คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ม. 3

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 771 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4268/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมในความผิดเช็ค: ผู้สลักหลังเช็คก็มีความผิดได้หากมีเจตนาออกเช็คเพื่อชำระหนี้
พ.ร.บ.เป็นกฎหมายในส่วนอาญาซึ่ง ป.อ.มาตรา 17 บัญญัติว่า บทบัญญัติในภาค 2 แห่ง ป.อ. ใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ดังนั้น คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ตามพ.ร.บ.ดังกล่าว มาตรา 3 จึงมิได้มีความหมายเฉพาะผู้ออกเช็คในฐานะผู้สั่งจ่ายเท่านั้นที่จะเป็นผู้กระทำความผิดได้ บุคคลอื่นแม้มิใช่ผู้สั่งจ่ายก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ออกเช็คโดยเป็นตัวการร่วมกันตาม ป.อ. มาตรา 83 ได้ โจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกันสั่งจ่ายเช็คกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3เพื่อชำระหนี้ในการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรแม้จำเลยที่ 4 จะเป็นผู้สลักหลังเช็คมิใช่ผู้สั่งจ่ายเช็ค แต่ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 4 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3กรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ออกเช็คของบริษัทจำเลยที่ 1 เพื่อชำระหนี้นั้น เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 4 จึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4268/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมออกเช็ค – แม้เป็นผู้สลักหลังก็มีความผิดได้ตาม พ.ร.บ. เช็ค
พระราชบัญญัติเป็นกฎหมายในส่วนอาญาซึ่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 17 บัญญัติว่า บทบัญญัติในภาค 2 แห่งประมวลกฎหมายอาญาใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ดังนั้น คำว่า"ผู้ใดออกเช็ค" ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 3 จึงมิได้มีความหมายเฉพาะผู้ออกเช็คในฐานะผู้สั่งจ่ายเท่านั้นที่จะเป็นผู้กระทำความผิดได้ บุคคลอื่นแม้มิใช่ผู้สั่งจ่ายก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ออกเช็คโดยเป็นตัวการร่วมกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ได้ โจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกันสั่งจ่ายเช็คกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เพื่อชำระหนี้ในการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรแม้จำเลยที่ 4 จะเป็นผู้สลักหลังเช็คมิใช่ผู้สั่งจ่ายเช็ค แต่ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 4 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 กรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ออกเช็คของบริษัทจำเลยที่ 1 เพื่อชำระหนี้นั้น เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 4 จึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3946/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงิน แม้ไม่ได้ลงลายมือชื่อ แต่มีส่วนร่วมในการออกเช็ค
แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทแต่การที่จำเลยที่ 4 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแล้วยังเป็นผู้ดำเนินกิจการของบริษัทจำเลยที่ 1 และได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในการออกเช็คชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยวางแผนแบ่งหน้าที่ให้จำเลยที่ 2ที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการมีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ด้วยการกรอกรายการ และลงลายมือชื่อในเช็คแล้วจำเลยที่ 4 รับมา ตรวจ และประทับตราสำคัญจำเลยที่ 1 อันทำให้รายการของเช็คสมบูรณ์เป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คแล้ว โจทก์บรรยายฟ้องเป็นที่เข้าใจว่า จำเลยร่วมกันออกเช็คที่มีรายการสมบูรณ์เป็นตราสารชำระหนี้ตามกฎหมายตามสำเนาภาพถ่ายเช็คและหลักฐานการปฏิเสธการจ่ายเงินของธนาคารที่แนบมาท้ายฟ้องเป็นฟ้องที่บรรยายการกระทำที่อ้างว่าเป็นความผิดเพียงพอที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3946/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมในการออกเช็คเพื่อฉ้อโกง แม้ไม่ได้ลงลายมือชื่อ
แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาท แต่การที่จำเลยที่ 4เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแล้วยังเป็นผู้ดำเนินกิจการของบริษัทจำเลยที่ 1 และได้ร่วมกับจำเลยที่ 2ที่ 3 ในการออกเช็คชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยวางแผนแบ่งหน้าที่ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการมีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ด้วยการกรอกรายการ และลงลายมือชื่อในเช็คแล้วจำเลยที่ 4 รับมาตรวจและประทับตราสำคัญจำเลยที่ 1 อันทำให้รายการของเช็คสมบูรณ์เป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นที่เข้าใจว่า จำเลยร่วมกันออกเช็คที่มีรายการสมบูรณ์เป็นตราสารชำระหนี้ตามกฎหมายตามสำเนาภาพถ่ายเช็คและหลักฐานการปฏิเสธการจ่ายเงินของธนาคารที่แนบมาท้ายฟ้อง เป็นฟ้องที่บรรยายการกระทำที่อ้างว่าเป็นความผิดเพียงพอที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมกันออกเช็คผิดกฎหมาย แม้ไม่ใช่ผู้ออกเช็คโดยตรง ศาลพิจารณาลดโทษจากความเสียหายที่ชดใช้
คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้นมิได้หมายความว่า ผู้ที่จะมีความผิดคือผู้ออกเช็คเท่านั้น แต่อาจจะมีผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกันกับผู้ออกเช็ค และถือว่าเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้ จำเลยที่ 2 เป็นหนี้เงินยืมโจทก์และนำเช็คพิพาทที่จำเลยที่ 1เป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายมากรอกข้อความต่อหน้าโจทก์ แล้วลงชื่อสลักหลังมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้เงินยืมโดยรับรองว่าเช็คพิพาทสามารถนำไปขึ้นเงินได้แน่นอน เช่นนี้ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คพิพาทโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 แต่ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2499 เป็นเรื่องพิมพ์ผิดพลาด ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นให้ตรงตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190ประกอบกับมาตรา 215 และ 225 และไม่ถือเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 2แต่อย่างใด ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 ได้วางเงินจำนวนตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กระทรวงยุติธรรม และได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว เป็นการบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้นประกอบกับจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อคำนึงถึงอายุและประวัติของจำเลยที่ 2 ที่เป็นข้าราชการบำนาญ ได้รับพระราชทานยศครั้งสุดท้ายเป็นพลโทและเกษียณราชการโดยไม่มีประวัติด่างพร้อยด้วยแล้ว ศาลฎีการอการลงโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงิน ผู้ร่วมกระทำผิดมีส่วนรับผิดชอบ
คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้น มิได้หมายความว่า ผู้ที่จะมีความผิดคือผู้ออกเช็คเท่านั้น แต่อาจจะมีผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกันกับผู้ออกเช็ค และถือว่าเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้
จำเลยที่ 2 เป็นหนี้เงินยืมโจทก์และนำเช็คพิพาทที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายมากรอกข้อความต่อหน้าโจทก์ แล้วลงชื่อสลักหลังมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้เงินยืมโดยรับรองว่าเช็คพิพาทสามารถนำไปขึ้นเงินได้แน่นอน เช่นนี้ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คพิพาทโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 แต่ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2499 เป็นเรื่องพิมพ์ผิดพลาด ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นให้ตรงตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 ประกอบกับมาตรา 215 และ 225 และไม่ถือเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 2 แต่อย่างใด
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 ได้วางเงินจำนวนตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กระทรวงยุติธรรม และได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับเงินจำนวนดังกล่าวแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น ประกอบกับจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อคำนึงถึงอายุและประวัติของจำเลยที่ 2 ที่เป็นข้าราชการบำนาญ ได้รับพระราชทานยศครั้งสุดท้ายเป็นพลโทและเกษียณราชการโดยไม่มีประวัติด่างพร้อยด้วยแล้ว ศาลฎีการอการลงโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2523/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็ค-แจ้งความเท็จ: ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค และ ป.อาญา ม.267
จำเลยทำสัญญากู้เงิน โดยตกลงกันว่าหากจำเลยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำเลยจะชำระหนี้เงินกู้ภายในหนึ่งเดือนและได้ออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้เงินกู้ดังกล่าวลงวันที่ล่วงหน้าตามสัญญา แม้ต่อมาจำเลยไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่การที่จำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้เงินกู้ตั้งแต่แรก จำเลยย่อมคาดหวังว่าจะได้รับเลือกตั้งแน่นอน หาใช่ออกเช็คพิพาทเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ไม่เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 การที่จำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าสมุดเช็ค หายทั้งเล่ม หลังจากออกเช็คพิพาทเพียง 3 วันจำเลย จะอ้างว่าไม่มีเจตนาแจ้งว่าเช็คพิพาทหายหาได้ไม่ เพราะเช็คพิพาทรวมอยู่ในสมุดเช็คดังกล่าวด้วยซึ่งสามัญสำนึกของบุคคลเช่นจำเลยที่มีความรู้และยังสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยย่อมต้องรู้ถึงผลของการกระทำของตนเองดีว่าเป็นการแจ้งความเท็จให้เจ้าพนักงานจดข้อความดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2502/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทดอกเบี้ยเกินอัตรา: การกระทำผิดทางอาญาต้องพิจารณาจากการกระทำของจำเลยโดยตรง
เช็คพิพาทที่จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมให้แก่ อ.มีดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วย การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายย่อมเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 อ.ไม่มีสิทธิที่จะทำได้ การออกเช็ครายนี้จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทโดยไม่เป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว แม้ อ.จะโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วม โดยโจทก์ร่วมไม่ทราบว่ามีดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วยก็ตาม ก็ไม่ทำให้การออกเช็คของจำเลยซึ่งไม่ผิดกฎหมายกลับเป็นผิดกฎหมายขึ้นมาอีก เพราะจำเลยจะรับผิดในทางอาญาต้องเป็นการกระทำของจำเลย มิใช่จะถือเอาข้อที่โจทก์ร่วมได้รับเช็คมาโดยไม่ทราบว่าเช็คดังกล่าวมีดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่มาเป็นข้อกำหนดความผิดจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2502/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทดอกเบี้ยเกินอัตรา: การออกเช็คไม่เป็นความผิด หากดอกเบี้ยผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น
เช็คพิพาทที่จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมให้แก่ อ. มีดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วย การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายย่อมเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 อ. ไม่มีสิทธิที่จะทำได้ การออกเช็ครายนี้จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทโดยไม่เป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว แม้ อ. จะโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วม โดยโจทก์ร่วมไม่ทราบว่ามี ดอกเบี้ย เกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วยก็ตาม ก็ไม่ทำให้ออกเช็คของจำเลยซึ่งไม่ผิดกฎหมายกลับเป็นผิดกฎหมายขึ้นมาอีกเพราะจำเลยจะรับผิดในทางอาญาต้องเป็นการกระทำของจำเลย มิใช่จะถือเอาข้อที่โจทก์ร่วมได้รับเช็คมาโดยไม่ทราบว่าเช็คดังกล่าวมี ดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่มาเป็นข้อกำหนดความผิดจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2370/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาห้ามในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่าง และประเด็นการกระทำผิดร่วมกันออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยลงโทษปรับสถานเดียว คดีของจำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 การที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เงินที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 นำเช็คแลกเงินสดทั้งสองฉบับเป็นเงินที่โจทก์มีอำนาจใช้สอยได้ บิดาโจทก์มอบให้โจทก์ไว้โดยเสน่หาเป็นเงินสดส่วนตัวของโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คแล้วจำเลยฎีกาว่าการรับแลกเช็คคดีนี้เป็นการกู้ยืมเงินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2โดยเอาเช็คจำเลยที่ 1 เป็นประกันโดยมิชอบ โจทก์รับแลกเช็คแทนบิดามารดาโจทก์ และจำเลยที่ 2 ร่วมกับนายทองเจือ ปลอมเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามตามกฎหมาย เช็คพิพาทเป็นเช็คของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมีจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการในขณะนั้นลงชื่อโดยถูกต้องแต่ลายมือชื่อที่ลงร่วมด้วยไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 นำเช็คพิพาทมาแลกเงินสดจากโจทก์ การสั่งจ่ายเช็คของห้างจำเลยที่ 1นี้เป็นเรื่องระหว่างธนาคารตามเช็คกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1เป็นนิติบุคคล การกระทำของจำเลยที่ 1 มีจำเลยที่ 2หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้กระทำแทน เมื่อเช็คพิพาทถูกธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยเหตุผลว่าไม่มีเงินในบัญชีพึงให้ใช้เงินตามเช็คกรณีก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องส่วนลายมือชื่อของจำเลยที่ 3 เป็นลายมือชื่อปลอม ไม่เหมือนกับตัวอย่างที่ให้ไว้แก่ธนาคารนั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าผู้ใดปลอมขึ้น แต่ก็ย่อมเห็นเจตนาได้ว่าเป็นการปลอมขึ้นเพื่อให้เหมือนตัวอย่าง ลายมือชื่อที่จำเลยที่ 3 ให้ไว้แก่ธนาคารและตามข้อตกลงที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับธนาคารซึ่งโจทก์เป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ร่วมรู้เห็นด้วย ดังนี้ แม้ลายมือชื่อจำเลยที่ 3 จะเป็นลายมือชื่อปลอมก็มีผลเพียงทำให้คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำผิดไม่มีผลให้การกระทำในส่วนของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ที่เป็นความผิดตามฟ้องแล้วเปลี่ยนแปลงไป.
of 78