คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสลา หัมพานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 283 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลอดแก้วบรรจุยาฉีดเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77 แม้โรงงานจะนำไปบรรจุยา
หลอดแก้วซึ่งสั่งมาจากต่างประเทศเพื่อให้โรงงานผลิตยาใช้สำหรับบรรจุยาฉีดนั้น. เป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 77. เพราะใช้บรรจุยาฉีดได้ทันที.โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่นก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลอดแก้วบรรจุยาฉีดเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามประมวลรัษฎากร แม้โรงงานจะนำไปบรรจุยาฉีดก็ไม่ถือเป็นการเสียภาษีซ้ำ
หลอดแก้วซึ่งสั่งมาจากต่างประเทศเพื่อให้โรงงานผลิตยาใช้สำหรับบรรจุยาฉีดนั้น เป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 77 เพราะใช้บรรจุยาฉีดได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่นก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลอดแก้วบรรจุยาฉีดเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77 แม้จะนำไปใช้บรรจุยาฉีดต่อ
หลอดแก้วซึ่งสั่งมาจากต่างประเทศเพื่อให้โรงงานผลิตยาใช้สำหรับบรรจุยาฉีดนั้น เป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 77 เพราะใช้บรรจุยาฉีดได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่นก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนในการระบุสถานที่กระทำผิดในคดีอาญา และการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
คำบรรยายฟ้องที่ไม่ถือว่าเคลือบคลุม
กฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานโจทก์เท่านั้น มิได้ห้ามโจทก์อ้างผู้ที่กระทำผิดเช่นเดียวกับจำเลยมาเป็นพยาน
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแผ้วถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่โดยรอบ จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่า เป็นการถางที่มีประโยชน์ที่ไม่มีสภาพเป็นป่า ข้อเถียงดังนี้เป็นการเถียงข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาฐานทำลายป่า: สถานที่กระทำผิดต้องระบุชัดเจน และการอ้างพยานผู้กระทำผิดก็ทำได้
คำบรรยายฟ้องที่ไม่ถือว่าเคลือบคลุมกฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานโจทก์เท่านั้นมิได้ห้ามโจทก์อ้างผู้ที่กระทำผิดเช่นเดียวกับจำเลยมาเป็นพยาน
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแผ้วถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่โดยรอบจำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่า เป็นการถางที่มีประโยชน์ที่ไม่มีสภาพเป็นป่า ข้อเถียงดังนี้เป็นการเถียงข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนในการบรรยายฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับป่าไม้ และข้อจำกัดในการอ้างพยานร่วมกระทำผิด
คำบรรยายฟ้องที่ไม่ถือว่าเคลือบคลุม.
กฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานโจทก์เท่านั้น. มิได้ห้ามโจทก์อ้างผู้ที่กระทำผิดเช่นเดียวกับจำเลยมาเป็นพยาน.
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแผ้วถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่โดยรอบ. จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่า.เป็นการถางที่มีประโยชน์ที่ไม่มีสภาพเป็นป่า. ข้อเถียงดังนี้เป็นการเถียงข้อเท็จจริง. จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมทุนทรัพย์ฟ้องเดิมกับฟ้องแย้งเพื่อพิจารณาข้อห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248
คดีตามฟ้องโจทก์มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 5,000 บาท. ส่วนคดีตามฟ้องแย้งของจำเลยก็มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 5,000 บาท.ฟ้องเดิมกับฟ้องแย้งเป็นคนละคดีจะถือเอาทุนทรัพย์รวมกันเพื่อพิจารณาว่าฎีกานั้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 หรือไม่. ย่อมไม่ได้. ฎีกาจำเลยจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมทุนทรัพย์ฟ้องเดิมและฟ้องแย้งเพื่อพิจารณาข้อห้ามฎีกา: ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องทั้งสองเป็นคนละคดี จึงไม่สามารถรวมทุนทรัพย์กันได้
คดีตามฟ้องโจทก์มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 5,000 บาท ส่วนคดีตามฟ้องแย้งของจำเลยก็มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 5,000 บาท ฟ้องเดิมกับฟ้องแย้งเป็นคนละคดีจะถือเอาทุนทรัพย์รวมกันเพื่อพิจารณาว่าฎีกานั้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 หรือไม่ ย่อมไม่ได้ ฎีกาจำเลยจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมทุนทรัพย์ฟ้องเดิมและฟ้องแย้งเพื่อพิจารณาข้อห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คดีตามฟ้องโจทก์มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 5,000 บาท ส่วนคดีตามฟ้องแย้งของจำเลยก็มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 5,000 บาทฟ้องเดิมกับฟ้องแย้งเป็นคนละคดีจะถือเอาทุนทรัพย์รวมกันเพื่อพิจารณาว่าฎีกานั้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 หรือไม่ ย่อมไม่ได้ ฎีกาจำเลยจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ: การยกเลิกเฉพาะส่วนของสัญญาจากข้อตกลงประนีประนอม และสิทธิในการบังคับคดีตามสัญญาที่เหลือ
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินจากจำเลย. โจทก์ค้างค่าเช่าซื้องวดที่ 3 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายอีก 7,700 บาท. จำเลยเข้าไปปลูกบ้านในที่ให้เช่าซื้อ โจทก์ไปร้องอำเภอ อำเภอทำการเปรียบเทียบ. คู่กรณีตกลงกันว่า เฉพาะบริเวณที่จำเลยปลูกบ้าน เนื้อที่ 200 ตารางวา โจทก์ยอมให้แก่จำเลยโดยตีราคา 7,700 บาท เท่าที่โจทก์ยังค้างค่าเช่าซื้อ. ดังนี้ สัญญาเช่าซื้อหาได้ถูกยกเลิกไปหมดโดยสัญญาประนีประนอมซึ่งทำกันที่อำเภอไม่. สัญญาเช่าซื้อจึงนับว่าถูกยกเลิกไปเฉพาะแต่ในส่วนที่ดิน 200 ตารางวาบริเวณที่จำเลยปลูกบ้านเท่านั้น. สัญญาเช่าซื้อสำหรับที่ดินนอกบริเวณที่ปลูกบ้าน 200 ตารางวาก็คงมีต่อไป. และถือได้ว่าโจทก์ได้ชำระเงินให้แก่จำเลยครบหมดแล้ว. โจทก์ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินในส่วนที่เหลือนั้นให้แก่โจทก์ได้.
แม้โจทก์จะฟ้องขอบังคับเอาเต็มตามสัญญาเช่าซื้อเดิม.เมื่อศาลฟังว่าโจทก์มีสิทธิขอบังคับเอาได้แต่เพียงบางส่วน ศาลก็ย่อมพิพากษาให้เท่าที่โจทก์มีสิทธินั้นได้. และการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้สิทธิในที่ดินตกไปเป็นของโจทก์โดยให้โจทก์กันที่ดินคืนให้แก่จำเลย 200ตารางวา ณ ที่บริเวณที่จำเลยปลูกบ้านนั้น. ถ้าเกิดขัดข้องขึ้นว่าจะกันเขตให้กันตรงไหน ก็เป็นเรื่องที่จะว่ากันได้ในชั้นบังคับคดี. ไม่ใช่เป็นการหมดหลักเกณฑ์ที่จะทำการบังคับกันไม่ได้ดังทำนองที่จำเลยว่ามา. ส่วนข้อที่ว่าที่ดินตามสัญญาเช่าซื้อระบุไว้ว่ามีอยู่ 1ไร่เศษ แต่ปรากฏขึ้นในภายหลังว่ามีอยู่ถึง 2 ไร่ 2งาน มากกว่าที่กล่าวในสัญญานั้น. ก็เห็นว่าตามสัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้องได้บ่งถึงการเช่าซื้อที่ดินทั้งแปลงตามที่ลงไว้ใน ส.ค.1 เลขที่ 13. ส่วนที่ลงไว้ว่ามีเนื้อที่เท่าใดนั้น เป็นการประมาณเอาตามที่เข้าใจว่ามี. หาใช่มุ่งหมายไปในทางว่าจำเลยได้แบ่งขายที่แปลงนั้นให้โจทก์ไปราว 1 ไร่เศษเท่านั้นไม่.
of 29