พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1153/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังเช็คและการฉ้อโกง: ความรับผิดทางแพ่งและอาญาเมื่อเช็คไม่สามารถใช้ได้
จำเลยยืมเงินผู้เสียหาย โดยนำเช็คลงวันที่ล่วงหน้าของผู้อื่นมามอบไว้เพื่อชำระหนี้. และจำเลยได้สลักหลังเช็คนั้นด้วย. แม้จำเลยจะบอกว่าผู้สั่งจ่ายเช็คมีฐานะดี สามารถใช้เงินตามเช็คได้ก็ตาม. จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่เมื่อคดีก่อนศาลยังไม่ได้วินิจฉัยกรรมสิทธิ์ การบุกรุกเป็นประเด็นใหม่
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใด และเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้.เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่เมื่อคดีก่อนศาลยังไม่ได้วินิจฉัยกรรมสิทธิ์ - การเปลี่ยนแปลงข้ออ้างในคดีใหม่
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้ว.ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า. จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใด. และเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์. ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้.เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป. คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด. ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ. เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่. ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีก่อนศาลยังไม่วินิจฉัยกรรมสิทธิ์ การฟ้องใหม่ระบุรายละเอียดการบุกรุกชัดเจน ย่อมฟ้องได้
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้วซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใดและเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่: การฟ้องแย่งครอบครองที่ดินหลังศาลเดิมยกฟ้องเนื่องจากขาดรายละเอียดการบุกรุก
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใด และเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้ เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค - ความรู้ของผู้รับเช็ค - การค้ำประกัน
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าเพื่อชำระค่าซื้อเชื่อปุ๋ยจากบริษัทผู้เสียหายเมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้ตกลงกับจำเลยว่าจะไม่ฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ค และผู้เสียหายได้รู้ว่าจำเลยไม่มีเงินในบัญชีในวันสั่งจ่ายตามเช็ค เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เงินตามเช็ค มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งข้อกฎหมายเรื่องการซื้อเชื่อและกรรมสิทธิ์ในฐานะผู้รับฝากขาย ไม่ใช่การอุทธรณ์ข้อเท็จจริง
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดทางแพ่งหรือทางอาญาเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการติดต่อระหว่างผู้เสียหายเป็นการซื้อเชื่อชนิดพิเศษผิดกับการซื้อเชื่อธรรมดา และทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ โจทก์ร่วมอุทธรณ์รับในข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าไม่เป็นการซื้อเชื่อ และจำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ ถือว่าเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายไม่ใช่ข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการติดต่อระหว่างผู้เสียหายเป็นการซื้อเชื่อชนิดพิเศษผิดกับการซื้อเชื่อธรรมดา และทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ โจทก์ร่วมอุทธรณ์รับในข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าไม่เป็นการซื้อเชื่อ และจำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ ถือว่าเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายไม่ใช่ข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อเชื่อชนิดพิเศษและการโต้แย้งกรรมสิทธิ์: ปัญหาข้อกฎหมายอาญาฐานยักยอก
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดทางแพ่งหรือทางอาญาเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการติดต่อระหว่างผู้เสียหายเป็นการซื้อเชื่อชนิดพิเศษผิดกับการซื้อเชื่อธรรมดา และทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ โจทก์ร่วมอุทธรณ์รับในข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าไม่เป็นการซื้อเชื่อและจำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ถือว่าเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายไม่ใช่ข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการติดต่อระหว่างผู้เสียหายเป็นการซื้อเชื่อชนิดพิเศษผิดกับการซื้อเชื่อธรรมดา และทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ โจทก์ร่วมอุทธรณ์รับในข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าไม่เป็นการซื้อเชื่อและจำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ถือว่าเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายไม่ใช่ข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อเชื่อพิเศษกับการยักยอกทรัพย์: ศาลฎีกาวินิจฉัยการอุทธรณ์ข้อกฎหมายเรื่องกรรมสิทธิ์และการรับผิดชอบ
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดทางแพ่งหรือทางอาญาเป็นปัญหาข้อกฎหมาย.
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการติดต่อระหว่างผู้เสียหายเป็นการซื้อเชื่อชนิดพิเศษผิดกับการซื้อเชื่อธรรมดา และทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์. โจทก์ร่วมอุทธรณ์รับในข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าไม่เป็นการซื้อเชื่อ. และจำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์. ถือว่าเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายไม่ใช่ข้อเท็จจริง.
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการติดต่อระหว่างผู้เสียหายเป็นการซื้อเชื่อชนิดพิเศษผิดกับการซื้อเชื่อธรรมดา และทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์. โจทก์ร่วมอุทธรณ์รับในข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าไม่เป็นการซื้อเชื่อ. และจำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์. ถือว่าเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายไม่ใช่ข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถานควบคู่กับการทำร้ายร่างกาย ผู้กระทำผิดต้องรับโทษทั้งสองฐาน
การที่จำเลยเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในเคหสถาน กรณีถือได้ว่าเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร นอกจากจำเลยจะมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว ยังมีความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถานตามมาตรา 365 (1)(2) ด้วยอีกสถานหนึ่ง