พบผลลัพธ์ทั้งหมด 470 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมศาลกรณีคัดค้านการยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย ศาลพิจารณาเสมือนคดีทั่วไป ผู้ร้องต้องเสียค่าธรรมเนียม
คำร้องขอต่อศาลในกรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งไม่ให้ถอนการยึดทรัพย์สินตามมาตรา 158 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายนั้น ผู้ร้องจะต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1305/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาหมั้นต้องพิสูจน์ความเสียหายต่อชื่อเสียง การกล่าวอ้างลอยๆ ไม่เพียงพอ
ค่าทดแทนความเสียหายต่อกายหรือชื่อเสียงเมื่อมีการผิดสัญญาหมั้นนั้นลำพังแต่การที่ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงผิดสัญญาหมั้น หาเป็นผลก่อให้เกิดความเสียหายแก่กายหรือชื่อเสียงของอีกฝ่ายหนึ่งเสมอไปไม่ (เป็นหน้าที่ของฝ่ายที่อ้างว่าเสียหายจะต้องนำสืบพิสูจน์)
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อชื่อเสียงจากจำเลยโดยอ้างว่า จำเลยผิดสัญญาหมั้น แต่ข้อนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงในการที่จำเลยผิดสัญญาหมั้นอย่างไรบ้างสาเหตุที่ทำให้เกิดการถอนหมั้น ดังที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏว่าทำความเสียหายให้โจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวลอย ๆ ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายนั้น ยังไม่เพียงพอที่ศาลจะรับฟังว่า โจทก์ได้รับความเสียหายอันจะกำหนดจำนวนเงินให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทน
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อชื่อเสียงจากจำเลยโดยอ้างว่า จำเลยผิดสัญญาหมั้น แต่ข้อนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงในการที่จำเลยผิดสัญญาหมั้นอย่างไรบ้างสาเหตุที่ทำให้เกิดการถอนหมั้น ดังที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏว่าทำความเสียหายให้โจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวลอย ๆ ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายนั้น ยังไม่เพียงพอที่ศาลจะรับฟังว่า โจทก์ได้รับความเสียหายอันจะกำหนดจำนวนเงินให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1305/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาหมั้น ต้องพิสูจน์ความเสียหายต่อชื่อเสียงเป็นเหตุเป็นผล มิใช่เพียงการอ้างลอยๆ
ค่าทดแทนความเสียหายต่อกายหรือชื่อเสียงเมื่อมีการผิดสัญญาหมั้นนั้นลำพังแต่การที่ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงผิดสัญญาหมั้น หาเป็นผลก่อให้เกิดความเสียหายแก่กายหรือชื่อเสียงของอีกฝ่ายหนึ่งเสมอไปไม่ (เป็นหน้าที่ของฝ่ายที่อ้างว่าเสียหายจะต้องนำสืบพิสูจน์)
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อชื่อเสียงจากจำเลยโดยอ้างว่า จำเลยผิดสัญญาหมั้น แต่ข้อนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงในการที่จำเลยผิดสัญญาหมั้นอย่างไรบ้างสาเหตุที่ทำให้เกิดการถอนหมั้น ดังที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏว่าทำความเสียหายให้โจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวลอย ๆ ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายนั้น ยังไม่เพียงพอที่ศาลจะรับฟังว่า โจทก์ได้รับความเสียหายอันจะกำหนดจำนวนเงินให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทน
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อชื่อเสียงจากจำเลยโดยอ้างว่า จำเลยผิดสัญญาหมั้น แต่ข้อนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงในการที่จำเลยผิดสัญญาหมั้นอย่างไรบ้างสาเหตุที่ทำให้เกิดการถอนหมั้น ดังที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏว่าทำความเสียหายให้โจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวลอย ๆ ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายนั้น ยังไม่เพียงพอที่ศาลจะรับฟังว่า โจทก์ได้รับความเสียหายอันจะกำหนดจำนวนเงินให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงวันที่เช็คโดยผู้ทรงหรือเจ้าหน้าที่ธนาคารแทนผู้สั่งจ่ายถือเป็นเช็คสมบูรณ์
จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คเงินสด โดยมิได้ลงวันที่ออกเช็คมีจำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบเช็คนั้นให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมาโจทก์มอบเช็คดังกล่าวให้น้องชายโจทก์ไปขอเบิกเงินจากธนาคาร เจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันที่ในเช็คนั้น โดยลงวันที่ที่น้องชายโจทก์ไปขอเบิกเงิน ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 มอบเช็คฉบับพิพาทให้โจทก์ย่อมถือได้โดยปริยายว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบหมายให้โจทก์ลงวันที่ออกเช็คได้เอง ฉะนั้นการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารลงวันสั่งจ่าย (วันออกเช็ค) จึงถือเป็นปริยายได้อีกว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันที่ออกเช็คโดยสุจริตแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง และเป็นการลงวันที่ออกเช็คที่ถูกต้องแท้จริงเช็คฉบับพิพาทจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2514)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีวันออก การลงวันออกเช็คโดยเจ้าหน้าที่ธนาคารแทนผู้ทรงถือเป็นเช็คสมบูรณ์
จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คเงินสด โดยมิได้ลงวันที่ออกเช็คมีจำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบเช็คนั้นให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมาโจทก์มอบเช็คดังกล่าวให้น้องชายโจทก์ไปขอเบิกเงินจากธนาคาร เจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันที่ในเช็คนั้น โดยลงวันที่ที่น้องชายโจทก์ไปขอเบิกเงิน ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 มอบเช็คฉบับพิพาทให้โจทก์ย่อมถือได้โดยปริยายว่าจำเลยที่ 1ได้มอบหมายให้โจทก์ลงวันที่ออกเช็คได้เอง ฉะนั้นการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารลงวันสั่งจ่าย (วันออกเช็ค) จึงถือเป็นปริยายได้อีกว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันที่ออกเช็คโดยสุจริตแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง และเป็นการลงวันที่ออกเช็คที่ถูกต้องแท้จริงเช็คฉบับพิพาทจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2514)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งวางเงินประกันเพื่อป้องกันการประวิงคดีขัดทรัพย์ แม้คำร้องโจทก์ไม่ได้ขอโดยตรง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ โจทก์ให้การต่อสู้คดีแล้วยื่นคำร้องว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีมูล ขอให้งดสืบพยาน หากศาลเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โดยมีหลักฐานสนับสนุนอยู่ในสำนวนแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงิน เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 (1) ได้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2514)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งวางเงินประกันค่าสินไหมทดแทนในคดีขัดทรัพย์ หากมีเหตุประวิงคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ โจทก์ให้การต่อสู้คดีแล้วยื่นคำร้องว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีมูล ขอให้งดสืบพยาน หากศาลเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โดยมีหลักฐานสนับสนุนอยู่ในสำนวนแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288(1) ได้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2514)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์และการใช้ความรุนแรงจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาแก้ไขบทลงโทษตามความผิดที่แท้จริง
จำเลยทั้งสี่ปล้นบ้านเจ้าทรัพย์ โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ขึ้นไปปล้นบนบ้านส่วนจำเลยที่ 1 คอยเฝ้าระวังเหตุการณ์อยู่ริมรั้วขณะจำเลยกำลังทำการปล้นอยู่บนบ้านส่วนจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงพวกเจ้าทรัพย์คนหนึ่งถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 340 วรรคท้าย จำเลยนอกนั้นไม่รู้เห็นในการที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตาย จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย เว้นแต่โจทก์จะได้อุทธรณ์ทำนองนั้น มิได้บัญญัติห้ามมิให้ศาลปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องลงโทษจำเลย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย เว้นแต่โจทก์จะได้อุทธรณ์ทำนองนั้น มิได้บัญญัติห้ามมิให้ศาลปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาในคดีปล้นทรัพย์และการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ
จำเลยทั้งสี่ปล้นบ้านเจ้าทรัพย์ โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ขึ้นไปปล้นบนบ้านส่วนจำเลยที่ 1 คอยเฝ้าระวังเหตุการณ์อยู่ริมรั้วขณะจำเลยกำลังทำการปล้นอยู่บนบ้านส่วนจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงพวกเจ้าทรัพย์คนหนึ่งถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 340 วรรคท้าย จำเลยนอกนั้นไม่รู้เห็นในการที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตาย จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย เว้นแต่โจทก์จะได้อุทธรณ์ทำนองนั้น มิได้บัญญัติห้ามมิให้ศาลปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องลงโทษจำเลย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย เว้นแต่โจทก์จะได้อุทธรณ์ทำนองนั้น มิได้บัญญัติห้ามมิให้ศาลปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง และการแบ่งสินสมรสตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1658(2) มิได้บัญญัติว่ากรมการอำเภอต้องจดข้อความในพินัยกรรมด้วยตนเอง ปลัดอำเภอผู้ทำหน้าที่กรมการอำเภอตามมาตรานี้ย่อมใช้ให้คนอื่นจดแทนได้ ส่วนอนุมาตรา 4 ของมาตรานี้ที่ว่าให้กรมการอำเภอจดลงไว้ด้วยตนเองเป็นสำคัญว่าพินัยกรรมนั้นได้ทำขึ้นถูกต้องตามบทบัญญัติอนุมาตรา 1 ถึง 3 นั้นเมื่อพินัยกรรมมีข้อความดังกล่าวเป็นตัวอักษรแบบพิมพ์ และปลัดอำเภอก็ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราตำแหน่งไว้เป็นสำคัญท้ายข้อความนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นข้อความที่ปลัดอำเภอจดลงไว้ด้วยตนเอง