คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วินัย ทองลงยา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: กรณีตำรวจยิงเพื่อป้องกันตัวจากกลุ่มผู้ทำร้ายร่างกาย
ผู้ตายกับพวกซึ่งมีจำนวนมากคน ได้รายล้อมเข้าไปโดยอาการที่เห็นได้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยมีแต่ตัวคนเดียวและเป็นเวลากลางคืน จำเลยยิงปืนขึ้น สองนัดนัดแรกเป็นการยิงขู่ แต่ผู้ตายกับพวกก็มิได้หยุดยั้ง คงรายล้อมเข้าไปในลักษณะอาการที่จะกลุ้มรุมทำร้ายจำเลยอีก จำเลยใช้ปืนยิงไปนัดที่สองถูกนายเล็กและผู้ตาย ย่อมถือได้ว่าจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน
แม้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าไปกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย แต่พวกผู้ตายไม่มีปืน การที่จำเลยใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนแบบเครื่องหมายการค้า: การพิจารณาความแตกต่างของรูปและคำรวมถึงสาระสำคัญของเครื่องหมาย
เครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมใช้ตัวหนังสือว่า LEVI'Sมีช่องผ่ากลางตัวหนังสือนั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายังมีตัวหนังสืออีก 4 คำบรรจุอยู่ส่วนเครื่องหมายที่จำเลยใช้มีตัวหนังสือว่า LEVIE ไม่มีช่องผ่ากลางตัวหนังสือดังกล่าวเครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมมีรูปคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู มีหยักด้านล่างเป็นเส้นโค้งสองอันติดกัน กับมีหยักเป็นเหลี่ยมที่มุมบนทั้งสองมุมแต่เครื่องหมายที่จำเลยใช้ทั้งแบบ ก. และ ข. เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนแบบ ค. มีรูปสี่เหลี่ยมมุมบนทั้งสองข้างไม่หยัก ด้านล่างยังอยู่ภายในกรอบของรูปสี่เหลี่ยมอีกอันหนึ่ง และเครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมยังมีตัวหนังสืออื่นๆ ตลอดจนลวดลายผิดกับเครื่องหมายที่จำเลยใช้ทั้งสิ้น เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าแตกต่างกันมาก ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยได้เลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายของโจทก์ร่วม
เครื่องหมายการค้าที่โจทก์ร่วมจดทะเบียนไว้เป็นรูปและคำแม้เฉพาะคำในเครื่องหมายที่จำเลยใช้ก็มีตัวอักษรและลักษณะแตกต่างกับคำในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วม ดังนี้ จะถือเอาคำ (LEVI'S) เป็นสารสำคัญแต่ประการเดียวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2279/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบอนุญาตอาวุธปืนครอบคลุมถึงเครื่องกระสุนปืน การมีกระสุนปืนไม่ผิดหากมีใบอนุญาตปืน
จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนสั้นขนาด 11 มม.ไว้แล้ว จำเลยย่อมมีกระสุนปืนขนาด 11 มม. เพื่อใช้กับอาวุธปืนดังกล่าวได้โดยชอบ (แม้จะมีอยู่ถึง 1,000 นัด) เพราะการที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนนั้น เป็นการอนุญาตให้มีและใช้กระสุนปืนไปด้วยในตัว
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 875/2494 และ 615/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2250/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากจำเลยไม่มีทนาย และการพิพากษาความผิดฐานลักทรัพย์โดยมิชอบ
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มีทนาย แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีทนาย ฎีกาทำเป็นฉบับเดียว ลงชื่อทนายของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 เป็นผู้ฎีกา จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีทนาย ไม่ได้ลงชื่อเป็นผู้ฎีกาด้วย ฉะนั้น แม้ฎีกาฉบับนี้จะได้ระบุชื่อของจำเลยที่ 1 ไว้ในฎีกาหน้าแรกว่าเป็นผู้หนึ่งที่ขอยื่นฎีกาด้วยก็ตาม ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นฎีกาของจำเลยที่1 ด้วย ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งห้า ซึ่งหมายรวมถึงจำเลยที่ 1 ด้วยนั้น จึงคลาดเคลื่อน ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 เท่านั้น ฎีกา
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3) นั้นต้องเป็นการลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ แต่ตามฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 1 ใช้กุญแจผิดกฎหมายไขตู้โชว์แล้วลักเอาทรัพย์ไป ฉะนั้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ก็ไม่ใช่เป็นการลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไป ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2250/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่สมบูรณ์เมื่อจำเลยบางส่วนไม่มีทนาย และการตีความประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มีทนาย แต่จำเลยที่ 1ไม่มีทนาย ฎีกาทำเป็นฉบับเดียว ลงชื่อทนายของจำเลยที่ 2ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 เป็นผู้ฎีกา จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีทนายไม่ได้ลงชื่อเป็นผู้ฎีกาด้วย ฉะนั้น แม้ฎีกาฉบับนี้จะได้ระบุชื่อของจำเลยที่ 1 ไว้ในฎีกาหน้าแรกว่าเป็นผู้หนึ่งที่ขอยื่นฎีกาด้วยก็ตาม ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นฎีกาของจำเลยที่1 ด้วย ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งห้า ซึ่งหมายรวมถึงจำเลยที่ 1 ด้วยนั้น จึงคลาดเคลื่อน ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3ที่ 4 และที่ 5 เท่านั้น ฎีกา
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3) นั้นต้องเป็นการลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ แต่ตามฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 1 ใช้กุญแจผิดกฎหมายไขตู้โชว์แล้วลักเอาทรัพย์ไป ฉะนั้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ก็ไม่ใช่เป็นการลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไป ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกโดยการประมูลหรือขายทอดตลาดเมื่อตกลงแบ่งกันไม่ได้ และอำนาจฟ้องในกรณีแบ่งมรดกโดยจำเลยไม่แบ่งให้ทายาท
เมื่อจำเลยอุทธรณ์ จำเลยก็เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้แบ่งทรัพย์ระหว่างกันเองก่อน เมื่อไม่สามารถแบ่งได้ ให้ทายาทและจำเลยประมูลกันเอง ถ้าไม่ตกลงกันให้นำทรัพย์ออกขายทอดตลาด ได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันตามส่วน และจำเลยยังมีคำขอท้ายอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์แบ่งทรัพย์โดยวิธีนี้อีก ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่าศาลตัดสินนอกคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องไม่ ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคแรก เพราะโจทก์ฟ้องเรียกเป็นเงินและให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงิน ไม่ได้
กรณีฟ้องขอแบ่งมรดกเพราะผู้จัดการมรดกไม่แบ่งให้ทายาทตามสิทธิของทายาท มิใช่เป็นเรื่องแบ่งมรดกโดยสัญญา โจทก์ย่อมฟ้องได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1750 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกโดยวิธีประมูล/ขายทอดตลาด ศาลตัดสินนอกคำฟ้องหรือไม่ และอำนาจฟ้องกรณีแบ่งมรดก
เมื่อจำเลยอุทธรณ์ จำเลยก็เห็นพ้องด้วยกับ คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้แบ่งทรัพย์ระหว่างกันเองก่อนเมื่อไม่สามารถแบ่งได้ ให้ทายาทและจำเลยประมูลกันเองถ้าไม่ตกลงกันให้นำทรัพย์ออกขายทอดตลาด ได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันตามส่วน และจำเลยยังมีคำขอท้ายอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์แบ่งทรัพย์โดยวิธีนี้อีก ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่าศาลตัดสินนอกคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องไม่ ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคแรกเพราะโจทก์ฟ้องเรียกเป็นเงินและให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงิน ไม่ได้
กรณีฟ้องขอแบ่งมรดกเพราะผู้จัดการมรดกไม่แบ่งให้ทายาทตามสิทธิของทายาท มิใช่เป็นเรื่องแบ่งมรดกโดยสัญญาโจทก์ย่อมฟ้องได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1750 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1875/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงอากรมหรสพด้วยการขายตั๋วเกินราคา แม้ชำระเงินแล้วคดีไม่เลิกกัน ศาลลงโทษตามประมวลรัษฎากร
บริษัทโรงภาพยนตร์จำเลยที่ 1 โดยผู้จัดการโรงภาพยนตร์จำเลยที่ 2 ร่วมรู้เห็นในการที่จำเลยที่ 3 กับ ส. ซึ่งเป็นพนักงานขายตั๋ว ใช้อุบายเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียอากรมหรสพ โดยขายตั๋วฉบับเดียวคิดราคาเป็น 2 เท่า และอนุญาตให้ผู้ซื้อเข้าดูภาพยนตร์ได้ 2 คน โดยเสียอากรเท่าฉบับเดียว เป็นผลให้จำเลยได้เงินขายตั๋วส่วนที่เกินราคาเป็นประโยชน์แห่งตน ดังนี้ ศาลย่อมลงโทษตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ 16 พ.ศ.2502 มาตรา 14 ได้จะอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 135(3) ซึ่งมีบทลงโทษโดยเฉพาะอยู่แล้วตามมาตรา 142 หาได้ไม่
เนื่องจากการกระทำของจำเลยดังกล่าว พนักงานเจ้าหน้าที่อากรมหรสพได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้จัดการโรงภาพยนตร์นำเงินค่าอากรและเงินเพิ่มอากรไปชำระตามมาตรา 138 ทวิ และเจ้าหน้าที่ได้รับชำระเงินไว้แล้ว เงินจำนวนนี้ก็ไม่ใช่เงินค่าปรับเปรียบเทียบในทางอาญา อันจะทำให้คดีเลิกกันและไม่ถือว่าเป็นการกระทำหรือเป็นการเปรียบเทียบโดยอธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้ทำการแทน ตามมาตรา 3 ทวิ อันจะคุ้มผู้ต้องหามิให้ถูกฟ้องร้องทางอาญาต่อไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812-1813/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจขายที่ดินโดยไม่สุจริต การรู้เห็นยินยอมมีผลผูกพัน การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
มารดาทำสัญญาโอนขายที่ดินมีโฉนดของจำเลยให้แก่ผู้มีชื่อแทนจำเลย ตามใบมอบอำนาจซึ่งมารดาให้น้องจำเลยเขียนชื่อและพิมพ์ลายนิ้วมือแทนจำเลย โดยจำเลยรู้เห็นยินยอมในการกระทำนี้ จำเลยจะกล่าวอ้างในภายหลังว่าตนมิได้มอบอำนาจให้มารดาขายที่ดินแทน หาได้ไม่ เพราะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1811/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการนำสืบพยาน – ประเด็นเดียว – สละประเด็นอื่น – ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่สืบ
คดีมีประเด็นหลายข้อ แต่คู่ความขอสืบพยานในประเด็นเพียงข้อเดียว เท่ากับคู่ความท้าสืบพยานกันในประเด็นนั้นเพียงข้อเดียว สละประเด็นอื่นๆ ไม่ติดใจโต้แย้งกันแล้วไม่มีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยข้ออื่นต่อไป ศาลจะต้องวินิจฉัยและชี้ขาดตัดสินไปตามประเด็นข้อนำสืบนี้เท่านั้น
of 54