คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชลอ บุปผเวส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 470 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขชื่อในสูติบัตรตามหน้าที่และความถูกต้องของข้อมูลแจ้งเกิด โดยไม่มีเจตนาร้าย
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญามาด้วยกัน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งหมด คงมีการอุทธรณ์ฎีกาต่อมาเฉพาะคดีส่วนแพ่ง. ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลสูงจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาซึ่งถึงที่สุดไปแล้วนั้น.
มารดาได้แจ้งการเกิดของบุตรต่อจำเลยซึ่งเป็นสารวัตรกำนัน ผู้ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่รับแจ้งการเกิด. โดยระบุแจ้งชื่อโจทก์เป็นบิดาเด็กที่เกิดนั้น. แต่จำเลยยังไม่แน่ใจที่จะกรอกลงไปในสูติบัตร จึงได้เว้นว่างไว้.แล้วนายอำเภอเป็นผู้สั่งให้จำเลยแก้โดยให้เติมชื่อและนามสกุลของโจทก์ลงไปในสูติบัตร โดยจำเลยมิได้มีเจตนาร้ายต่อโจทก์. หากแต่ได้แก้ไขเพิ่มเติมไปโดยหน้าที่และตรงตามที่มารดาของเด็กแจ้ง. ดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีความผิด. โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยแก้ชื่อและนามสกุลของโจทก์ออกจากสูติบัตรนั้นไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะผู้เสียหายในคดีเช็ค: ผู้ถือเช็คที่ได้รับการสลักหลังเท่านั้นจึงมีสิทธิฟ้องร้อง
จำเลยยืมเงินโจทก์ร่วม. โจทก์ร่วมเอาเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้จัดการให้. จำเลยจึงออกเช็คให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไว้เพื่อชำระหนี้. โจทก์ร่วมได้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์ร่วมเพื่อเรียกเก็บเงินแต่นำเช็คเข้าบัญชีไม่ได้. ดังนี้ ถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไม่ได้สลักหลังเช็คให้โจทก์ร่วม.และยังเป็นผู้ทรงเช็คอยู่. ไม่ใช่โจทก์ร่วมเป็นผู้ทรง.ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นจึงเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับจำเลย. และเมื่อโจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค. จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย. ไม่มีสิทธิจะเข้าเป็นโจทก์ร่วม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายในคดีเช็ค: การระบุตัวผู้ทรงเช็คที่แท้จริงและการมีสิทธิเข้าเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยยืมเงินโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมเอาเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้จัดการให้จำเลยจึงออกเช็คให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไว้เพื่อชำระหนี้ โจทก์ร่วมได้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์ร่วมเพื่อเรียกเก็บเงินแต่นำเช็คเข้าบัญชีไม่ได้ ดังนี้ ถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไม่ได้สลักหลังเช็คให้โจทก์ร่วมและยังเป็นผู้ทรงเช็คอยู่ ไม่ใช่โจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงห้างหุ้นส่วนจำกัด นั้นจึงเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับจำเลยและเมื่อโจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเข้าเป็นโจทก์ร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาชำระหนี้และการสละสิทธิยึดหน่วง การรับสภาพหนี้ทำให้ อายุความสะดุดหยุดลง
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศของจำเลยด้วยสัมภาระของโจทก์ โดยชำระสินจ้างให้โจทก์แล้วบางส่วน นอกนั้นจะชำระเมื่องานเสร็จ โจทก์ลงมือแก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศนั้นแล้ว แต่ทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้างจำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไข ก็แก้ไขไม่สำเร็จ จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขต่อมาจำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ขอผ่อนชำระสินจ้างที่ค้างชำระเป็นสี่งวดหากผิดนัดยอมเสียดอกเบี้ยให้ด้วยจำเลยชำระงวดแรกแล้วอีกสามงวดไม่ยอมชำระโดยอ้างว่าโจทก์ไม่แก้ไขเครื่องปรับอากาศให้ทำความเย็นได้ตามสัญญาจ้างสัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ครั้งหลังนี้ ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความเพราะมิได้กล่าวถึงเรื่องค่าเสียหายในการผิดสัญญาจ้างเป็นแต่เพียงความตกลงในการชำระหนี้เท่านั้นสิทธิและความรับผิดของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ต่อกันตามสัญญาจ้างยังไม่ระงับสิ้นไปสัญญาตกลงชำระหนี้ไม่ปิดปากจำเลยมิให้โต้เถียงว่าเครื่องปรับอากาศซึ่งโจทก์รับจ้างติดตั้งชำรุดบกพร่องทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนด ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้างโจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จจนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบแต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จจำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้วจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้ เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลยจำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ นั้นย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาตกลงชำระหนี้เป็นหลักฐานรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง แม้มีข้อพิพาทเรื่องคุณภาพงาน
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศของจำเลยด้วยสัมภาระของโจทก์ โดยชำระสินจ้างให้โจทก์แล้วบางส่วน นอกนั้นจะชำระเมื่องานเสร็จ โจทก์ลงมือแก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศนั้นแล้ว แต่ทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง จำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไข ก็แก้ไขไม่สำเร็จ จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไข ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ขอผ่อนชำระสินจ้างที่ค้างชำระเป็นสี่งวดหากผิดนัดยอมเสียดอกเบี้ยให้ด้วยจำเลยชำระงวดแรกแล้ว อีกสามงวดไม่ยอมชำระ โดยอ้างว่าโจทก์ไม่แก้ไขเครื่องปรับอากาศให้ทำความเย็นได้ตามสัญญาจ้าง สัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ครั้งหลังนี้ ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะมิได้กล่าวถึงเรื่องค่าเสียหายในการผิดสัญญาจ้าง เป็นแต่เพียงความตกลงในการชำระหนี้เท่านั้น สิทธิและความรับผิดของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ต่อกันตามสัญญาจ้างยังไม่ระงับสิ้นไป สัญญาตกลงชำระหนี้ไม่ปิดปากจำเลยมิให้โต้เถียงว่าเครื่องปรับอากาศซึ่งโจทก์รับจ้างติดตั้งชำรุดบกพร่องทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนด ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง โจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จ จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จ จำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้ เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลย จำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวด ๆ นั้น ย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง.
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาผ่อนชำระหนี้สละสิทธิยึดหน่วง & อายุความสะดุดหยุดเมื่อรับสภาพหนี้
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศของจำเลยด้วยสัมภาระของโจทก์. โดยชำระสินจ้างให้โจทก์แล้วบางส่วน นอกนั้นจะชำระเมื่องานเสร็จ. โจทก์ลงมือแก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศนั้นแล้ว แต่ทำความเย็นไม่ได้.ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง. จำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไข ก็แก้ไขไม่สำเร็จ. จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไข. ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ขอผ่อนชำระสินจ้างที่ค้างชำระเป็นสี่งวดหากผิดนัดยอมเสียดอกเบี้ยให้ด้วยจำเลยชำระงวดแรกแล้ว.อีกสามงวดไม่ยอมชำระโดยอ้างว่าโจทก์ไม่แก้ไขเครื่องปรับอากาศ.ให้ทำความเย็นได้ตามสัญญาจ้าง. สัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ครั้งหลังนี้ ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ. เพราะมิได้กล่าวถึงเรื่องค่าเสียหายในการผิดสัญญาจ้าง.เป็นแต่เพียงความตกลงในการชำระหนี้เท่านั้นสิทธิและความรับผิดของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ต่อกันตามสัญญาจ้างยังไม่ระงับสิ้นไป. สัญญาตกลงชำระหนี้ไม่ปิดปากจำเลยมิให้โต้เถียง.ว่าเครื่องปรับอากาศซึ่งโจทก์รับจ้างติดตั้งชำรุดบกพร่องทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนด. ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ.
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้.ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง. โจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จ. จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ. แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จ. จำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์. ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้ว. จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น.
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้. เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์. สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลย. จำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้.
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ นั้น. ย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง. (ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2512).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินเดิมพันพนันชนไก่ถือเป็นการชำระหนี้ระหว่างคู่พนัน โจทก์ทวงคืนไม่ได้ตามมาตรา 853
ในการเล่นพนันชนไก่ คู่พนันได้วางเงินเดิมพันล่วงหน้าไว้กับนายบ่อนก่อนรู้ผลแพ้ชนะ. ต่อมานายบ่อนได้จ่ายเงินให้เจ้าของไก่ซึ่งชนะไป. เงินดังกล่าวจึงเป็นเงินที่ชำระหรือให้กันในการเล่นพนัน.จึงทวงคืนไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 853.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินเดิมพันพนันชนไก่เป็นเงินชำระระหว่างคู่พนัน ทวงคืนไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 853
ในการเล่นพนันชนไก่ คู่พนันได้วางเงินเดิมพันล่วงหน้าไว้กับนายบ่อนก่อนรู้ผลแพ้ชนะ ต่อมานายบ่อนได้จ่ายเงินให้เจ้าของไก่ซึ่งชนะไป เงินดังกล่าวจึงเป็นเงินที่ชำระหรือให้กันในการเล่นพนันจึงทวงคืนไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 853

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินเดิมพันพนันชนไก่ ถือเป็นการชำระหนี้ระหว่างคู่พนัน ทวงคืนไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 853
ในการเล่นพนันชนไก่ คู่พนันได้วางเงินเดิมพันล่วงหน้าไว้กับนายบ่อนก่อนรู้ผลแพ้ชนะและต่อมานายบ่อนได้จ่ายเงินให้เจ้าของไก่ซึ่งชนะไป เงินดังกล่าวจึงเป็นเงินที่ชำระหรือให้กันในการเล่นพนัน จึงทวงคืนไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 853

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารสัญญาประนีประนอมสูญหาย ศาลอนุญาตให้ใช้พยานบุคคลแทนได้
โจทก์ฟ้องอ้างถึงสัญญาประนีประนอมระหว่างมารดาโจทก์กับจำเลยว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือที่อำเภอ มิได้รับว่า. ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ. ฉะนั้น จึงไม่ห้ามมิให้ศาลรับฟ้องไว้พิจารณา. โจทก์ขออ้างหนังสือดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาในภายหลังได้. เมื่ออำเภอแจ้งมายังศาลว่าสัญญาประนีประนอมค้นหาไม่พบ.เนื่องจากเป็นเวลานานและมีการย้ายที่ว่าการอำเภอ. ไม่สามารถนำส่งได้. ย่อมถือได้ว่าเอกสารที่โจทก์อ้างสูญหาย. โจทก์อ้างพยานบุคคลและศาลยอมให้โจทก์นำพยานบุคคลเข้าสืบแทน.ก็ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตโดยปริยายชอบด้วยมาตรา 93(2). ศาลรับฟังคำพยานบุคคลของโจทก์ได้.
of 47