พบผลลัพธ์ทั้งหมด 771 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องเรียกเงินชำระหนี้จากเช็คและการเลือกใช้สิทธิทางแพ่ง
การที่โจทก์นำเช็คพิพาทซึ่งจำเลยสั่งจ่ายไปฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญาแล้วมาฟ้องเรียกเงินทางแพ่งจากจำเลยอีกนั้น หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่
จำเลยซื้อเชื่อสินค้าไปจากโจทก์และได้ลงนามรับสินค้าไว้ในใบสั่งของทุกครั้ง เมื่อคิดบัญชีกันปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวนหนึ่ง จำเลยจึงออกเช็คตามจำนวนนั้นชำระหนี้ให้โจทก์ดังนี้เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ย่อมฟ้องบังคับจำเลยได้สองทาง คือฟ้องเรียกเงินตามเช็คก็ได้หรือจะฟ้องเรียกเงินค่าซื้อสินค้าตามใบสั่งของก็ได้
จำเลยซื้อเชื่อสินค้าไปจากโจทก์และได้ลงนามรับสินค้าไว้ในใบสั่งของทุกครั้ง เมื่อคิดบัญชีกันปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวนหนึ่ง จำเลยจึงออกเช็คตามจำนวนนั้นชำระหนี้ให้โจทก์ดังนี้เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ย่อมฟ้องบังคับจำเลยได้สองทาง คือฟ้องเรียกเงินตามเช็คก็ได้หรือจะฟ้องเรียกเงินค่าซื้อสินค้าตามใบสั่งของก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องตามเช็คและการฟ้องบังคับชำระหนี้: การใช้สิทธิโดยชอบธรรมและการเลือกทางฟ้อง
การที่โจทก์นำเช็คพิพาทซึ่งจำเลยสั่งจ่ายไปฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญาแล้วมาฟ้องเรียกเงินทางแพ่งจากจำเลยอีกนั้น หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่
จำเลยซื้อเชื่อสินค้าไปจากโจทก์และได้ลงนามรับสินค้าไว้ในใบสั่งของทุกครั้งเมื่อคิดบัญชีกันปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวนหนึ่ง จำเลยจึงออกเช็คตามจำนวนนั้นชำระหนี้ให้โจทก์ ดังนี้เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ย่อมฟ้องบังคับจำเลยได้สองทาง คือฟ้องเรียกเงินตามเช็คก็ได้ หรือจะฟ้องเรียกค่าซื้อสินค้าตามใบสั่งของก็ได้
จำเลยซื้อเชื่อสินค้าไปจากโจทก์และได้ลงนามรับสินค้าไว้ในใบสั่งของทุกครั้งเมื่อคิดบัญชีกันปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวนหนึ่ง จำเลยจึงออกเช็คตามจำนวนนั้นชำระหนี้ให้โจทก์ ดังนี้เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ย่อมฟ้องบังคับจำเลยได้สองทาง คือฟ้องเรียกเงินตามเช็คก็ได้ หรือจะฟ้องเรียกค่าซื้อสินค้าตามใบสั่งของก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเกินกฎหมายทำให้เช็คเป็นโมฆะ ผู้สั่งจ่ายไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้เรียกร้องเอาดอกเบี้ยจากเงินที่โจทก์ร่วมนำมาให้จำเลยยืมไปลงทุนค้าพลอยโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย อันเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ.2475 และจำเลยได้ออกเช็คให้โจทก์ร่วมเพื่อชำระเงินดอกเบี้ยดังกล่าว โจทก์ร่วมย่อมไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับให้ใช้เงินจำนวนตามเช็คนั้นซึ่งมีมูลหนี้โดยผิดกฎหมายได้จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 แม้ขณะที่ออกเช็คนั้น จำเลยจะไม่มีเงินอยู่ในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินจำนวนตามเช็คนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1291/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเกินอัตราทำให้เช็คที่ออกชำระดอกเบี้ยนั้นเป็นโมฆะ ผู้สั่งจ่ายจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้เรียกร้องเอาดอกเบี้ยจากเงินที่โจทก์ร่วมนำมาให้จำเลยยืมไปลงทุนค้าพลอย โดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย อันเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ย เกินอัตรา พ.ศ.2475 และจำเลยได้ออกเช็คให้โจทก์ร่วมเพื่อชำระเงินดอกเบี้ยดังกล่าว โจทก์ร่วมย่อมไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับให้ใช้เงินจำนวนตามเช็คนั้นซึ่งมีมูลหนี้โดยผิดฎกหมายได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 แม้ขณะที่ออกเช็คนั้นจำเลยจะไม่มีเงินอยู่ในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินจำนวนตามเช็คนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1291/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงยุติในคดีก่อนไม่ผูกมัดคดีหลัง ศาลพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนคดีปัจจุบันเป็นสำคัญ
ในคดีก่อนจำเลยเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการฟ้องโจทก์ในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอัน เกิดจากการใช้เช็ค และเบิกความว่าโจทก์ออกเช็คแลกเงินสดไปจากจำเลย ศาลพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ออกเช็คดังกล่าวให้จำเลยเป็นประกันการกู้ยืม โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยกล่าวหาจำเลยฟ้องเท็จและเบิกความเท็จในคดีก่อน ดังนี้คำชี้ขาดของศาลในข้อเท็จจริงในคดีก่อนนั้นต้องถือว่ายุติระหว่างโจทก์จำเลยในคดีนั้น ส่วนคดีหลังนี้ก็ชอบที่ศาลจะต้องพิจารณาพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนคดีนี้เป็นสำคัญ จะถือเอาข้อเท็จจริงซึ่งยุติในคดีก่อนมาผูกมัดให้ศาลวินิจฉัยคดีหลังตามหาได้ไม่ ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเพียงพยานหลักฐานส่วนหนึ่งซึ่งศาลอาจใช้ประกอบการพิจารณาคดีหลังเท่านั้น ศาลจึงวินิจฉัยคดีหลังนี้โดยไม่ต้องถือตามข้อเท็จจริงในคดีเรื่องก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงยุติในคดีก่อนไม่ผูกมัดคดีหลัง ศาลพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนคดีปัจจุบันเป็นสำคัญ
ในคดีก่อน จำเลยเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการฟ้องโจทก์ในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คและเบิกความว่าโจทก์ออกเช็คแลกเงินสดไปจากจำเลย ศาลพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ออกเช็คดังกล่าวให้จำเลยเป็นประกันการกู้ยืมโจทก์จึงมาฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าจำเลยฟ้องเท็จและเบิกความเท็จในคดีก่อน ดังนี้ คำชี้ขาดของศาลในข้อเท็จจริงในคดีก่อนนั้นต้องถือว่ายุติระหว่างโจทก์จำเลยในคดีนั้นส่วนคดีหลังนี้ก็ชอบที่ศาลจะต้องพิจารณาพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนคดีนี้เป็นสำคัญจะถือเอาข้อเท็จจริงซึ่งยุติในคดีก่อนมาผูกมัดให้ศาลวินิจฉัยคดีหลังตามหาได้ไม่ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเพียงพยานหลักฐานส่วนหนึ่งซึ่งศาลอาจใช้ประกอบการพิจารณาคดีหลังเท่านั้นศาลจึงวินิจฉัยคดีหลังนี้โดยไม่ต้องถือตามข้อเท็จจริงในคดีเรื่องก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค: ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ไม่ใช่ความผิดเสมอไป ต้องมีเจตนาที่จะไม่ให้ใช้เงิน
การที่จะเป็นความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น มิใช่ว่าเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้วก็เกิดเป็นความผิดเสมอไปกรณีจะต้องปรากฏด้วยว่าเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินนั้น จำเลยได้ออกด้วยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด้วยเจตนาดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คหรือวันออกเช็คจำเลยเป็นเจ้าหนี้ธนาคารอยู่เป็นจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายซึ่งถือไม่ได้ว่าจำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด(อ้างฎีกาที่ 259/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้ใช้เงิน ต้องพิสูจน์เจตนา
การที่จะเป็นความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น มิใช่ว่าเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว ก็เกิดเป็นความผิดเสมอไป กรณีจะต้องปรากฏด้วยว่าเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินนั้น จำเลยได้ออกด้วยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด้วย เจตนาดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คหรือวันออกเช็ค จำเลยเป็นเจ้าหนี้ธนาคารอยู่เป็นจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายซึ่งถือไม่ได้ว่าจำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น เช่นนี้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด (อ้างฎีกาที่ 259/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะผู้ทรงเช็คเมื่อนำเช็คเข้าบัญชีผู้อื่น และการเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานออกเช็คโดยไม่มีเงิน
จำเลยยืมเงินจากโจทก์ และออกเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถือมอบให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 ต่อมาโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีผู้อื่น โดยยื่นเช็คต่อธนาคารให้เรียกเก็บเงินเองตราบที่เรียกเก็บเงินไม่ได้ และโจทก์ไม่ได้โอนเช็คให้ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คนั้นอยู่ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินมายังโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คและการเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานออกเช็คโดยไม่มีเงินเพียงพอ
จำเลยยืมเงินจากโจทก์ และออกเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถือ มอบให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 ต่อมาโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีผู้อื่น โดยยื่นเช็คต่อธนาคารให้เรียกเก็บเงินเอง ตราบที่เรียกเก็บเงินไม่ได้ และโจทก์ไม่ได้โอนเช็คให้ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คนั้นอยู่ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินมายังโจทก์โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)