พบผลลัพธ์ทั้งหมด 363 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์เรือโดยไม่จดทะเบียน และการยึดทรัพย์ของบุคคลที่ไม่ใช่ศัตรูต่อสหประชาชาติ
เจ้าหนี้ได้รับมอบเรือในการตีใช้หนี้ค่าส่งอาหาร แล้วจำเลยยึดเรือนั้นไป เจ้าหนี้จึงฟ้องเรียกเรือคืน แม้ในฟ้องจะไม่กล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องอาหารที่ได้ส่งให้ลูกหนี้ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะข้อนี้เป็นแต่มูลเหตุที่ได้เรือมา ไม่ใช่ข้อประเด็นโดยตรง
กองทัพยี่ปุ่นลูกหนี้มอบเรือซึ่งยังไม่เคยมีทะเบียนตีใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนการโอน อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ครอบครองดีกว่าคนอื่น รวมทั้ง ก.ท.ส.ที่เข้ายึดเรืออันนับว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์ของกองทัพยี่ปุ่นซึ่งไม่มีสิทธิ์จะเอาเรือนั้นกลับคืนจากโจทก์
โจทก์เป็นจีนฮกเกี้ยนไม่ใช่บุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ โจทก์ได้รับเรือใช้หนี้จากกองทัพยี่ปุ่นก่อนยี่ปุ่นแพ้สงคราม เรือนั้นย่อมพ้นสภาพเรือใช้ในการสงคราม
ก.ท.ส.มีอำนาจแต่เฉพาะในทรัพย์สินของสัตรูต่อสหประชาชาติ เมื่อ ก.ท.ส.ทำตามอำนาจและหน้าที่ แต่ทำผิดไปโดยไปยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ไม่ใช่สัตรูต่อสหประชาชาติโดยไม่มีอำนาจ ก.ท.ส.ก็ต้องคืนเรือนั้นเมื่อคืนไม่ได้โดยไม่ข้อแก้ตัวก็ต้องใช้ราคา
ศาลพิาพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิ์ใช้เงินแต่เฉพาะที่หักจากเงินของสัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยไม่มีเงินของตนเอง ดังนี้การที่จำเลยจะมีสินทรัพย์ใช้ให้ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือได้
กองทัพยี่ปุ่นลูกหนี้มอบเรือซึ่งยังไม่เคยมีทะเบียนตีใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนการโอน อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ครอบครองดีกว่าคนอื่น รวมทั้ง ก.ท.ส.ที่เข้ายึดเรืออันนับว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์ของกองทัพยี่ปุ่นซึ่งไม่มีสิทธิ์จะเอาเรือนั้นกลับคืนจากโจทก์
โจทก์เป็นจีนฮกเกี้ยนไม่ใช่บุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ โจทก์ได้รับเรือใช้หนี้จากกองทัพยี่ปุ่นก่อนยี่ปุ่นแพ้สงคราม เรือนั้นย่อมพ้นสภาพเรือใช้ในการสงคราม
ก.ท.ส.มีอำนาจแต่เฉพาะในทรัพย์สินของสัตรูต่อสหประชาชาติ เมื่อ ก.ท.ส.ทำตามอำนาจและหน้าที่ แต่ทำผิดไปโดยไปยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ไม่ใช่สัตรูต่อสหประชาชาติโดยไม่มีอำนาจ ก.ท.ส.ก็ต้องคืนเรือนั้นเมื่อคืนไม่ได้โดยไม่ข้อแก้ตัวก็ต้องใช้ราคา
ศาลพิาพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิ์ใช้เงินแต่เฉพาะที่หักจากเงินของสัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยไม่มีเงินของตนเอง ดังนี้การที่จำเลยจะมีสินทรัพย์ใช้ให้ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในเรือที่ได้มาจากการตีใช้หนี้: สิทธิครอบครองดีกว่าสิทธิของ ก.ท.ส. ที่ยึดทรัพย์ผิด
เจ้าหนี้ได้รับมอบเรือในการตีใช้หนี้ค่าส่งอาหาร แล้วจำเลยยึดเรือนั้นไป เจ้าหนี้จึงฟ้องเรียกเรือคืน แม้ในฟ้องจะไม่กล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องอาหารที่ได้ส่งให้ลูกหนี้ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะข้อนี้เป็นแต่มูลเหตุที่ได้เรือมา ไม่ใช่ข้อประเด็นโดยตรง
กองทัพญี่ปุ่นลูกหนี้มอบเรือซึ่งยังไม่เคยมีทะเบียนตีใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนการโอน อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็มีสิทธิครอบครองดีกว่าคนอื่นรวมทั้ง ก.ท.ส. ที่เข้ายึดเรืออันนับว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์ของกองทัพญี่ปุ่นซึ่งไม่มีสิทธิจะเอาเรือนั้นกลับคืนจากโจทก์
โจทก์เป็นจีนฮกเกี้ยนไม่ใช่บุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ โจทก์ได้รับเรือตีใช้หนี้จากกองทัพญี่ปุ่นก่อนญี่ปุ่นแพ้สงคราม เรือนั้นย่อมพ้นสภาพเรือที่ใช้ในการสงคราม
ก.ท.ส.มีอำนาจแต่เฉพาะในทรัพย์สินของศัตรูต่อสหประชาชาติ เมื่อก.ท.ส.ทำตามอำนาจและหน้าที่ แต่ทำผิดไปโดยไปยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ไม่ใช่ศัตรูต่อสหประชาชาติโดยไม่มีอำนาจ ก.ท.ส.ก็ต้องคืนเรือนั้นเมื่อคืนไม่ได้โดยไม่มีข้อแก้ตัวก็ต้องใช้ราคา
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิใช้เงินแต่เฉพาะที่หักจากเงินของศัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยไม่มีเงินของตนเองดังนี้ การที่จำเลยจะมีสินทรัพย์ใช้ให้ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือได้
กองทัพญี่ปุ่นลูกหนี้มอบเรือซึ่งยังไม่เคยมีทะเบียนตีใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนการโอน อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็มีสิทธิครอบครองดีกว่าคนอื่นรวมทั้ง ก.ท.ส. ที่เข้ายึดเรืออันนับว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์ของกองทัพญี่ปุ่นซึ่งไม่มีสิทธิจะเอาเรือนั้นกลับคืนจากโจทก์
โจทก์เป็นจีนฮกเกี้ยนไม่ใช่บุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ โจทก์ได้รับเรือตีใช้หนี้จากกองทัพญี่ปุ่นก่อนญี่ปุ่นแพ้สงคราม เรือนั้นย่อมพ้นสภาพเรือที่ใช้ในการสงคราม
ก.ท.ส.มีอำนาจแต่เฉพาะในทรัพย์สินของศัตรูต่อสหประชาชาติ เมื่อก.ท.ส.ทำตามอำนาจและหน้าที่ แต่ทำผิดไปโดยไปยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ไม่ใช่ศัตรูต่อสหประชาชาติโดยไม่มีอำนาจ ก.ท.ส.ก็ต้องคืนเรือนั้นเมื่อคืนไม่ได้โดยไม่มีข้อแก้ตัวก็ต้องใช้ราคา
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิใช้เงินแต่เฉพาะที่หักจากเงินของศัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยไม่มีเงินของตนเองดังนี้ การที่จำเลยจะมีสินทรัพย์ใช้ให้ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินโดยผู้ไม่เป็นเจ้าของ & ผิดสัญญาชดใช้ค่าเสียหาย
บิดามารดาทำสัญญาจะขายที่ดินของบุตร 2 คน คนหนึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ อีกคนหนึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วแก่บุคคลภายนอก โดยทำสัญญาเป็นหนังสือและรับเงินมัดจำไว้แล้ว ภายหลังเพิกเฉยไม่ดำเนินการจัดการอย่างใดเพื่อปฏิบัติตามสัญญา ดังนี้ ย่อมถือว่าบิดามารดาผิดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อ ส่วนบุตรเป็นคนนอกสัญญาและไม่ปรากฎว่าบิดาเป็นตัวแทน จึงไม่ผูกมัดตามสัญญาและจะบังคับให้บิดามารดาโอนขายที่ดินตามสัญญาไม่ได้เพราะมิใช่ที่ดินของบิดามารดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินโดยผู้ไม่มีอำนาจ บิดามารดาผิดสัญญาต้องชดใช้ค่าเสียหาย
บิดามารดาทำสัญญาจะขายที่ดินของบุตร 2 คน คนหนึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะอีกคนหนึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วแก่บุคคลภายนอก โดยทำสัญญาเป็นหนังสือและรับเงินมัดจำไว้แล้ว ภายหลังเพิกเฉย ไม่ดำเนินการจัดการอย่างใดเพื่อปฏิบัติตามสัญญา ดังนี้ ย่อมถือว่าบิดามารดาผิดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อ ส่วนบุตรเป็นคนนอกสัญญาและไม่ปรากฏว่า บิดาเป็นตัวแทนจึงไม่ผูกมัดตามสัญญา และจะบังคับให้บิดามารดาโอนขายที่ดินตามสัญญาไม่ได้ เพราะมิใช่ที่ดินของบิดามารดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: ผู้รับชำระหนี้ที่ถูกต้องและการระงับความสัมพันธ์ตัวแทน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับ ร.และด. จำเลยขายที่นาพิพาทให้โจทก์ ศาลพิพากษาว่า ร.จำเลยเป็นเจ้าของนา ส่วนด. จำเลยเป็นแต่เพียงตัวแทนไม่ต้องรับผิด จึงให้ ร. จำเลยขายนาให้แก่โจทก์ๆ ได้ครอบครองที่นานั้นอยู่แล้ว โจทก์มีหน้าที่ชำระราคาให้แก่ ร. ตามคำพิพากษา แต่โจทก์กลับไปชำระราคาให้แก่ ด. จำเลยอีกคนหนึ่ง ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้ว ดังนี้ โจทก์ไม่พ้นความรับผิด. ร. จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลยึดที่นาของโจทก์ขายชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: การชำระหนี้ผิดคู่ความไม่อาจถือเป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับ ร. และ ด.จำเลยขายที่นาพิพาทให้โจทก์ ศาลพิพากษาว่า ร.จำเลยเป็นเจ้าของนา ส่วน ด.จำเลยเป็นแต่เพียงตัวแทน ไม่ต้องรับผิด จึงให้ ร.จำเลยขายนาให้แก่โจทก์ ๆ ได้ครอบครองที่นานั้นอยู่แล้ว โจทก์มีหน้าที่ชำระราคาให้แก่ ร.ตามคำพิพากษา แต่โจทก์กลับไปชำระราคาให้แก่ ด. จำเลยอีกคนหนึ่ง ซี่งศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้ว ดังนี้ โจทก์ไม่พ้นความรับผิด ร.จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลยึดที่นาของโจทก์ขายชำระหนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายยามฟ้องลูกยามค้างหนี้ส่งน้ำตาลเคี่ยว แม้เป็นหนี้ร่วมกับผู้อื่น ก็ฟ้องได้
โจทก์เป็นเจ้าของเตาเคี่ยวน้ำตาลหรือนายยาม จำเลยได้ตกลงขอเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลที่เตาของโจทก์โดยผลัดเปลี่ยนกันเข้ายาม ในระหว่างที่จำเลยเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลอยู่นั้น โจทก์ได้เอาน้ำตาลใสส่วนของโจทก์และของคนอื่นๆที่เป็นลูกยามส่งมอบให้จำเลยเคี่ยว เมื่อจำเลยออกยามไปแล้ว มีหน้าที่ต้องทำน้ำตาลใสใช้หนี้โจทก์จนกว่าจะหมดหนี้ แต่จำเลยหาปฏิบัติไม่ กลับเลิกทำน้ำตาลเสีย ดังนี้ แม้หนี้รายนี้จะเป็นของลูกยามอื่นอยู่ด้วยโจทก์ผู้เป็นนายยามก็ย่อมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายยามฟ้องลูกยามชำระหนี้จากน้ำตาลเคี่ยวได้ แม้หนี้มีลูกยามอื่นร่วมด้วย
โจทก์เป็นเจ้าของเตาเคี่ยวน้ำตาลหรือนายยามจำเลยได้ตกลงขอเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลที่เตาของโจทก์ โดยผลัดเปลี่ยนกันเข้ายาม ในระหว่างที่จำเลยเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลอยู่นั้น โจทก์ได้เอาน้ำตาลใสส่วนของโจทก์และของคนอื่น ๆ ที่เป็นลูกยามส่งมอบให้จำเลยเคี่ยว เมื่อจำเลยออกยามไปแล้ว มีหน้าที่ต้องทำน้ำตาลใสใช้หนี้โจทก์จนกว่าจะหมดหนี้ แต่จำเลยหาปฏิบัติไม่ กลับเลิกทำน้ำตาลเสีย ดังนี้ แม้หนี้รายนี้จะเป็นของลูกยามอื่นอยู่ด้วย โจทก์ผู้เป็นนายยามก็ย่อมฟ้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องคดีแพ่งไม่จำเป็นต้องระบุวันเดือนปีที่แน่นอน หากข้อหาและข้อต่อสู้ชัดเจน
ข้อความที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่งนั้น ย่อมต่างกับฟ้องคดีอาญาเพราะในคดีแพ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่และความรับผิดฉะนั้นรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำบางอย่าง จึงมิใช่ข้อสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่ง อย่างที่บังคับไว้ในมาตรา 158 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในคดีแพ่งมีบทบังคับไว้ในมาตรา 172 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่าเมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือนมีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้วจำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่าเมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือนมีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้วจำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องคดีแพ่งไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ระบุวันเดือนปีเกิดสัญญา หากข้อหาและข้อต่อสู้ชัดเจน
ข้อความที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องที่แพ่งนั้น ย่อมต่างกับฟ้องคดีอาญา เพราะในคดีแพ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบ ฉะนั้นรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำบางอย่าง จึงมิใช่ข้อสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่งอย่างที่บังคับไว้ในมาตรา 158 ป.ม.วิ.อาญาในคดีแพ่งมีบทบังคับไว้ในมาตรา 172 ป.ม.วิ.แพ่งแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่า เมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือน มีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์ บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้ว จำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่า เมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือน มีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์ บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้ว จำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว