คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1382

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,662 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์หลังจากการจำนองและข้อตกลงซื้อขาย
ผู้รับจำนองที่ดินมีโฉนดโดยทำสัญญาจำนองที่หอทะเบียนอาจอ้างว่าตนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินแปลงนั้นได้ โดยนำสืบว่า ผู้จำนองได้ขายที่ ๆ จำนองโดยได้รับเอาเงินเพิ่มไปแล้วมอบที่ดินให้ผู้รับจำนองครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์หลังจากการจำนองและการซื้อขาย
ผู้รับจำนองที่ดินมีโฉนดโดยทำสัญญาจำนองที่หอทะเบียนอาจอ้างว่าตนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงนั้นได้ โดยนำสืบว่า ผู้จำนองได้ขายที่ที่จำนองโดยได้รับเอาเงินเพิ่มไปแล้วมอบที่ดินให้ผู้รับจำนอง ครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปี แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และอายุความมรดกในที่ดินมรดกเมื่อไม่มีทายาทอื่นเกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โดยเจ้าของที่ดินยกให้ ต่อมาเจ้าของที่ดินตาย โจทก์ครอบครองตลอดมาเกินอายุความ 1 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าเจ้าของที่ได้ยกที่พิพาทให้จำเลยไม่ใช่ให้โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยต่างเป็นทายาทของเจ้าของที่ดิน ได้ครอบครองที่พิพาทร่วมกัน และโจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกินอายุความมรดกแล้ว ไม่มีทายาทคนอื่นของเจ้าของที่ดินเข้ามาเกี่ยวข้อง ศาลย่อมพิพากษาแบ่งส่วนที่รายพิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกที่ดินเมื่อฟ้องคดีเกินอายุความมฤดก และไม่มีทายาทอื่นเกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ โดยเจ้าของที่ดินยกให้ต่อมาเจ้าของที่ดินตาย โจทก์ครอบครองตลอดมาเกินอายุความ 1 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าเจ้าของที่ได้ยกที่พิพาทให้จำเลยไม่ใช่ให้โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยต่างเป็นทายาทของเจ้าของที่ดิน ได้ครอบครองที่พิพาทร่วมกัน และโจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกินอายุความมฤดกแล้ว ไม่มีทายาทคนอื่นของเจ้าของที่ดินเข้ามาเกี่ยวข้อง ศาลย่อมพิพากษาแบ่งส่วนที่รายพิพาทให้แก่โจทก์,จำเลยได้ ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 142(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีครอบครองปรปักษ์: ศาลพิจารณาประเด็นที่เคยตัดสินแล้วหรือไม่
คดีก่อน โจทก์ฟ้องอ้างว่าที่พิพาทมารดาโจทก์ได้มาโดยชนะความจาก ย. โจทก์และมารดาได้ครอบครองโดยสงบและเปิดเผยเกิน 10 ปี ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทตกกรรมสิทธิแก่โจทก์ ศาลฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทเกิน 10 ปีจริงแต่ที่ที่มารดาโจทก์ชนะความหาใช่ที่ ๆ โจทก์ฟ้องไม่ จึงพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดโจทก์จึงนำมาฟ้องจำเลยใหม่ว่า ที่พิพาทในคดีก่อนนั้น โจทก์และมารดาได้ครอบครองมาโดยสงบและเปิดเผยเกิน 10 ปี ขอให้ศาลฟ้องว่าที่เป็นโจทก์ ดังนี้เป็นการฟ้องซ้ำไม่ เพราะคดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์ฟ้องกล่าวข้ออ้างโดยเห็นว่าข้อหาไม่ตรงกัน กล่าวคือที่พิพาทไม่ใช่ที่ซึ่งมารดาโจทก์ชนะความตามฟ้อง หาได้พิพากษายกฟ้องในประเด็นที่โจทก์อ้างว่าได้กรรมสิทธิในทางครอบครองไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำ: ศาลพิจารณาจากประเด็นที่พิพากษาถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หากยังไม่ถึงที่สุดโจทก์ยังมีสิทธิฟ้องได้
คดีก่อน โจทก์ฟ้องอ้างว่าที่พิพาทมารดาโจทก์ได้มาโดยชนะความจาก ย.โจทก์และมารดาได้ครอบครองโดยสงบและเปิดเผยเกิน 10 ปี ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่โจทก์ ศาลฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทเกิน 10 ปีจริง แต่ที่ที่มารดาโจทก์ชนะความหาใช่ที่ที่ โจทก์ฟ้องไม่ จึงพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดโจทก์จึงนำมาฟ้องจำเลยใหม่ว่า ที่พิพาทในคดีก่อนนั้นโจทก์และมารดาได้ครอบครองมาโดยสงบและเปิดเผยเกิน 10 ปีขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นของโจทก์ ดังนี้หาเป็นการฟ้องซ้ำไม่ เพราะคดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์ฟ้องกล่าวข้ออ้างโดยเห็นว่าข้อหาไม่ตรงกัน กล่าวคือที่พิพาทไม่ใช่ที่ซึ่งมารดาโจทก์ชนะความตามฟ้อง หาได้พิพากษายกฟ้องในประเด็นที่โจทก์อ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ในทางครอบครองไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์คดีที่ดิน: โจทก์ต้องพิสูจน์การกู้เงินและเงื่อนไขก่อนอ้างกรรมสิทธิ์
ที่พิพาทเป็นที่นามือเปล่าและอยู่ในความครอบครองของฝ่ายจำเลย ซึ่งอ้างว่าได้มาโดยการสละกรรมสิทธิต่อเนื่องจากที่ได้รับซื้อฝากไว้เมื่อโจทก์อ้างว่าได้กู้เงินจำเลยไป และให้ที่ไว้ทำกินต่างดอกเบี้ยไม่ใช่การซื้อฝาก ดังนี้ เป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ในคดีครอบครองปรปักษ์ - การซื้อฝาก vs. กู้เงิน
ที่พิพาทเป็นที่นามือเปล่าและอยู่ในความครอบครองของฝ่ายจำเลย ซึ่งอ้างว่าได้มาโดยการสละกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องจากที่ได้รับซื้อฝากไว้ เมื่อโจทก์อ้างว่าได้กู้เงินจำเลยไปและให้ที่ไว้ทำกินต่างดอกเบี้ยไม่ใช่การซื้อฝาก ดังนี้เป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละการครอบครองที่ดินหลังจำนอง ทำให้ผู้รับจำนองได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์
ทำสัญญาจำนองที่ดินกันแต่ผู้จำนองได้สละการครอบครองให้ผู้รับจำนอง ได้เข้าครอบครองมาช้านานจนได้สิทธิแล้ว ผู้จำนองจะฟ้องขอไถ่คืนที่ดินหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญและลักษณะเป็นที่บ้าน ศาลสันนิษฐานเป็นสัญญาจะขายได้
ที่พิพาทเป็นที่ว่างยังไม่ได้มีการปลูกสร้าง และไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน แต่ปรากฏว่าอยู่ริมถนนหลวงในเขตเทศบาลและมีบ้านเรือนปลูกอยู่แล้วโดยรอบที่นี้จึงมีลักษณะเป็นที่บ้าน
บิดาโจทก์ได้ทำสัญญาขายที่พิพาทซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ให้แก่จำเลย ทั้งยังได้ลงชื่อจำเลยไว้ในใบไต่สวนเพื่อรับโฉนดในภายหลัง และมอบให้จำเลยครอบครองโดยเปิดเผย ดังนี้ ตามพฤติการณ์แห่งรูปคดีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า ถ้าคู่กรณีได้รู้ว่าหนังสือสัญญานี้ไม่สมบูรณ์ เป็นสัญญาซื้อขาย ก็คงจะได้ตั้งใจให้สมบูรณ์เป็นสัญญาจะขาย กรณีเข้าลักษณะตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136
of 167