการที่สิบตำรวจเอกสุชินฆ่านายปิงแต่จำเลยไม่จับกุม.สิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดีตามคำกล่าวหาของภรรยานายปิง. ได้ชื่อว่าจำเลยกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่. ฟ้องโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย. หากจำเลยจะได้จับกุมหรือไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดี. เพราะไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์. และความผิดตามข้ออ้าง เป็นความผิดต่อบ้านเมืองในการดำเนินการปกครองของรัฐโดยเฉพาะ. โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)ไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการกระทำความผิด
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้รู้เห็นในการที่สิบตำรวจเอกสุชินฆ่านายปิงแต่จำเลยไม่จับกุม.สิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดีตามคำกล่าวหาของภรรยานายปิง ได้ชื่อว่าจำเลยกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ฟ้องโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย หากจำเลยจะได้จับกุมหรือไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดี เพราะไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ และความผิดตามข้ออ้าง เป็นความผิดต่อบ้านเมืองในการดำเนินการปกครองของรัฐโดยเฉพาะ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยเจตนาทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ไม่ใช่ประมาทเลินเล่อ
การที่จำเลยใช้เส้นลวดที่ไม่มีวัตถุใดๆ ห่อหุ้มขึงทางด้านบนของรั้วไม้โรงภาพยนต์ของจำเลย แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้า220 โวลท์ไปตามเส้นลวดนั้น. เพื่อป้องกันมิให้คนข้ามรั้วเข้าไปลอบดูภาพยนต์ทางรูฝาโรงภาพยนต์. เป็นการกระทำที่จำเลยมิได้เจตนาฆ่าแต่เจตนาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา290. หาใช่ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291 ไม่.
ฟ้องว่าทำให้คนตายโดยประมาท ข้อเท็จจริงได้ความว่าทำให้คนตายโดยไม่เจตนา. ต้องยกฟ้อง. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 29/2511).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยเจตนาทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ไม่ถือเป็นประมาท
การที่จำเลยใช้เส้นลวดที่ไม่มีวัตถุใดๆ ห่อหุ้มขึงทางด้านบนของรั้วไม้โรงภาพยนต์ของจำเลย แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้า 220 โวลท์ไปตามเส้นลวดนั้น เพื่อป้องกันมิให้คนข้ามรั้วเข้าไปลอบดูภาพยนต์ทางรูฝาโรงภาพยนต์ เป็นการกระทำที่จำเลยมิได้เจตนาฆ่าแต่เจตนาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 หาใช่ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ไม่
ฟ้องว่าทำให้คนตายโดยประมาท ข้อเท็จจริงได้ความว่าทำให้คนตายโดยไม่เจตนา ต้องยกฟ้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 29/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย: เจตนาทำร้าย vs. ประมาทเลินเล่อ
การที่จำเลยใช้เส้นลวดที่ไม่มีวัตถุใด ๆ ห่อหุ้มขึงทางด้านบนของรั้วไม้โรงภาพยนต์ของจำเลย แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้า220 โวลท์ไปตามเส้นลวดนั้น เพื่อป้องกันมิให้คนข้ามรั้วเข้าไปลอบดูภาพยนต์ทางรูฝาโรงภาพยนต์ เป็นการกระทำที่จำเลยมิได้เจตนาฆ่าแต่เจตนาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา290 หาใช่ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291 ไม่
ฟ้องว่าทำให้คนตายโดยประมาท ข้อเท็จจริงได้ความว่าทำให้คนตายโดยไม่เจตนา ต้องยกฟ้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 29/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินสาธารณะ: การครอบครองหลัง พ.ร.บ.ที่ดินใช้บังคับ และผลกระทบต่อการบังคับคดี
ผู้ที่มิได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ แม้จะแจ้งการครอบครองตามแบบส.ค.1 ไว้ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใด
เมื่อผู้แจ้งการครอบครองไม่มีสิทธิครอบครองที่ดิน ย่อมจะมีการรับโอนหรือแย่งการครอบครองมิได้
ผู้มีสิทธิในที่ดิน หากทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ที่ดินย่อมตกเป็นของรัฐ และเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้ที่ไม่มีสิทธิครอบครอง หากเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมมีความผิดทางอาญา
ราษฎรต่อราษฎรอาจพิพาทกันเองในเรื่องการครอบครองสาธารณสมบัติของแผ่นดินได้ แต่จะอ้างผลแห่งคำพิพากษาที่ตนชนะคดีนั้น หรือการครอบครองที่ผิดกฎหมายขึ้นใช้ยันรัฐหาได้ไม่
ที่ดินของรัฐหรือแผ่นดินประเภทที่รกร้างว่างเปล่า เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธินำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา หากมีการยึด จังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดย่อมมีอำนาจร้องขัดทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติ การครอบครอง และสิทธิในการบังคับคดี: ผู้ครอบครองไม่มีสิทธิ แม้ชนะคดีกับราษฎร
ผู้ที่มิได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ แม้จะแจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.1 ไว้ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใด
เมื่อผู้แจ้งการครอบครองไม่มีสิทธิครอบครองที่ดิน. ย่อมจะมีการรับโอนหรือแย่งการครอบครองมิได้
ผู้มีสิทธิในที่ดิน หากทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด. ที่ดินย่อมตกเป็นของรัฐ และเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้ที่ไม่มีสิทธิครอบครอง หากเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมมีความผิดทางอาญา
ราษฎรต่อราษฎรอาจพิพาทกันเองในเรื่องการครอบครองสาธารณสมบัติของแผ่นดินได้ แต่จะอ้างผลแห่งคำพิพากษาที่ตนชนะคดีนั้น หรือการครอบครองที่ผิดกฎหมายขึ้นใช้ยันรัฐหาได้ไม่
ที่ดินของรัฐหรือแผ่นดินประเภทที่รกร้างว่างเปล่า.เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธินำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา หากมีการยึด จังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดย่อมมีอำนาจร้องขัดทรัพย์ได้
of 54