พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมฟ้องอุทธรณ์คดีอาญาที่มีคำขอเรียกค่าเสียหาย: เมื่ออัยการไม่อุทธรณ์ โจทก์ร่วมต้องเสียค่าธรรมเนียม
เดิมพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอาญา จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 253 แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์คำฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์จึงเป็นอันยุติเพียงศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมอุทธรณ์โดยลำพังโดยมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอุทธรณ์ โจทก์ร่วมจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 254
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมในคดีอาญาที่อัยการไม่ร่วมอุทธรณ์
เดิมพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอาญา. จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 253.แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์คำฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์จึงเป็นอันยุติเพียงศาลชั้นต้น. โจทก์ร่วมอุทธรณ์โดยลำพังโดยมีคำเรียกร้องให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินติดมากับฟ้องอุทธรณ์. โจทก์ร่วมจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมดังคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 254.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและการต่อสู้คดีบิดเบือนความจริง ศาลไม่ลดโทษ
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา. จำเลยต่อสู้ว่าทำไปโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เพราะผู้ตายจะยิงจำเลยก่อน. เป็นเหตุให้โจทก์ต้องสืบพยานถึง 9 ปาก. ทั้งจำเลยพยายามนำสืบบิดเบือนความจริงให้ยุ่งยากแก่การพิจารณามิใช่น้อย. จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีด้วยความไม่จริงใจในการอ้างป้องกันตัว ทำให้ไม่สมควรลดโทษคดีฆ่า
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยต่อสู้ว่าทำไปโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เพราะผู้ตายจะยิงจำเลยก่อน เป็นเหตุให้โจทก์ต้องสืบพยานถึง 9 ปาก ทั้งจำเลยพยายามนำสืบบิดเบือนความจริงให้ยุ่งยากแก่การพิจารณามิใช่น้อย จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าเพื่อป้องกันตัวที่ศาลไม่เห็นสมควรลดโทษเนื่องจากจำเลยบิดเบือนความจริง
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยต่อสู้ว่าทำไปโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เพราะผู้ตายจะยิงจำเลยก่อน เป็นเหตุให้โจทก์ต้องสืบพยานถึง 9 ปาก ทั้งจำเลยพยายามนำสืบบิดเบือนความจริงให้ยุ่งยากแก่การพิจารณามิใช่น้อย จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการเด็กกระทำผิดอาญาอายุไม่เกิน 14 ปี: พิจารณาสาเหตุและสภาพแวดล้อมรอบด้าน
ในกรณีที่เด็กอายุเกิน 7 ปี แต่ไม่เกิน 14 ปี กระทำผิดอาญานั้น กฎหมายไม่เอาโทษอาญาอยู่แล้ว และให้อำนาจศาลจัดการแก่เด็กตามสมควรแก่กรณีเป็นขั้นๆ ไปถึง 5 ข้อ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 ซึ่งเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเด็ก หรือผู้ปกครองเด็ก หรือบุคคลที่เด็กอาศัยอยู่ ศาลจึงควรสอบถามเด็กและเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบถามพร้อมโจทก์ เพื่อจะได้ใช้ดุลพินิจจัดการแก่เด็กให้เหมาะสม จะพิจารณาแต่เฉพาะสภาพความผิดที่เด็กกระทำอย่างเดียวไม่ควร ไม่ว่าเด็กจะกระทำผิดร้ายแรงเพียงไรก็ชอบที่จะได้พิจารณาถึงสาเหตุแห่งการกระทำผิด สภาพความเป็นอยู่ของเด็กและครอบครัวของเด็กรวมทั้งสิ่งแวดล้อมทั้งปวง การส่งตัวเด็กไปยังสถานฝึกและอบรมเด็กตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5) นั้น ควรกระทำต่อเมื่อจำเป็นต้องกระทำ หรือไม่มีวิธีอื่นใดที่จะกระทำได้ตามอนุมาตรา 1 ถึง 4 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการเด็กกระทำผิดอายุ 7-14 ปี: พิจารณาสาเหตุ, สภาพแวดล้อม, และความเหมาะสมของมาตรการ
ในกรณีที่เด็กอายุเกิน 7 ปี แต่ไม่เกิน 14 ปี กระทำผิดอาญานั้น กฎหมายไม่เอาโทษอาญาอยู่แล้ว และให้อำนาจศาลจัดการแก่เด็กตามสมควรแก่กรณีเป็นขั้นๆ ไปถึง 5 ข้อ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 ซึ่งเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเด็ก หรือผู้ปกครองเด็ก หรือบุคคลที่เด็กอาศัยอยู่ ศาลจึงควรสอบถามเด็กและเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบถามพร้อมโจทก์ เพื่อจะได้ใช้ดุลพินิจจัดการแก่เด็กให้เหมาะสม จะพิจารณาแต่เฉพาะสภาพความผิดที่เด็กกระทำอย่างเดียวไม่ควร ไม่ว่าเด็กจะกระทำผิดร้ายแรงเพียงไร ก็ชอบที่จะได้พิจารณาถึงสาเหตุแห่งการกระทำผิด สภาพความเป็นอยู่ของเด็กและครอบครัวของเด็กรวมทั้งสิ่งแวดล้อมทั้งปวง การส่งตัวเด็กไปยังสถานฝึกและอบรมเด็กตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5) นั้น ควรกระทำต่อเมื่อจำเป็นต้องกระทำ หรือไม่มีวิธีอื่นใดที่จะกระทำได้ตามอนุมาตรา 1 ถึง 4 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการเด็กกระทำผิดอาญา อายุเกิน 7 ปีแต่ไม่เกิน 14 ปี ศาลต้องพิจารณาหลายปัจจัยและคำนึงถึงสภาพแวดล้อม
ในกรณีที่เด็กอายุเกิน 7 ปี แต่ไม่เกิน 14 ปี.กระทำผิดอาญานั้น. กฎหมายไม่เอาโทษอาญาอยู่แล้ว. และให้อำนาจศาลจัดการแก่เด็กตามสมควรแก่กรณีเป็นขั้นๆ ไปถึง5 ข้อ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74. ซึ่งเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเด็ก หรือผู้ปกครองเด็ก หรือบุคคลที่เด็กอาศัยอยู่. ศาลจึงควรสอบถามเด็กและเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบถามพร้อมโจทก์. เพื่อจะได้ใช้ดุลพินิจจัดการแก่เด็กให้เหมาะสม. จะพิจารณาแต่เฉพาะสภาพความผิดที่เด็กกระทำอย่างเดียวไม่ควร. ไม่ว่าเด็กจะกระทำผิดร้ายแรงเพียงไร.ก็ชอบที่จะได้พิจารณาถึงสาเหตุแห่งการกระทำผิด. สภาพความเป็นอยู่ของเด็กและครอบครัวของเด็กรวมทั้งสิ่งแวดล้อมทั้งปวง. การส่งตัวเด็กไปยังสถานฝึกและอบรมเด็กตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5) นั้น. ควรกระทำต่อเมื่อจำเป็นต้องกระทำ. หรือไม่มีวิธีอื่นใดที่จะกระทำได้ตามอนุมาตรา 1 ถึง 4 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องอาวุธปืนจากกฎหมายยกเว้นโทษภายหลังการฟ้องคดี
แม้ในขณะที่โจทก์ฟ้อง จำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ.2490ก็ดี แต่ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดี ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510ประกาศใช้บังคับ ซึ่งตามมาตรา 5 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต นำไปขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2510 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2511ซึ่งได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2510 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างเวลาที่กฎหมายให้สิทธิไม่เอาโทษแก่จำเลยด้วย ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้จึงชอบแล้ว แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่ล่วงพ้นระยะเวลา 90 วันตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่สำคัญ (อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 889/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องอาวุธปืนตามกฎหมายยกเว้นโทษ หากดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด แม้ฟ้องก่อนกฎหมายใหม่มีผล
แม้ในขณะที่โจทก์ฟ้อง จำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ.2490 ก็ดี แต่ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดี ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510 ประกาศใช้บังคับ ซึ่งตามมาตรา 5 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต นำไปขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2510 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2511 ซึ่งได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมาย. ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2510 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างเวลาที่กฎหมายให้สิทธิไม่เอาโทษแก่จำเลยด้วย ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้จึงชอบแล้ว แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่ล่วงพ้นระยะเวลา 90 วันตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่สำคัญ
(อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 889/2503)
(อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 889/2503)