คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชลอ บุปผเวส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 470 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพของจำเลยที่ศาลใช้พิจารณาบวกโทษคดีก่อนเข้ากับคดีหลังได้ หากเนื้อหาการรับสารภาพสอดคล้องกับฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยหลายข้อหา กับขอให้นำโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ด้วยจำเลยรับสารภาพ เฉพาะข้อเคยต้องโทษนั้น จำเลยรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษตามฟ้องจริง ที่จำเลยรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษตามฟ้องจริงนั้น หมายความว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษและรอไว้ตามฟ้องนั่นเอง ถือได้ว่าจำเลยรับในข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้องแล้ว ศาลจึงบวกโทษของจำเลยที่รอไว้เข้ากับโทษในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงน้ำใจ: การพิจารณาโทษจำคุกคดีฆ่าผู้อื่น
ผู้ตายเคยลวนลามภรรยาจำเลยมาแล้วครั้งหนึ่ง วันเกิดเหตุจำเลยกลับจากเก็บถั่วขึ้นไปห้างไร่ของจำเลย เห็นผู้ตายกำลังกอดรั้งตัวภรรยาจำเลยอยู่ จำเลยเกิดโทสะพอจำเลยร้องว่าผู้ตาย ผู้ตายก็ผละออกกระโดดหนีลงจากห้างไร่จำเลยคว้าได้ปืนยาวที่พิงไว้ข้างฝาลงบันไดตามไปยิงผู้ตายที่พื้นดิน ซึ่งขณะนั้นเดินออกไปห่างจากห้างไร่ 3 วากระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ด้วยความบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรับของโจรต้องเกิดหลังการลักทรัพย์ ฟ้องระบุเหตุการณ์ก่อนจึงไม่เป็นความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2511 จำเลยบังอาจเข้าไปลักทรัพย์ในเคหะสถานของผู้เสียหาย และเอาทรัพย์ตามรายการในฟ้องไป หรือมิฉะนั้นเมื่อระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน 2511 ถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2511 เวลากลางวัน จำเลยก็บังอาจร่วมกันรับทรัพย์ดังกล่าวตามฟ้องไว้โดยรู้ว่าเป็นของที่คนร้ายได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เช่นนี้ ฟ้องของโจทก์จึงกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร ในขณะที่การกระทำผิดฐานลักทรัพย์ยังไม่เกิดขึ้น การกระทำของจำเลยตามที่บรรยายมาในฟ้องจึงไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็จะลงโทษจำเลยในข้อหานี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรับของโจรต้องเกิดหลังการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ฟ้องที่บรรยายเหตุการณ์สลับลำดับไม่เป็นความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2511จำเลยบังอาจเข้าไปลักทรัพย์ในเคหะสถานของผู้เสียหาย และเอาทรัพย์ตามรายการในฟ้องไป หรือมิฉะนั้นเมื่อระหว่างวันที่23 มิถุนายน 2511 ถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2511 เวลากลางวัน จำเลยก็บังอาจร่วมกันรับทรัพย์ดังกล่าวตามฟ้องไว้โดยรู้ว่าเป็นของที่คนร้ายได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เช่นนี้ ฟ้องของโจทก์จึงกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรในขณะที่การกระทำผิดฐานลักทรัพย์ยังไม่เกิดขึ้น การกระทำของจำเลยตามที่บรรยายมาในฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดฐานรับของโจรแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็จะลงโทษจำเลยในข้อหานี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ตามสัญญาการก่อสร้าง: การขับไล่ผู้เช่าและการปฏิบัติตามสัญญาโดยวิธีอื่น
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความว่า จำเลยมอบอำนาจให้ผู้เริ่มก่อการบริษัทโจทก์ทำการขับไล่หรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เช่าอยู่ในบริเวณที่ดินที่โจทก์จะปลูกสร้างโดยผู้เริ่มก่อการบริษัทโจทก์จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายแต่ผู้เดียว จำเลยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้นนั้น หมายความว่าโจทก์มีหน้าที่ดำเนินการขับไล่หรือทำอย่างไรให้ผู้เช่าที่ดินที่จะใช้ก่อสร้างรื้อถอนขนย้ายอาคารออกไปเพื่อสร้างใหม่ โดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายแต่ผู้เดียว หากไม่จัดการดังกล่าจึงจะเรียกได้ว่าโจทก์ผิดสัญญา ถึงแม้โจทก์จะเคยไปติดต่อขอให้เทศบาลดำเนินการขับไล่ผู้เช่าที่ดิน เทศบาลเรียกร้องเงินจำนวนหนึ่ง แต่โจทก์เห็นว่าเป็นเงินจำนวนมากเกินไปจึงดำเนินการฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ดินเอง ก็ถือว่าโจทก์ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว จำเลยจะยกเหตุที่โจทก์ไม่ชำระเงินแก่เทศบาลมาเป็นเหตุยกเลิกสัญญาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินและข้อตกลงการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง: โจทก์มีหน้าที่ดำเนินการรื้อถอนเอง แม้จะเลือกวิธีฟ้องขับไล่
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความว่า จำเลยมอบอำนาจให้ผู้เริ่มก่อการบริษัทโจทก์ทำการขับไล่หรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เช่าอยู่ในบริเวณที่ดินที่โจทก์จะปลูกสร้าง โดยผู้เริ่มก่อการบริษัทโจทก์จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายแต่ผู้เดียว จำเลยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้นนั้นหมายความว่าโจทก์มีหน้าที่ดำเนินการขับไล่หรือทำอย่างไรให้ผู้เช่าที่ดินที่จะใช้ก่อสร้างรื้อถอนขนย้ายอาคารออกไปเพื่อสร้างใหม่ โดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายแต่ผู้เดียวหากไม่จัดการดังกล่าวจึงจะเรียกได้ว่าโจทก์ผิดสัญญา ถึงแม้โจทก์จะเคยไปติดต่อขอให้เทศบาลดำเนินการขับไล่ผู้เช่าที่ดิน เทศบาลเรียกร้องเงินจำนวนหนึ่ง แต่โจทก์เห็นว่าเป็นเงินจำนวนมากเกินไปจึงดำเนินการฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ดินเอง ก็ถือว่าโจทก์ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว จำเลยจะยกเหตุที่โจทก์ไม่ชำระเงินแก่เทศบาลมาเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจลงโทษทางวินัยพนักงาน อ.อ.ป. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตาม พ.ร.ก. 2499
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ พ.ศ. 2499 มาตรา 20 การลงโทษทางวินัยแก่พนักงานขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ขั้นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญหรือขั้นหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ที่ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษทางวินัยพนักงาน อ.อ.ป. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน จึงจะชอบด้วยกฎหมาย
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ พ.ศ. 2499มาตรา 20 การลงโทษทางวินัยแก่พนักงานขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ชั้นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญหรือชั้นหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ที่ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197-199/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อค้างชำระ - อัตราตามกฎหมายเมื่อสัญญาไม่ได้กำหนดชัดเจน
ในกรณีผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อ แม้สัญญาเช่าซื้อจะระบุว่าให้คิดดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดเท่าที่กฎหมายอนุญาต แต่ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยตรงว่าให้คิดดอกเบี้ยได้สูงสุดในอัตราเท่าใด จึงต้องใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จะนำอัตราดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีสำหรับเงินกู้ยืมมาอนุโลมใช้สำหรับเงินค่าเช่าซื้อค้างชำระโดยมิได้กำหนดกันไว้ในสัญญาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197-199/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อค้างชำระ: ใช้อัตราตามกฎหมายหากสัญญาระบุอัตราสูงสุดแต่ไม่มีกฎหมายกำหนด
ในกรณีผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อ แม้สัญญาเช่าซื้อจะระบุว่าให้คิดดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดเท่าที่กฎหมายอนุญาต แต่ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยตรงว่าให้คิดดอกเบี้ยได้สูงสุดในอัตราเท่าใด จึงต้องใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จะนำอัตราดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีสำหรับเงินกู้ยืมมาอนุโลมใช้สำหรับเงินค่าเช่าซื้อค้างชำระ โดยมิได้กำหนดกันไว้ในสัญญาหาได้ไม่
of 47