พบผลลัพธ์ทั้งหมด 363 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่, การบอกเลิกสัญญาเช่า, ค่าเสียหายจากการเช่าพื้นที่พาณิชย์
จำเลยรับว่าเช่าที่จากโจทก์ถือได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลย โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่เช่าโดยไม่จำเป็นต้องเรียกคนอื่นที่ร่วมเช่าที่กับโจทก์มาเข้าชื่อฟ้องด้วย
จำเลยปลูกห้องแถว 5 ห้อง 2 ชั้น กั้นอยู่เฉพาะชั้นบน ติดป้ายว่าเป็นบริษัทรับก่อสร้าง อยู่ในที่ทำเลการค้าถือว่าห้องนั้นไม่ใช่เคหะ
ผู้แทนโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว แม้จำเลยจะอยู่ต่อมาและโจทก์ก็ยังเก็บค่าเช่า ถือว่าโจทก์ผ่อนผันให้จำเลย มิใช่เจตนาต่อสัญญาเช่ากับจำเลย
โจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์ได้ค่าเช่าจากจำเลยเดือนละ 56 บาท จำเลยไม่สืบคัดค้าน ศาลย่อมให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามอัตรานี้ได้.
จำเลยปลูกห้องแถว 5 ห้อง 2 ชั้น กั้นอยู่เฉพาะชั้นบน ติดป้ายว่าเป็นบริษัทรับก่อสร้าง อยู่ในที่ทำเลการค้าถือว่าห้องนั้นไม่ใช่เคหะ
ผู้แทนโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว แม้จำเลยจะอยู่ต่อมาและโจทก์ก็ยังเก็บค่าเช่า ถือว่าโจทก์ผ่อนผันให้จำเลย มิใช่เจตนาต่อสัญญาเช่ากับจำเลย
โจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์ได้ค่าเช่าจากจำเลยเดือนละ 56 บาท จำเลยไม่สืบคัดค้าน ศาลย่อมให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามอัตรานี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่, การบอกเลิกสัญญาเช่า, ค่าเสียหายจากการเช่าพื้นที่ค้า
จำเลยรับว่าเช่าที่จากโจทก์ถือได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลย โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่เช่าโดยไม่จำเป็นต้องเรียกคนอื่นที่ร่วมเช่าที่กับโจทก์มาเข้าชื่อฟ้องด้วย
จำเลยปลูกห้องแถว 5 ห้อง 2 ชั้น กั้นอยู่เฉพาะชั้นบน ติดป้ายว่าเป็นบริษัทรับก่อสร้าง อยู่ในที่ทำเลการค้าถือว่าห้องนั้นไม่ใช่เคหะ
ผู้แทนโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว แม้จำเลยจะอยู่ต่อมาและโจทก์ก็ยังเก็บค่าเช่า ถือว่าโจทก์ผ่อนผันให้จำเลย มิใช่เจตนาต่อสัญญาเช่ากับจำเลย
โจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์ได้ค่าเช่าจากจำเลยเดือนละ 56 บาท จำเลยไม่สืบคัดค้าน ศาลย่อมให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามอัตรานี้ได้
จำเลยปลูกห้องแถว 5 ห้อง 2 ชั้น กั้นอยู่เฉพาะชั้นบน ติดป้ายว่าเป็นบริษัทรับก่อสร้าง อยู่ในที่ทำเลการค้าถือว่าห้องนั้นไม่ใช่เคหะ
ผู้แทนโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว แม้จำเลยจะอยู่ต่อมาและโจทก์ก็ยังเก็บค่าเช่า ถือว่าโจทก์ผ่อนผันให้จำเลย มิใช่เจตนาต่อสัญญาเช่ากับจำเลย
โจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์ได้ค่าเช่าจากจำเลยเดือนละ 56 บาท จำเลยไม่สืบคัดค้าน ศาลย่อมให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามอัตรานี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยที่สองในคดีสัญญาค่านายหน้า: การเรียกร้องจากผู้ไม่ผูกพันสัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกค่านายหน้าตามสัญญาแม้จะได้กล่าวว่าจำเลยที่ 1 สมคบกับจำเลยที่ 2 เพื่อฉ้อโกงค่านายหน้าเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์อันควรมีควรได้ด้วยก็ดีแต่คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอแต่เพียงให้ชำระค่านายหน้าเท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องของสัญญาโดยตรงมิได้มีคำขอเรื่องละเมิดแต่อย่างใดไม่ เงินค่านายหน้าตามสัญญาศาลก็ได้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้แล้วเช่นนี้จำเลยที่ 2 ไม่ใช่เป็นผู้รับผิดชอบตามสัญญา ฯ เมื่อไม่มีคำขอในการละเมิดก็ต้องยกฟ้องโจทก์เสีย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสัญญาและการขาดคำขอเรื่องละเมิด ศาลยกฟ้องจำเลยที่ไม่ใช่คู่สัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกค่านายหน้าตามสัญญาแม้จะได้กล่าวว่าจำเลยที่ 1 สมคบกับจำเลยที่ 2 เพื่อฉ้อโกงค่านายหน้าเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์อันควรมีควรได้ด้วยก็ดีแต่คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอแต่เพียงให้ชำระค่านายหน้าเท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องของสัญญาโดยตรงมิได้มีคำขอเรื่องละเมิดแต่อย่างใดไม่เงินค่านายหน้าตามสัญญาศาลก็ได้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้แล้วเช่นนี้จำเลย ที่ 2 ไม่ใช่เป็นผู้รับผิดตามสัญญาฯเมื่อไม่มีคำขอในการละเมิดก็ต้องยกฟ้องโจทก์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินเกินสัญญา: เมื่อฝ่ายชนะมีสิทธิบังคับหนี้ที่ค้างชำระ และเรียกคืนเงินที่วางไว้เป็นประกัน
ตามสัญญาที่ตกลงทำกันไว้ไม่มีข้อความตัดสิทธิจำเลย เลยว่าเมื่อโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยแล้วห้ามจำเลยเรียกเงินนอกจากที่วางไว้กับคนกลาง ภายหลังปรากฏว่าโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยและต้องเสียเงินเกินกว่าจำนวนที่วางไว้แล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิบังคับเอาอีกได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวกนั้นเมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวกนั้นเมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินเกินสัญญาและการคืนเงินวางไว้เมื่อชนะคดี
ตามสัญญาที่ตกลงทำกันไว้ไม่มีข้อความตัดสิทธิจำเลยว่าเมื่อโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยแล้วห้ามจำเลยเรียกเงินนอกจากที่วางไว้กับคนกลาง ภายหลังปรากฎว่าโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยและต้องเสียเงินเกินกว่าจำนวนที่ว่างไว้แล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิบังคับเอาอีกได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวก นั้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวก นั้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินเกินสัญญาและการคืนเงินวาง เมื่อผลคดีไม่เป็นไปตามที่ตกลง
ตามสัญญาที่ตกลงทำกันไว้ไม่มีข้อความตัดสิทธิจำเลย เลยว่าเมื่อโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยแล้วห้ามจำเลยเรียกเงินนอกจากที่วางไว้กับคนกลาง ภายหลังปรากฏว่าโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยและต้องเสียเงินเกินกว่าจำนวนที่วางไว้แล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิบังคับเอาอีกได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวกนั้นเมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวกนั้นเมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าเมื่อเจ้าของที่ดินขายโดยไม่บอกก่อน สัญญาเช่าไม่ถือเป็นข้อตกลงจะซื้อขาย
เช่าที่ดินของเขา เพื่อปลูกเรือนอาศัย มีกำหนด 20 ปี มีข้อสัญญาอยู่ข้อหนึ่งว่า เมื่อผู้ให้เช่าประสงค์จะขายที่ดินนั้น ผู้ให้เช่าต้องบอกขายกับผู้เช่าก่อน ฯลฯ
ดังนี้ ครั้นผู้ให้เช่าผิดสัญญาขายที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปโดยไม่บอกผู้เช่าก่อนผู้เช่าย่อมมีสิทธิเพียงฟ้องเรียกค่าเสียหายเท่านั้นผู้เช่าจะฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินนั้นระหว่างผู้ให้เช่ากับบุคคลภายนอกและบังคับให้ขายแก่ผู้เช่าไม่ได้ เพราะกำหนดในสัญญาดังกล่าวไม่พอให้ถือว่าเป็นคำมั่นหรือจะซื้อขาย
ดังนี้ ครั้นผู้ให้เช่าผิดสัญญาขายที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปโดยไม่บอกผู้เช่าก่อนผู้เช่าย่อมมีสิทธิเพียงฟ้องเรียกค่าเสียหายเท่านั้นผู้เช่าจะฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินนั้นระหว่างผู้ให้เช่ากับบุคคลภายนอกและบังคับให้ขายแก่ผู้เช่าไม่ได้ เพราะกำหนดในสัญญาดังกล่าวไม่พอให้ถือว่าเป็นคำมั่นหรือจะซื้อขาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อที่ดิน: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการขายโดยไม่บอกก่อน มิอาจบังคับให้ขายได้
เช่าที่ดินของเขา เพื่อปลูกเรือนอาศัย มีกำหนด 20 ปี มีข้อสัญญาอยู่ข้อหนึ่งว่า เมื่อผู้ให้เช่าประสงค์จะขายที่ดินนั้น ผู้ให้เช่าต้องบอกขายกับผู้เช่าก่อน ฯลฯ ดังนี้ ครั้นผู้ให้เช่าผิดสัญญาขายที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปโดยไม่บอกผู้เช่าก่อน ผู้เช่าย่อมมีสิทธิเพียงฟ้องเรียกค่าเสียหายเท่านั้น ผู้เช่าจะฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินนั้นระหว่างผู้ให้เช่ากับบุคคลภายนอก และบังคับให้ขายแก่ผู้เช่าไม่ได้ เพราะกำหนดในสัญญาดังกล่าวไม่พอให้ถือว่าเป็นคำมั่นหรือจะซื้อขาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในหนี้จากการรับมรดก/ถือหุ้นแทน: จำเลยไม่ผูกพันหนี้หากไม่ใช่ผู้รับมรดก/ผู้ถือหุ้นโดยชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในหนี้เงินกู้ที่สามีจำเลยกู้เงินโจทก์ไว้ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาผู้รับมรดกของสามี หรือในฐานะที่สามีลงชื่อจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นในบริการอันหนึ่งแทนสามี เมื่อทางพิจารณาฟังว่าจำเลยไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย จำเลยจึงไม่ใช่ผู้รับมรดกของผู้ตาย ฉะนั้นย่อมไม่มีความผูกพันอันใดจะต้องรับใช้หนี้ของผู้ตายตามฟ้อง แม้จำเลยจะรับทรัพย์สินของผู้ตายไว้ก็ตาม โดยนัยเดียวกัน แม้จำเลยจะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นแทนผู้ตาย ก็ไม่ทำให้จำเลยต้องรับผิดในหนี้รายนี้ดุจกัน