พบผลลัพธ์ทั้งหมด 771 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธการจ่ายเช็คเนื่องจากเช็คหมดอายุ ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยที่ 2 สั่งจ่ายเช็คพิพาทมอบให้โจทก์ ต่อมาโจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินตามเช็ค การที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยให้เหตุผลว่า "เช็คพ้นกำหนดการจ่ายเงิน" นั้นไม่ใช่เป็นการปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คตามที่ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 บัญญัติไว้ การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธเช็คด้วยเหตุผล 'เช็คพ้นกำหนด' ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
การที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยให้เหตุผลว่า"เช็คพ้นกำหนดการจ่ายเงิน" ไม่ใช่เป็นการปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คอันเป็นความผิดตามที่พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 บัญญัติไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6440/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียก แม้จะวางเงินค่าส่งแล้ว
ในคดีอาญาศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาและนัดสืบพยานโจทก์ ให้โจทก์นำส่งหมายภายใน7 วัน หากไม่นำส่งให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง โจทก์ทราบคำสั่งแล้วทนายโจทก์นำเงินค่าส่งหมายไปวางต่อเจ้าพนักงานศาลแต่มิได้นำส่งถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบ อันเป็นการทิ้งฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์เสียจากสารบบความ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1)ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6223/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คค้ำประกันหนี้ ไม่ใช่เช็คชำระหนี้ การออกเช็คเพื่อประกันการยืมเงิน ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ครั้งแรกที่จำเลยยืมเงินโจทก์ โจทก์ได้ไปเปิดบัญชีให้จำเลยเพื่อให้จำเลยออกเช็คมาใช้เงินแก่โจทก์ หลังจากนั้นจำเลยได้นำเงินสดมาชำระแก่โจทก์ การยืมเงินครั้งที่สองครั้งที่สามจำเลยออกเช็คมอบให้โจทก์ไว้ครั้งละ 1 ฉบับ ก็เพื่อเป็นประกันว่าจำเลยจะไม่โกงเงินที่จำเลยยืมไปแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้ออกเช็คทั้งสามฉบับดังกล่าวมอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินที่จำเลยยืมไปจากโจทก์เท่านั้น เช็คพิพาท 2 ฉบับเป็นเช็คที่จำเลยมอบให้โจทก์ในการยืมเงินครั้งที่ 4 และครั้งที่ 5 เพื่อประกันเงินจำนวนที่จำเลยยืมไปเช่นเดียวกับเช็คฉบับก่อน ๆ โดยโจทก์จำเลยไม่มีเจตนาจะให้ใช้เช็คพิพาทเป็นการชำระหนี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6223/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อประกันการชำระหนี้ ไม่ถือเป็นเช็คใช้ตามกฎหมาย
ครั้งแรกที่จำเลยยืมเงินโจทก์ โจทก์ได้ไปเปิดบัญชีให้จำเลยเพื่อให้จำเลยออกเช็คมาใช้เงินแก่โจทก์ หลังจากนั้นจำเลยได้นำเงินสดมาชำระแก่โจทก์ การยืมเงินครั้งที่สองครั้งที่สามจำเลยออกเช็คมอบให้โจทก์ไว้ครั้งละ 1 ฉบับ ก็เพื่อเป็นประกันว่าจำเลยจะไม่โกงเงินที่จำเลยยืมไปแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้ออกเช็คทั้งสามฉบับดังกล่าวมอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินที่จำเลยยืมไปจากโจทก์เท่านั้น เช็คพิพาท 2 ฉบับเป็นเช็คที่จำเลยมอบให้โจทก์ในการยืมเงินครั้งที่ 4 และครั้งที่ 5 เพื่อประกันเงินจำนวนที่จำเลยยืมไปเช่นเดียวกับเช็คฉบับก่อน ๆ โดยโจทก์จำเลยไม่มีเจตนาจะให้ใช้เช็คพิพาทเป็นการชำระหนี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6120/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานออกเช็คไม่มีเงินเพียงพอ และผู้เสียหายจากการรับสับเปลี่ยนเช็ค
การที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้ให้ ส.แล้วส.นำไปแลกเงินสดจากโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมนำเช็คดังกล่าวฝากเข้าบัญชีของบริษัทเงินทุนช. เพื่อให้เรียกเก็บเงินแทนให้ทันในวันเดียวกัน เนื่องจากเป็นเช็คขีดคร่อมและโจทก์ร่วมเป็นลูกจ้างของบริษัทเงินทุนดังกล่าวนั้น โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตามกฎหมาย เมื่อขึ้นเงินตามเช็คไม่ได้ ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์ได้ ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 3 ได้ยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497และเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลย จึงให้ใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534แทน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5417/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีเช็ค: ศาลรับฟังวันที่โจทก์ทราบการกระทำผิดจากคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
ในชั้นพิจารณา โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า โจทก์ทราบถึงการกระทำผิดเมื่อใด แต่โจทก์ได้เบิกความไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่าโจทก์ทราบถึงการกระทำผิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2528 คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นเอกสารที่ใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาได้ ดังนั้น เมื่อนำคำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมาฟังประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นพิจารณาแล้ว ฟังได้ว่าโจทก์ทราบถึงการกระทำผิด เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2528 โจทก์ฟ้องคดีไม่เกินกำหนด3 เดือนนับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการกระทำผิด คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4726/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เสียหายโดยนิตินัยในความผิดเช็ค: เจ้าของเงินกู้ที่แท้จริง
จำเลยกู้ยืมเงินจากผู้เสียหาย ส่วน ภ. เป็นเพียงตัวแทนของผู้เสียหายในการให้จำเลยกู้ยืมเงิน ดังนั้นความเสียหายที่แท้จริง จึงอยู่ที่ผู้เสียหายผู้เป็นเจ้าของเงินกู้ เมื่อเช็คที่จำเลย สั่งจ่ายถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้เสียหายย่อมได้รับ ความเสียหาย จึงถือว่าเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4718/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล และการยื่นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบตามกฎหมาย
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์ยื่นสำเนาอุทธรณ์ต่อศาลเพื่อส่งให้แก่จำเลยอุทธรณ์และตามแบบพิมพ์ของศาลท้ายอุทธรณ์ได้ระบุไว้ว่าโจทก์ได้ยื่นสำเนาอุทธรณ์โดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วยหนึ่งฉบับดังนั้นการที่ทนายโจทก์ได้ลงลายมือจริงไว้ในอุทธรณ์หาใช่เป็นการยื่นสำเนาอุทธรณ์โดยมีการรับรองข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันไม่ เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้โจทก์หรือทนายโจทก์มาลงชื่อรับรองสำเนาอุทธรณ์เสียให้ถูกต้อง แต่โจทก์กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ออกจากสารบทความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 132,174(2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ฉบับแรกของโจทก์โดยมีเงื่อนไขว่าโจทก์หรือทนายโจทก์จะต้องมาลงชื่อรับรองสำเนาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน แต่โจทก์กลับส่งอุทธรณ์และสำเนาอุทธรณ์ฉบับที่สองซึ่งมีข้อความเหมือนอุทธรณ์ฉบับแรกมายังศาลโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ถือไม่ได้ว่าเป็นการยื่นอุทธรณ์ และสำเนาอุทธรณ์โดยชอบเพราะอุทธรณ์เป็นคำคู่ความ โจทก์จะต้องนำมายื่นต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 และมาตรา 229ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 จึงไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4707/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้ใช้เงินได้ ผู้ทรงเช็คมีอำนาจฟ้อง แม้จะมีการชำระหนี้แล้ว ความผิดต่างกรรมต่างวาระ
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทในขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายย่อมมีอำนาจที่จะนำเช็คพิพาทมาฟ้องดำเนินคดีแก่จำเลยผู้ออกเช็คพิพาทได้ หลังจากโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องคดีแล้ว ส.ได้ชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์นั้นเป็นกรณีที่ความรับผิดในส่วนแพ่งเกี่ยวกับเช็คพิพาทที่มีต่อโจทก์ระงับไปเท่านั้นคดีอาญาหายกเลิกไปไม่ โจทก์ยังคงเป็นผู้เสียหายในส่วนอาญาอยู่ จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทโดยประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 2ที่ 3 ออกเช็คพิพาทในฐานะส่วนตัวต่างหากจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาท เมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงมีความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับ จำเลยที่ 2 ที่ 3 อาจมีเจตนาใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกกันได้ ความผิดสำหรับเช็คแต่ละฉบับจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน หาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวกันไม่