พบผลลัพธ์ทั้งหมด 771 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดใช้เช็ค – ธนาคารต้องปฏิเสธการจ่ายเงินก่อน จึงจะมีความผิด
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 นั้น จะเป็นความผิดต่อเมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็ค อันเป็นองค์ประกอบของความผิด ฉะนั้นเพียงแต่ผู้จัดการธนาคารติดต่อให้ผู้ออกเช็คเอาเงินเข้าบัญชีแล้วไม่ได้ผลจึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีเช่นนี้ จึงยังเอาผิดแก่ผู้ออกเช็คไม่ได้ ถึงหากธนาคารนั้นจะเป็นผู้ทรงเช็คเองก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจร้องทุกข์ในความผิดเช็ค: ผู้เสียหายที่แท้จริงคือผู้รับเช็คโดยตรง
จำเลยออกเช็คให้บริษัทผู้ขายเพื่อผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อจากบริษัทผู้ขาย บริษัทผู้ขายมอบเช็คให้นายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทไว้เพื่อเอาไปขึ้นเงินส่งให้บริษัทนายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทนำเช็คไปขึ้นเงินธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยแจ้งว่าจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย บริษัทผู้ขายเป็นผู้เสียหายนายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทผู้ขายซึ่งไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจร้องทุกข์ในคดีเช็ค: ผู้รับมอบอำนาจรับเงินแทนบริษัทไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย
จำเลยออกเช็คให้บริษัทผู้ขายเพื่อผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อจากบริษัทผู้ขาย บริษัทผู้ขายมอบเช็คให้นายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทไว้เพื่อเอาไปขึ้นเงินส่งให้บริษัท นายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทนำเช็คไปขึ้นเงินธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยแจ้งว่าจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย บริษัทผู้ขายเป็นผู้เสียหาย นายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทผู้ขายซึ่งไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - เช็คยังไม่สมบูรณ์ - สัญญาจะซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์ - การไม่มีมูลหนี้
ผู้เสียหายขายที่ดินให้จำเลยราคาเท่าจำนวนเงินในเช็ค แต่ทำสัญญาจะซื้อขายกำหนดราคาเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าของจำนวนเงินในเช็คโดยรู้กันว่าเพื่อจะให้จำเลยวิ่งเต้นนำที่ดินไปจำนองธนาคารในราคาสูงกว่าที่ซื้อโดยไม่คิดจะไถ่จำนอง จำนวนเงินจำนองที่สูงกว่าจำนวนเงินในเช็คให้ตกเป็นของจำเลยผู้วิ่งเต้นจำนอง ทั้งนี้โดยผู้เสียหายรู้ดีว่าจำเลยไม่มีเงินฝากในธนาคารพอจ่าย และการออกเช็คก็เพื่อให้สมรูปกับการอำพรางว่ามีการวางมัดจำตามที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อขาย ผู้เห็นสัญญาจะได้เห็นจริงเห็นจังไปด้วย
เช็คฉบับนี้จะเกิดมูลหนี้ต่อกันก็เมื่อจำเลยทำจำนองได้เงินมาแล้วเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายกลับนำเช็คไปขอรับเงินทั้งที่รู้ว่าจำเลยยังทำจำนองไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเช็คยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยไม่ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด และไม่มีความผิดฐานออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้
เช็คฉบับนี้จะเกิดมูลหนี้ต่อกันก็เมื่อจำเลยทำจำนองได้เงินมาแล้วเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายกลับนำเช็คไปขอรับเงินทั้งที่รู้ว่าจำเลยยังทำจำนองไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเช็คยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยไม่ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด และไม่มีความผิดฐานออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คยังไม่สมบูรณ์: เงื่อนไขจำนองไม่สำเร็จ ผู้รับเช็คทราบแต่ยังขอขึ้นเงิน ผู้ออกเช็คไม่มีความผิด
ออกเช็คโดยมีข้อตกลงกันไว้ว่า ให้เกิดมูลหนี้ต่อกันขึ้นต่อเมื่อผู้ออกเช็คได้จำนองที่ดินได้เงินมาจากธนาคารแล้ว การที่ผู้เสียหายกลับนำเช็คนั้นไปขอรับเงินจากธนาคารโดยรู้อยู่แล้วว่าผู้ออกเช็คยังทำจำนองไม่ได้เช่นนี้ ต้องถือว่าเช็คนั้นยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คผู้ออกเช็คยังไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คเกินจำนวนเงินในบัญชี ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค แม้ผู้ทรงเช็คยื่นเช็คล่าช้า
เช็คซึ่งให้ใช้เงินในเมืองเดียวกันกับที่ออกเช็ค ถ้าผู้ทรงเช็คไม่ยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันออกเช็คนั้นก็ทำให้ผู้ทรงเช็คเสียสิทธิบางอย่างดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 990 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เท่านั้น ไม่ทำให้ผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ พ้นผิดไปด้วย
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 อันเป็นบริษัทนิติบุคคลจำเลยที่ 3 เป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 2 กับที่ 3 เซ็นชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คในนามของบริษัทจำเลยที่ 1 ให้ใช้เงินสูงกว่าจำนวนที่มีอยู่ในบัญชีในขณะที่ออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ดังนี้ จำเลยที่ 2,3 ย่อมได้ชื่อว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ออกเช็ครายนี้ จึงต้องมีความผิดในฐานเป็นตัวการด้วย
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 อันเป็นบริษัทนิติบุคคลจำเลยที่ 3 เป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 2 กับที่ 3 เซ็นชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คในนามของบริษัทจำเลยที่ 1 ให้ใช้เงินสูงกว่าจำนวนที่มีอยู่ในบัญชีในขณะที่ออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ดังนี้ จำเลยที่ 2,3 ย่อมได้ชื่อว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ออกเช็ครายนี้ จึงต้องมีความผิดในฐานเป็นตัวการด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คที่ไม่มีเงินรองรับ และความรับผิดของกรรมการบริษัทในฐานะตัวการ
เช็คซึ่งให้ใช้เงินในเมืองเดียวกันกับที่ออกเช็ค ถ้าผู้ทรงเช็คไม่ยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันออกเช็คนั้น ก็ทำให้ผู้ทรงเช็คเสียสิทธิบางอย่างดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 940 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เท่านั้น ไม่ทำให้ผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ พ้นผิดไปด้วย
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 อันเป็นบริษัทนิติบุคคล จำเลยที่ 3 เป็นกรรมการของบริษัท จำเลยที่ 2 กับที่ 3 เซ็นชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คในามของบริษัทจำเลยที่ 1 ให้ใช้เงินสูงกว่าจำนวนที่มีอยู่ในบัญชีในขณะทีออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ดังนี้ จำเลยที่2,3 ย่อมได้ชื่อว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ออกเช็ครายนี้ จึงต้องมีความผิดในฐานเป็นตัวการด้วย
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 อันเป็นบริษัทนิติบุคคล จำเลยที่ 3 เป็นกรรมการของบริษัท จำเลยที่ 2 กับที่ 3 เซ็นชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คในามของบริษัทจำเลยที่ 1 ให้ใช้เงินสูงกว่าจำนวนที่มีอยู่ในบัญชีในขณะทีออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ดังนี้ จำเลยที่2,3 ย่อมได้ชื่อว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ออกเช็ครายนี้ จึงต้องมีความผิดในฐานเป็นตัวการด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1902/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีเช็ค: แม้พิมพ์ชื่อ พ.ร.บ. ผิดพลาด แต่ฟ้องยังชอบด้วยกฎหมาย หากแก้ไขได้โดยไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
หน้าฟ้องลงข้อหาว่า ผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้เช็คคำบรรยายฟ้องก็ชัดแจ้งว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินโดยมีเจตนาจะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค แต่ในช่องกฎหมายและบทมาตราที่โจทก์ถือว่าจำเลยกระทำความผิดนั้นลงไว้แต่เพียงว่า มาตรา 3(1)(3)(5) ดังนี้ เมื่อมีพฤติการณ์แสดงว่าน่าจะเนื่องจากความพลั้งเผลอ โจทก์จึงมิได้พิมพ์หรือเขียนชื่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ลงข้างหน้ามาตรา และหากให้โจทก์ทำเสียให้ครบบริบูรณ์ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายแล้ว ศาลย่อมสั่งให้โจทก์แก้ไขคำขอท้ายฟ้องให้ครบบริบูรณ์ (คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ แล้วแถลงข้อบกพร่องนี้ก่อนสืบพยานโจทก์)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1902/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีเช็ค: แม้ฟ้องอ้างมาตราไม่ครบถ้วน แต่เนื้อหาความผิดชัดเจน ศาลอนุญาตให้แก้ไขได้
หน้าฟ้องข้อหาว่า ผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้เข็ด คำบรรยายฟ้องก็ชัดแจ้งว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินโดยมีเจตนาจะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค แก่ในช่องกฎหมายและบทมาตราที่โจทก์ถือว่าจำเลยกระทำความผิดนั้นลงไว้แต่เพียงว่า มาตรา 3(1) (3) (5) ดังนี้ เมื่อมีพฤติการณ์แสดงว่าน่าจะเนื่องจากความพลั้งเผลอ โจทก์จึงมิได้พิมพ์หรือเขียนชื่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ลงข้างหน้ามาตรา และหากให้โจทก์ทำเสียให้ครบบริบูรณ์ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายแล้ว ศาลย่อมสั่งให้โจทก์แก้ไขคำขอท้ายฟ้องให้ครบบริบูรณ์ (คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ แล้วแถลงข้อบกพร่องนี้ก่อนสืบพยานโจทก์)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีความผิดต่อส่วนตัวทำให้สิทธิฟ้องระงับ
คดีความผิดต่อส่วนตัวนั้นเมื่อผู้เสียหายได้ทำสัญญาจะถอนฟ้องไม่ดำเนินคดีแก่จำเลยแล้ว ย่อมมีผลเป็นการยอมความ ทำให้สิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามกฎหมายด้วย