คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วินัย ทองลงยา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการพิสูจน์การครอบครองที่ดิน ผู้ร้องต้องนำสืบก่อนเมื่อถูกโต้แย้ง
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่า ที่ดินมือเปล่าซึ่งโจทก์นำยึดเป็นของตน ซื้อจากจำเลยกับภริยา และครอบครองมาเกิน 1 ปี โดยให้ผู้อื่นเช่าทำนาตลอดมา. โจทก์ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำนองสหกรณ์ไว้ยังมิได้ไถ่ถอน. จำเลยกับภริยาไม่ได้ขาย. และมิได้มอบการครอบครองให้แก่ผู้ร้อง. สัญญาซื้อขายทำโดยไม่สุจริตเพื่อฉ้อโกงโจทก์. เมื่อขณะโจทก์นำยึด มีผู้อื่นเช่าทำนาอยู่. โจทก์ปฏิเสธการครอบครองของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน.
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง.แม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย. ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์จากการยึดที่ดิน: ผู้ซื้อต้องพิสูจน์การครอบครองและกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง แม้จะซื้อมาจากภริยา
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่า ที่ดินมือเปล่าซึ่งโจทก์นำยึดเป็นของตน ซื้อจากจำเลยกับภริยา และครอบครองมาเกิน 1 ปี โดยให้ผู้อื่นเช่าทำนาตลอดมา โจทก์ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำนองสหกรณ์ไว้ยังมิได้ไถ่ถอน จำเลยกับภริยาไม่ได้ขาย และมิได้มอบการครอบครองให้แก่ผู้ร้อง สัญญาซื้อขายทำโดยไม่สุจริตเพื่อฉ้อโกงโจทก์ เมื่อขณะโจทก์นำยึด มีผู้อื่นเช่าทำนาอยู่ โจทก์ปฏิเสธการครอบครองของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องแม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์จากการยึดที่ดิน: ผู้ซื้อต้องพิสูจน์การครอบครองและกรรมสิทธิ์ หากถูกปฏิเสธโดยเจ้าหนี้
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่า ที่ดินมือเปล่าซึ่งโจทก์นำยึดเป็นของตน ซื้อจากจำเลยกับภริยา และครอบครองมาเกิน 1 ปี โดยให้ผู้อื่นเช่าทำนาตลอดมา โจทก์ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำนองสหกรณ์ไว้ยังมิได้ไถ่ถอน จำเลยกับภริยาไม่ได้ขาย และมิได้มอบการครอบครองให้แก่ผู้ร้อง สัญญาซื้อขายทำโดยไม่สุจริตเพื่อฉ้อโกงโจทก์ เมื่อขณะโจทก์นำยึด มีผู้อื่นเช่าทำนาอยู่ โจทก์ปฏิเสธการครอบครองของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง แม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารถอนเงินออมสินไม่ใช่หลักฐานการกู้ยืม แม้จะมีการมอบฉันทะ
แบบพิมพ์ถอนเงินออมสินซึ่งมีโจทก์ลงนามในฐานะเป็นเจ้าของบัญชีฝากเงินและลงนามเป็นผู้มอบฉันทะให้รับเงินแทนกับมีจำเลยลงนามเป็นผู้รับมอบฉันทะและลงนามเป็นผู้รับเงินนั้น มิได้มีเค้ามูลแสดงว่าเป็นการกู้ยืมแต่ประการใด ฉะนั้น จึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม จะนำพยานบุคคลสืบว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แบบพิมพ์ถอนเงินออมสินไม่ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืม แม้จะมีการมอบฉันทะให้รับเงินแทน
แบบพิมพ์ถอนเงินออมสินซึ่งมีโจทก์ลงนามในฐานะเป็นเจ้าของบัญชีฝากเงินและลงนามเป็นผู้มอบฉันทะให้รับเงินแทน.กับมีจำเลยลงนามเป็นผู้รับมอบฉันทะและลงนามเป็นผู้รับเงินนั้น. มิได้มีเค้ามูลแสดงว่าเป็นการกู้ยืมแต่ประการใด. ฉะนั้น จึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม จะนำพยานบุคคลสืบว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมหาได้ไม่.(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2511).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารถอนเงินออมสินไม่ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืม แม้ไม่มีข้อความชัดเจน การนำสืบพยานบุคคลมาอธิบายหาได้ไม่
แบบพิมพ์ถอนเงินออมสินซึ่งมีโจทก์ลงนามในฐานะเป็นเจ้าของบัญชีฝากเงินและลงนามเป็นผู้มอบฉันทะให้รับเงินแทน กับมีจำเลยลงนามเป็นผู้รับมอบฉันทะและลงนามเป็นผู้รับเงินนั้น มิได้มีเค้ามูลแสดงว่าเป็นการกู้ยืมแต่ประการใด ฉะนั้น จึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม จะนำพยานบุคคลสืบว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างว่าความ: การกำหนดค่าจ้างและการหักค่าใช้จ่าย ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้ ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้ สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างว่าความ: ค่าจ้างที่แน่นอนและการหักค่าใช้จ่ายไม่ขัดต่อกฎหมายทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้ ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้ สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างว่าความ: การกำหนดค่าจ้างและหักค่าใช้จ่าย ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ. ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้. ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้. สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ. จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมฟ้องอุทธรณ์ในคดีอาญาเมื่ออัยการไม่อุทธรณ์ โจทก์ร่วมต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่ง
เดิมพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอาญา จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 253แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์คำฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์จึงเป็นอันยุติเพียงศาลชั้นต้นโจทก์ร่วมอุทธรณ์โดยลำพังโดยมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอุทธรณ์ โจทก์ร่วมจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 254
of 54