คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.มัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 ม. 10

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิสัปบุรุษมัสยิดในการปกป้องผลประโยชน์ของมัสยิดและการคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329
สัปบุรุษของมัสยิดเป็นผู้ที่มีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของมัสยิดที่ตนสังกัดอยู่ จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียชอบที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่มัสยิด ดังนั้นการที่จำเลยซึ่งเป็นสัปบุรุษของมัสยิดแสดงความคิดเห็นหรือร้องเรียนให้ข่าวต่อหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ถ้าผู้แสดงความคิดเห็นกระทำไปโดยสุจริต แม้จะเป็นการเข้าใจผิด แต่ก็เชื่อว่าความจริงเป็นดังที่ตนเข้าใจแล้ว ก็ได้รับความคุ้มครองตามมาตรานี้จำเลยหาจำต้องนำสืบว่าการกระทำของตนเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องรับโทษ เพราะในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องจึงจะลงโทษจำเลยได้ ฉะนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำไปโดยสุจริตหรือไม่ ศาลย่อมวินิจฉัยได้จากพยานหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีที่โจทก์นำสืบ เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยไม่สุจริตแล้ว ศาลก็ยกฟ้องโจทก์ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิสัปบุรุษมัสยิดในการป้องกันผลประโยชน์และการคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)
สัปบุรุษของมัสยิดเป็นผู้ที่มีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของมัสยิดที่ตนสังกัดอยู่ จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ชอบที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่มัสยิด ดังนั้นการที่จำเลยซึ่งเป็นสัปบุรุษของมัสยิดแสดงความคิดเห็นหรือร้องเรียนให้ข่าวต่อหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ถ้าผู้แสดงความคิดเห็นกระทำไปโดยสุจริต แม้จะเป็นการเข้าใจผิด แต่ก็เชื่อว่าความจริงเป็นดังที่ตนเข้าใจแล้ว ก็ได้รับความคุ้มครองตามมาตรานี้จำเลยหาจำต้องนำสืบว่าการกระทำของตนเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องรับโทษ เพราะในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องจึงจะลงโทษจำเลยได้ ฉะนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำไปโดยสุจริตหรือไม่ ศาลย่อมวินิจฉัยได้จากพยานหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีที่โจทก์นำสืบ เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยไม่สุจริตแล้ว ศาลก็ยกฟ้องโจทก์ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการจัดการมัสยิด: คณะกรรมการอิสลามมีอำนาจเหนือทรัสตีเดิมเมื่อมีกฎหมายสาสนูปถัมภ์
เมื่อมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการศาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลามแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านมิให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดดำเนินการให้มีคณะกรรมการประจำสุเหร่า ทั้งไม่มีอำนาจขัดขวางในกรณีอิหม่ามคอเต็บและบิหลั่นขอจดทะเบียนมัสยิดหรือสุเหร่าตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม และเมื่อมัสยิดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลถูกต้องแล้ว โจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการจัดการมัสยิดหลังมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด การจดทะเบียนมัสยิด และอำนาจในการโต้แย้ง
เมื่อมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลามแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านมิให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดดำเนินการให้มีคณะกรรมการประจำสุเหร่าทั้งไม่มีอำนาจขัดขวางในกรณีอิหม่ามคอเต็บและนิหลั่นขอจดทะเบียนมัสยิดหรือสุเหร่าตาม พ.ร.บ.มัสยิดอิสลามและเมื่อมัสยิดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลถูกต้องแล้ว โจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนได้