พบผลลัพธ์ทั้งหมด 470 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1773/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบัญชีเดินสะพัด: เกิดจากพฤติการณ์การหักทอนบัญชี และเป็นสัญญาไม่มีแบบไม่ต้องทำเป็นหนังสือ
พฤติการณ์ที่โจทก์จำเลยปฏิบัติต่อกันโดยจัดให้มีบัญชีหนี้ให้มีการหักทอนบัญชีเป็นคราว ๆ คงชำระหนี้ที่เหลือในการหักทอนบัญชีเช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาบัญชีเดินสะพัดต่อกันแล้ว
สัญญาบัญชีเดินสะพัดเป็นสัญญาไม่มีแบบ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ
สัญญาบัญชีเดินสะพัดเป็นสัญญาไม่มีแบบ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวในกรณีถูกบุกรุกทำร้าย: การกระทำพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายบุกรุกขึ้นไปบนบ้านและเข้าไปในห้องนอนของจำเลยซึ่งเป็นหญิงที่อยู่บ้านแต่ลำพังคนเดียวในเวลาวิกาลและมืดเมื่อจำเลยวิ่งหนีออกมา ผู้ตายก็เข้ากอดปล้ำจนกระทำมิดีมิร้ายจำเลยจำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปในขณะนั้นเพื่อให้ปล่อยผู้ตายไม่ปล่อย จำเลยแทงซ้ำจนผู้ตายปล่อยจำเลย เป็นบาดแผลที่หน้าอก 2 แผล ที่ชายโครง 3 แผล ลึก 2 เซ็นติเมตร ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวในกรณีถูกบุกรุกทำร้ายร่างกายในเวลากลางคืน ศาลวินิจฉัยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายบุกรุกขึ้นไปบนบ้านและเข้าไปในห้องนอนของจำเลยซึ่งเป็นหญิงที่อยู่บ้านแต่ลำพังคนเดียวในเวลาวิกาลและมืด เมื่อจำเลยวิ่งหนีออกมา ผู้ตายก็เข้ากอดปล้ำจนกระทำมิดีมิร้ายจำเลยจำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปในขณะนั้นเพื่อให้ปล่อยผู้ตายไม่ปล่อย จำเลยแทงซ้ำจนผู้ตายปล่อยจำเลย เป็นบาดแผลที่หน้าอก 2 แผล ที่ชายโครง 3 แผล ลึก 2 เซ็นติเมตร ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนกระทำชำเราโดยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้รับรองว่าการกระทำเข้าข่ายโทรมหญิง
จำเลยกับพวกรวม 2 คน ใช้อาวุธปืนขู่ และใช้กำลังกอดคอบังคับให้ผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผลัดเปลี่ยนกันจนสำเร็จความใคร่ ย่อมมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรา โดยไม่วินิจฉัยว่า การกระทำมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงไว้ด้วยหรือไม่ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องพิพากษาแก้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรา โดยไม่วินิจฉัยว่า การกระทำมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงไว้ด้วยหรือไม่ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องพิพากษาแก้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนกระทำชำเราโดยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง แม้ศาลล่างไม่วินิจฉัย ศาลฎีกาพิจารณาและแก้ไขคำพิพากษาได้
จำเลยกับพวกรวม 2 คน ใช้อาวุธปืนขู่ และใช้กำลังกอดคอบังคับให้ผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผลัดเปลี่ยนกันจนสำเร็จความใคร่ ย่อมมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรา โดยไม่วินิจฉัยว่า การกระทำมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงไว้ด้วยหรือไม่ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องพิพากษาแก้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรา โดยไม่วินิจฉัยว่า การกระทำมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงไว้ด้วยหรือไม่ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องพิพากษาแก้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ส.ค.1 ไม่ใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ การแจ้งครอบครองที่ดินไม่สร้างข้อสันนิษฐานว่าผู้แจ้งเป็นเจ้าของ
การแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่นั้น (แจ้ง ส.ค.1) หาใช่เป็นข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าผู้แจ้งการครอบครองเป็นผู้มีสิทธิในที่นั้นเสมอไปไม่
มาตรา 1373 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติเกี่ยวกับสิทธิครอบครองเฉพาะในที่ดินซึ่งได้มีการจดทะเบียนออกโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดแล้ว ฉะนั้น ที่ผู้ร้องไปแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 จึงไม่อาจปรับเข้าข้อสันนิษฐานตามความในมาตรา 1373 ได้
มาตรา 1373 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติเกี่ยวกับสิทธิครอบครองเฉพาะในที่ดินซึ่งได้มีการจดทะเบียนออกโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดแล้ว ฉะนั้น ที่ผู้ร้องไปแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 จึงไม่อาจปรับเข้าข้อสันนิษฐานตามความในมาตรา 1373 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้ง ส.ค.1 ไม่ใช่ข้อสันนิษฐานกรรมสิทธิ์ การแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาต้องมีการนำสืบ
การแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่นั้น (แจ้ง ส.ค.1)หาใช่เป็นข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าผู้แจ้งการครอบครองเป็นผู้มีสิทธิในที่นั้นเสมอไปไม่
มาตรา 1373 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติเกี่ยวกับสิทธิครอบครองเฉพาะในที่ดินซึ่งได้มีการจดทะเบียนออกโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดแล้ว ฉะนั้น ที่ผู้ร้องไปแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 จึงไม่อาจปรับเข้าข้อสันนิษฐานตามความในมาตรา 1373 ได้
มาตรา 1373 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติเกี่ยวกับสิทธิครอบครองเฉพาะในที่ดินซึ่งได้มีการจดทะเบียนออกโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดแล้ว ฉะนั้น ที่ผู้ร้องไปแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 จึงไม่อาจปรับเข้าข้อสันนิษฐานตามความในมาตรา 1373 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยรู้ว่ามีสิทธิของผู้อื่น การโอนนั้นไม่สมบูรณ์และศาลสามารถเพิกถอนได้
ก. และ ว. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงซึ่งมีที่ดินส่วนพิพาทอันเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์รวมอยู่ด้วย ยกให้แก่จำเลย และจำเลยรู้ความจริงอยู่ว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แม้จำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยร่วมซึ่งเป็นภริยาเป็นเจ้าของร่วมด้วย จำเลยและจำเลยร่วมก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยรู้ว่ามีสิทธิของผู้อื่น การเพิกถอนนิติกรรม และสิทธิในการครอบครองที่ดิน
ก. และ ว. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงซึ่งมีที่ดินส่วนพิพาทอันเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์รวมอยู่ด้วย ยกให้แก่จำเลย และจำเลยรู้ความจริงอยู่ว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แม้จำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยร่วมซึ่งเป็นภริยาเป็นเจ้าของร่วมด้วย จำเลยและจำเลยร่วมก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาที่ระบุมาตรากฎหมายโดยไม่ระบุชื่อกฎหมายยังถือว่าสมบูรณ์ หากบริบทแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นกฎหมายใด
หน้าฟ้องลงข้อหาว่า "ปลอมหนังสือ ใช้หนังสือปลอม"คำบรรยายฟ้องก็ชัดเช่นนั้น ส่วนคำขอท้ายฟ้องพิมพ์ไว้แต่เพียงว่าขอให้ลงโทษตามมาตรา 264, 265, 266, 268 โดยมิได้อ้างชื่อกฎหมายแห่งมาตรานั้น ๆ ว่าเป็นกฎหมายอะไรก็จริงอยู่ แต่เมื่อประมวลแล้วทราบได้ว่ากฎหมายที่ขอให้ลงโทษนั้นคือประมวลกฎหมายอาญา ทั้งมาตราที่พิมพ์ไว้ในคำขอท้ายฟ้องตรงกับมาตราที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาในหมวดว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับเอกสาร คำฟ้องของโจทก์คดีนี้ขาดตกบกพร่องเพียง แต่มิได้ระบุชื่อของกฎหมาย แต่ก็มีพฤติการณ์แสดงให้เห็นได้ว่าเป็นกฎหมายอะไร เช่นนี้ หาเพียงพอที่จะถือว่าคำฟ้องนั้น เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) แต่อย่างใดไม่ ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2514)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2514)