คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชลอ บุปผเวส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 470 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำหลังมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดเดียวกัน สิทธิฟ้องระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
โจทก์ฟ้องคดีก่อนที่พนักงานอัยการจะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยและโจทก์ที่ 2 ในความผิดอันเกิดจากกรรมเดียวกัน ศาลสั่งให้รอคดีโจทก์ไว้จนกว่าคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์จะถึงที่สุด เมื่อศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่พนักงานอัยการได้ฟ้องคู่กรณีในเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นไปแล้ว โดยพิพากษายกฟ้องว่าทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีความผิด โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนั้นด้วยจะกลับมารื้อร้องฟ้องให้ศาลทำการพิจารณาพิพากษาคดีซึ่งเกิดจากกรรมอันเดียวกันนั้นอีก โดยให้ศาลพิพากษาเสียใหม่ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดไม่ได้ เพราะตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 บัญญัติว่า สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไป "(4) เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง" นั้น ย่อมมีความมุ่งหมายว่า คดีอาญาที่มีผู้นำมาฟ้องร้องต่อศาลนั้นให้ทำได้แต่เพียงครั้งเดียวหรือคราวเดียว ห้ามการฟ้องซ้ำให้เป็นที่ยุ่งยากแก่การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีของศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำในความผิดกรรมเดียวกันหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ถือเป็นการระงับสิทธิฟ้อง
โจทก์ฟ้องคดีก่อนที่พนักงานอัยการจะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยและโจทก์ที่ 2 ในความผิดอันเกิดจากกรรมเดียวกัน ศาลสั่งให้รอคดีโจทก์ไว้จนกว่าคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์จะถึงที่สุด เมื่อศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่พนักงานอัยการได้ฟ้องคู่กรณีในเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นไปแล้ว โดยพิพากษายกฟ้องว่าทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีความผิด โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนั้นด้วยจะกลับมารื้อร้องฟ้องให้ศาลทำการพิจารณาพิพากษาคดีซึ่งเกิดจากกรรมอันเดียวกันนั้นอีก โดยให้ศาลพิพากษาเสียใหม่ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดไม่ได้ เพราะตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 บัญญัติว่า สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไป "(4) เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง" นั้น ย่อมมีความมุ่งหมายว่า คดีอาญาที่มีผู้นำมาฟ้องร้องต่อศาลนั้นให้ทำได้แต่เพียงครั้งเดียวหรือคราวเดียว ห้ามการฟ้องซ้ำให้เป็นที่ยุ่งยากแก่การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีของศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต: ไม่เข้าข่ายริบยาเพราะยาชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขายยาได้แต่เฉพาะยาสำเร็จรูปซึ่งไม่ใช่ยาอันตราย. จำเลยได้ขายยาซึ่งเป็นยาอันตรายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ขายยาประเภทก.. ความผิดของจำเลยจึงอยู่ที่มิได้รับใบอนุญาตขายยาประเภทดังกล่าวจากพนักงานเจ้าหน้าที่. ยาของกลางที่ยึดมาจากจำเลยนั้น แม้จะเป็นยาอันตราย แต่ก็เป็นยาชอบด้วยกฎหมายและอาจขายได้ หากจำเลยได้รับใบอนุญาตให้ขายยาจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน. จึงไม่ใช่สิ่งของที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดโดยตรงอันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ศาลจึงไม่ริบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต: ไม่ถือเป็นสิ่งของที่ใช้ในการกระทำผิดโดยตรง จึงไม่ริบ
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขายยาได้แต่เฉพาะยาสำเร็จรูปซึ่งไม่ใช่ยาอันตราย จำเลยได้ขายยาซึ่งเป็นยาอันตรายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ขายยาประเภทก. ความผิดของจำเลยจึงอยู่ที่มิได้รับใบอนุญาตขายยาประเภทดังกล่าวจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ยาของกลางที่ยึดมาจากจำเลยนั้น แม้จะเป็นยาอันตราย แต่ก็เป็นยาชอบด้วยกฎหมายและอาจขายได้ หากจำเลยได้รับใบอนุญาตให้ขายยาจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน จึงไม่ใช่สิ่งของที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดโดยตรงอันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ศาลจึงไม่ริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต: ยาชอบด้วยกฎหมายไม่เข้าข่ายต้องริบ
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขายยาได้แต่เฉพาะยาสำเร็จรูปซึ่งไม่ใช่ยาอันตราย จำเลยได้ขายยาซึ่งเป็นยาอันตรายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ขายยาประเภท ก. ความผิดของจำเลยจึงอยู่ที่มิได้รับใบอนุญาตขายยาประเภทดังกล่าวจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ยาของกลางที่ยึดมาจากจำเลยนั้น แม้จะเป็นยาอันตราย แต่ก็เป็นยาชอบด้วยกฎหมายและอาจขายได้ หากจำเลยได้รับใบอนุญาตให้ขายยาจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน จึงไม่ใช่สิ่งของที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดโดยตรงอันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ศาลจึงไม่ริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกับผู้อื่นหลอกลวงให้ลงนามในสัญญา ทำให้เกิดความเสียหาย
นายอำเภอสั่งให้จำเลยที่ 1 จัดการเรื่องเพิกถอนการร้องขอขายที่ดินจัดการใส่ชื่อบุตรโจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดิน. จำเลยที่ 1 ก็ไม่ยอมปฏิบัติ. กลับพูดจาเป็นทำนองขู่เข็ญโจทก์. ยิ่งกว่านั้นยังร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 พูดหลอกลวงโจทก์ให้ลงชื่อเป็นพยานในสัญญากู้เงินระหว่างจำเลยที่ 2 ที่ 3. โดยบอกว่าเป็นการถอนเรื่องการซื้อขาย โอนชื่อให้เด็กได้. จึงเป็นการส่อแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่า ตั้งใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ. และเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพราะโจทก์โอนที่ดินให้บุตรไม่ได้. และถ้าโจทก์ไม่ทราบถึงการหลอกลวงของจำเลยทั้งสามคนหลงเชื่อตาม.เมื่อเวลาเนิ่นนานออกไป สิทธิที่โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามสัญญาหย่าอาจขาดอายุความได้. นอกจากนั้น จำเลยทั้งสามยังร่วมกันก่อให้เกิดภาระผูกพันกับที่ดิน โดยนำที่ดินไปเป็นหลักประกันในสัญญากู้เงิน. และการกระทำของจำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต. จำเลยที่ 2 ที่ 3ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1. แต่มิได้เป็นเจ้าพนักงาน. จึงมีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกับผู้อื่นหลอกลวงให้ลงชื่อในสัญญา ก่อให้เกิดความเสียหาย
นายอำเภอสั่งให้จำเลยที่ 1 จัดการเรื่องเพิกถอนการร้องขอขายที่ดินจัดการใส่ชื่อบุตรโจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินจำเลยที่ 1 ก็ไม่ยอมปฏิบัติ กลับพูดจาเป็นทำนองขู่เข็ญโจทก์ ยิ่งกว่านั้นยังร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 พูดหลอกลวงโจทก์ให้ลงชื่อเป็นพยานในสัญญากู้เงินระหว่างจำเลยที่ 2 ที่ 3 โดยบอกว่าเป็นการถอนเรื่องการซื้อขาย โอนชื่อให้เด็กได้จึงเป็นการส่อแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่า ตั้งใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพราะโจทก์โอนที่ดินให้บุตรไม่ได้ และถ้าโจทก์ไม่ทราบถึงการหลอกลวงของจำเลยทั้งสามคนหลงเชื่อตามเมื่อเวลาเนิ่นนานออกไป สิทธิที่โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามสัญญาหย่าอาจขาดอายุความได้ นอกจากนั้น จำเลยทั้งสามยังร่วมกันก่อให้เกิดภาระผูกพันกับที่ดินโดยนำที่ดินไปเป็นหลักประกันในสัญญากู้เงินและการกระทำของจำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1แต่มิได้เป็นเจ้าพนักงานจึงมีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นหน้าที่โดยทุจริต ร่วมหลอกลวงให้ลงชื่อในสัญญากู้เงิน ทำให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของที่ดิน
นายอำเภอสั่งให้จำเลยที่ 1 จัดการเรื่องเพิกถอนการร้องขอขายที่ดินจัดการใส่ชื่อบุตรโจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดิน จำเลยที่ 1 ก็ไม่ยอมปฏิบัติ กลับพูดจาเป็นทำนองขู่เข็ญโจทก์ ยิ่งกว่านั้นยังร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 พูดหลอกลวงโจทก์ให้ลงชื่อเป็นพยานในสัญญากู้เงินระหว่างจำเลยที่ 2 ที่ 3 โดยบอกว่าเป็นการถอนเรื่องการซื้อขาย โอนชื่อให้เด็กได้ จึงเป็นการส่อแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่า ตั้งใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพราะโจทก์โอนที่ดินให้บุตรไม่ได้ และถ้าโจทก์ไม่ทราบถึงการหลอกลวงของจำเลยทั้งสามคน หลงเชื่อตาม เมื่อเวลาเนิ่นนานออกไป สิทธิที่โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามสัญญาหย่าอาจขาดอายุความได้ นอกจากนั้น จำเลยทั้งสามยังร่วมกันก่อให้เกิดภาระผูกพันกับที่ดิน โดยนำที่ดินไปเป็นหลักประกันในสัญญากู้เงิน และการกระทำของจำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 แต่มิได้เป็นเจ้าพนักงาน จึงมีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขชื่อในสูติบัตรตามหน้าที่และความถูกต้องของข้อมูลแจ้งเกิด ศาลต้องยึดตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญา
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญามาด้วยกัน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งหมด คงมีการอุทธรณ์ฎีกาต่อมาเฉพาะคดีส่วนแพ่งในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลสูงจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาซึ่งถึงที่สุดไปแล้วนั้น
มารดาได้แจ้งการเกิดของบุตรต่อจำเลยซึ่งเป็นสารวัตรกำนันผู้ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่รับแจ้งการเกิดโดยระบุแจ้งชื่อโจทก์เป็นบิดาเด็กที่เกิดนั้นแต่จำเลยยังไม่แน่ใจที่จะกรอกลงไปในสูติบัตร จึงได้เว้นว่างไว้แล้วนายอำเภอเป็นผู้สั่งให้จำเลยแก้โดยให้เติมชื่อและนามสกุลของโจทก์ลงไปในสูติบัตร โดยจำเลยมิได้มีเจตนาร้ายต่อโจทก์หากแต่ได้แก้ไขเพิ่มเติมไปโดยหน้าที่และตรงตามที่มารดาของเด็กแจ้งดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีความผิดโจทก์จะขอให้บังคับจำเลยแก้ชื่อและนามสกุลของโจทก์ออกจากสูติบัตรนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขสูติบัตรตามหน้าที่ ไม่เจตนาทำให้ผู้อื่นเสียหาย ไม่ก่อให้เกิดความรับผิดทั้งทางอาญาและแพ่ง
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญามาด้วยกัน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งหมด คงมีการอุทธรณ์ฎีกาต่อมาเฉพาะคดีส่วนแพ่ง ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลสูงจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาซึ่งถึงที่สุดไปแล้วนั้น
มารดาได้แจ้งการเกิดของบุตรต่อจำเลยซึ่งเป็นสารวัตรกำนัน ผู้ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่รับแจ้งการเกิด โดยระบุแจ้งชื่อโจทก์เป็นบิดาเด็กที่เกิดนั้น แต่จำเลยยังไม่แน่ใจที่จะกรอกลงไปในสูติบัตร จึงได้เว้นว่างไว้ แล้วนายอำเภอเป็นผู้สั่งให้จำเลยแก้โดยให้เติมชื่อและนามสกุลของโจทก์ลงไปในสูติบัตร โดยจำเลยมิได้มีเจตนาร้ายต่อโจทก์ หากแต่ได้แก้ไขเพิ่มเติมไปโดยหน้าที่และตรงตามที่มารดาของเด็กแจ้ง ดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีความผิด โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยแก้ชื่อและนามสกุลของโจทก์ออกจากสูติบัตรนั้นไม่ได้
of 47