คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1382

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,662 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์จากนิติกรรมขายฝากไม่สมบูรณ์: เจตนาคู่กรณีและการแสดงสิทธิของเจ้าของเดิม
ที่พิพาทเดิมเป็นของบิดามารดาโจทก์ ได้เอามาขายฝากโดยทำสัญญากันเองไว้แก่บิดามารดาจำเลย บิดามารดาจำเลยตายแล้วจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทเกิน 10 ปีแล้ว และเมื่อบิดามารดาโจทก์ตายโจทก์ก็มิได้จัดการจดทะเบียนรับมรดกปล่อยให้ฝ่ายจำเลยครอบครองมาเกิน 10 ปี จนจำเลยได้มาร้องต่อศาลให้แสดงกรรมสิทธิ์ว่าเป็นของจำเลย ศาลก็ได้สั่งแสดงกรรมสิทธิ์ไปแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าแม้นิติกรรมการขายฝากไม่สมบูรณ์ก็พึงเห็นเจตนาของคู่กรณีได้ว่า บิดามารดาโจทก์มอบที่ดินให้บิดามารดาจำเลยดังเช่นขาย แต่สงวนไว้เพียงสิทธิไถ่ถอน ฉะนั้นจะเรียกว่าบิดามารดาจำเลยยึดถือที่ดินไว้ในฐานผู้แทนผู้ครอบครองตามมาตรา1381 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ยังไม่ได้ กรณีเช่นนี้เรียกได้ว่าบิดามารดาจำเลยเข้าครอบครองเพื่อตนโดยอาศัยการอนุญาตของเจ้าของ จึงมีปัญหาข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาว่าฝ่ายจำเลยได้ครอบครองมาโดยสงบเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาจนเกิน 10 ปีหรือไม่ การที่จะแสวงหาความจริงข้อนี้ ต้องพิเคราะห์กิริยาอาการของฝ่ายโจทก์ผู้มอบที่ดินให้นั้นด้วยเพราะถ้าเจ้าของเดิมไม่แสดงอาการเป็นเจ้าของเกี่ยวข้องกับที่นั้นเลย สละละทิ้งไปจนเกินเวลาอันสมควรแล้ว ก็พึงเห็นเจตนาของคู่กรณีได้ว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมให้ฝ่ายครอบครองทำการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเพื่อผู้ครอบครองนั้นเองตั้งแต่ต้นมาทั้งนี้ได้เคยมีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วว่าทำสัญญากันเองเป็นทำนองขายฝากนั้นเจ้าของเดิมจะมาฟ้องเอาที่คืนโดยอ้างข้อสัญญาที่ให้ไถ่นั้นหาได้ไม่ (ฎีกาที่ 5/2465,352/2492) สำหรับคดีนี้โจทก์จะชนะคดีได้ก็ด้วยการแสดงว่าโจทก์มีสิทธิดีกว่าตามข้อกฎหมายดังกล่าวข้างต้น แต่คดีนี้โจทก์อ้างว่าโจทก์ยังคงแสดงสิทธิเป็นเจ้าของอยู่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเสียนั้นยังไม่สมควรจึงต้องพิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นดำเนินต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์จากสัญญาขายฝากไม่สมบูรณ์ ศาลพิจารณาเจตนาคู่กรณีและพฤติการณ์เจ้าของเดิม
ที่พิพาทเดิมเป็นของบิดามารดาโจทก์ ได้เอามาขายฝากโดยทำสัญญากันเองไว้แก่บิดามารดาจำเลย บิดามารดาจำเลยตายแล้วจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทเกิน 10 ปีแล้ว และเมื่อบิดามารดาโจทก์ตาย โจทก์ก็มิได้จัดการจดทะเบียนรับมฤดก ปล่อยให้ฝ่ายจำเลยครอบครองมาเกิน 10 ปี จนจำเลยได้มาร้องต่อศาลให้แสดงกรรมสิทธิว่าเป็นของจำเลย ศาลก็ได้สั่งแสดงกรรมสิทธิไปแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าแม้นิติกรรมการขายฝากไม่สมบูรณ์ก็พึงเห็นเจตนาของคู่กรณีได้ว่า บิดามารดาโจทก์มอบที่ดินให้บิดามารดาจำเลยดังเช่นขาย แต่สงวนไว้เพียงสิทธิไถ่ถอน ฉะนั้นจะเรียกว่าบิดามารดาจำเลยยึดถือที่ดินไว้ในฐานผู้แทนผู้ครอบครองตามมาตรา 1381 ป.ม.แพ่งยังไม่ได้ กรณีเช่นนี้เรียกได้ว่า บิดามารดาจำเลยเข้าครอบครองเพื่อตนโดยอาศัยการอนุญาตของเจ้าของ จึงมีปัญหาข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาว่าฝ่ายจำเลยได้ครอบครองมาโดยสงบเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาจนเกิน 10 ปีหรือไม่ การที่จะแสวงหาความจริงข้อนี้ ต้องพิเคราะห์กิริยาอาการของฝ่ายโจทก์ผู้มอบที่ดินให้นั้นด้วย เพราะถ้าเจ้าของเดิมไม่แสดงอาการเป็นเจ้าของเกี่ยวข้องกับที่นั้นเลย สละละทิ้งไปจนเกินเวลาอันสมควรแล้ว ก็พึงเห็นเจตนาของคู่กรณีได้ว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมให้ฝ่ายครอบครอบทำการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเพื่อผู้ครอบครองนั้นเองตั้งแต่ต้นมาทั้งนี้ได้เคยมีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วว่าทำสัญญากันเองเป็นทำนองขายฝากนั้นเจ้าของเดิมจะมาฟ้องเอาที่คืนโดยอ้างข้อสัญญาที่ให้ไถ่นั้นหาได้ไม่ (ฎีกาที่ 5/2465, 352/2492) สำหรับคดีนี้โจทก์จะชนะคดีได้ก็ด้วยการแสดงว่าโจทก์มีสิทธิดีกว่าตามข้อกฎหมายดังกล่าวข้างต้น แต่คดีนี้โจทก์อ้างว่าโจทก์ยังคงแสดงสิทธิเป็เจ้าของอยู่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานเสียนั้นยังไม่สมควร จึงต้องพิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นดำเนินพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินสาธารณะต้องได้มาตามกฎหมายที่ดินเท่านั้น การครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ ไม่สามารถใช้ได้
ที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน บุคคลจะได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ได้ก็เฉพาะแต่การกระทำตามกฎหมายที่ดิน ดั่งที่ได้มีบทบังคับไว้ในมาตรา 1334 กฎหมายที่ดินดั่งว่านี้ได้มีปรากฏ เป็นบทบัญญัติใน พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินเป็นลำดับมาจนถึงฉบับที่ 7 พ.ศ.2486
การร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ซึ่งผู้ร้องได้ครอบครองมา 20 ปีเศษเป็นของผู้ร้องนั้น ได้มีมาตรา 13,15 แห่ง พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 7)2486บังคับไว้แล้ว ส่วนการได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 1382 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ต้องเป็นทรัพย์ที่บุคคลมีกรรมสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญ
หมายเหตุได้ซ้อมความเข้าใจกับเจ้าของแล้วว่าท่านไม่ได้หมายความว่าการได้กรรมสิทธิ์ที่ดินแต่ก่อนๆ นั้นมีได้เฉพาะตามพ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน 2486

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิในที่ดินสาธารณะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่ดินเท่านั้น การครอบครองไม่เพียงพอ
ที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน บุคคลจะได้มาซึ่งกรรมสิทธิได้ก็ฉะเพาะแต่การกระทำตามกฎหมายที่ดิน ดั่งที่ได้มีบทบังคับไว้ในมาตรา 1334 กฎหมายที่ดินดั่งว่านี้ได้มีปรากฎ เป็นบทบัญญัติใน พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินเป็นลำดับมา จนถึงฉะบับที่ 7 พ.ศ. 2486
การร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ซึ่งผู้ร้องได้ครอบครองมา 20 ปีเศษเป็นของผู้ร้องนั้น ได้มีมาตรา 13,15 แห่ง พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉะบับที่ 7) 2486 บังคับไว้แล้ว ส่วนการได้กรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 1382 ป.ม.แพ่งฯ นั้น ต้องเป็นทรัพย์ที่บุคคลมีกรรมสิทธิอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินให้โดยไม่ระบุส่วนได้ส่วนเสีย สันนิษฐานเป็นเจ้าของร่วมกัน ส่วนเจตนาเป็นเจ้าของต้องพิสูจน์
บิดายกที่ดินรายพิพาทให้แก่นางนิตย์โจทก์และจำเลย ต่อมามีการรังวัดขอรับโฉนด การที่นางนิตย์โจทก์ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของร่วมเฉยๆ โดยไม่แบ่งส่วนไว้ ต้องสันนิษฐานว่ามีส่วนเท่ากัน (ม.1357)
โจทก์อ้างว่านาเป็นของโจทก์มากกว่าครึ่ง คือเท่าที่โจทก์ครอบครองอยู่เวลานี้ จำเลยต่อสู้ว่าได้มอบนาให้โจทก์ไว้ทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้ ดังนี้การที่โจทก์ทำนารายพิพาทไม่เป็นเหตุให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์จำเป็นต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของตาม ม.1382ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ข้อเจตนาเป็นเจ้าของนี้โจทก์นำสืบไม่ได้ก็ไม่มีสิทธิที่จะเอาที่นาทั้งหมดตามที่ครอบครองอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งเปลี่ยนฐานะการครอบครองจากผู้รับจำนองเป็นผู้ครอบครองเพื่อตนเอง
ซื้อที่ดินมีโฉนดมาโดยทำสัญญาซื้อขายกันเอง แล้วครอบครองที่ดินมาเกิน 10 ปีแล้วนั้น ถ้าได้ความว่า ในหน้าโฉนดยังมีการจำนองติดอยู่ และผู้ที่ขายที่ดินให้คือผู้ที่รับจำนองมาจากเจ้าของเดิม ดังนี้ รูปเรื่องแสดงอยู่ในตัวว่า ฝ่ายผู้ซื้อรับโอนมาเพียงสิทธิจำนองจากผู้รับจำนอง และเข้าครอบครองที่นี้ ในฐานะผู้รับจำนองเท่านั้น ฝ่ายผู้ซื้อจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ซึ่งเป็นการเปลี่ยนฐานะการครอบครองเดิม จะต้องแสดงเจตนาแจ้งให้เจ้าของที่ดินในโฉนดทราบเสียก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งเจตนาเปลี่ยนฐานะ หากรับโอนเพียงสิทธิจำนอง การครอบครองย่อมเป็นฐานะผู้รับจำนอง
ซื้อที่ดินมีโฉนดมาโดยทำสัญญาซื้อขายกันเอง แล้วครอบครองที่ดินมาเกิน 10 ปีแล้วนั้น ถ้าได้ความว่า ในหน้าโฉนดยังมีการจำนองติดอยู่ และผู้ที่ขายที่ดินให้คือผู้ที่รับจำนองมาจากเจ้าของเดิม ดังนี้ รูปเรื่องแสดงอยู่ในตัวว่า ฝ่ายผู้ซื้อรับโอนมาเพียงสิทธิจำนองจากผู้รับจำนองและเข้าครอบครองที่นี้ ในฐานะผู้รับจำนองเท่านั้น ฝ่ายผู้ซื้อจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ซึ่งเป็นการเปลี่ยนฐานะการครอบครองเดิมจะต้องแสดงเจตนาแจ้งให้เจ้าของที่ดินในโฉนดทราบเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 878/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดินและการครอบครองแทน: สิทธิของผู้ซื้อก่อนโอนกรรมสิทธิ์
สัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งได้วางมัดจำกันแล้ว และมีข้อตกลงกันว่าเงินจำนวนที่ยังค้างอยู่อีกนั้น ผู้ซื้อจะนำไปชำระให้ผู้ขายต่อหน้าเจ้าพนักงานหอทะเบียนที่ดินพร้อมทั้งทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน แต่ในระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายยังมิได้ทำการโอนกรรมสิทธิ์กันนี้ ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อ เข้าทำประโยชน์ในที่ดินแปลงนี้ได้ตามลำพังทันที ดังนี้ เป็นสัญญาจะซื้อขาย เพราะยังจะต้องชำระเงินที่ค้างและทำการโอนทะเบียนกันต่อไป
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่าที่นาที่ยึดไว้ ผู้ร้องได้ซื้อไว้จากจำเลย แต่เมื่อปรากฏว่าเป็นสัญญาจะซื้อขาย และการครอบครองของผู้ร้องในระหว่างรอการชำระเงินที่ค้างและการโอน เช่นนี้ ต้องถือว่าอยู่ในฐานะครอบครองแทนจำเลย ที่ยังเป็นของจำเลยอยู่ โจทก์มีสิทธิยึดไปชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้ทาง - จำเลยต้องพิสูจน์สิทธิเหนือทางเมื่อปิดกั้นการใช้ทางของผู้อื่น
คดีขอให้เปิดกั้นทางเดิน เมื่อจำเลยปิดกั้นทางเดิน จำเลยจะต้องแสดงให้ประจักษ์ว่าจำเลยมีสิทธิปิดกั้นเสียได้ คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิอย่างใดเหนือที่ตอนพิพาทนั้น จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะปิดกั้นทางเดินนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้ทาง – จำเลยต้องพิสูจน์สิทธิในที่ดินก่อนปิดกั้นทางเดินของผู้อื่น
คดีขอให้เปิดกั้นทางเดินเมื่อจำเลยปิดกั้นทางเดินจำเลยจะต้องแสดงให้ประจักษ์ว่าจำเลยมีสิทธิปิดกั้นเสียได้ คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิอย่างใดเหนือที่ตอนพิพาทนั้น จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะปิดกั้นทางเดินนั้นได้
of 167