พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,662 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิที่ดินต้องเป็นกรณีที่ออกโฉนดคลาดเคลื่อน หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุด การครอบครองไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
การที่จะสั่งเพิกถอน แก้ไข หรือออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หรือเพิกถอน แก้ไข เอกสารที่ได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือเอกสารที่ได้จดแจ้งรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 61 ได้นั้น ต้องเป็นกรณีที่เป็นการออกโฉนดคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไข
ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 โดยการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา1382 ส.กับพวกรวม 4 คน ยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงดำเนินคดีอย่างคดีอันมีข้อพิพาทและในคดีดังกล่าวศาลฎีกาวินิจฉัยมีใจความว่า ค.กับพวกได้เข้าครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 เป็นการชั่วคราวและถือวิสาสะ ไม่ใช่เข้าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ค.กับพวกผู้ครอบครองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 ผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้และเป็นผู้รับโอนที่ดินดังกล่าวย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน พิพากษาให้ยกคำร้องขอดังนี้ผลแห่งคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์และ ส.กับพวก ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 145 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังกล่าวแล้วว่าโฉนดที่ดินออกโดยชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867โดยการครอบครอง ดังนี้โจทก์จึงมิใช่เป็นผู้มีสิทธิหรือประโยชน์ได้เสียในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 และไม่อาจมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแก่โจทก์เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 61 และ ป.วิ.พ.มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 81 ตามฟ้องและโฉนดที่ดินเลขที่ 2867 ซึ่งออกตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวได้
ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 โดยการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา1382 ส.กับพวกรวม 4 คน ยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงดำเนินคดีอย่างคดีอันมีข้อพิพาทและในคดีดังกล่าวศาลฎีกาวินิจฉัยมีใจความว่า ค.กับพวกได้เข้าครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 เป็นการชั่วคราวและถือวิสาสะ ไม่ใช่เข้าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ค.กับพวกผู้ครอบครองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 ผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้และเป็นผู้รับโอนที่ดินดังกล่าวย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน พิพากษาให้ยกคำร้องขอดังนี้ผลแห่งคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์และ ส.กับพวก ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 145 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังกล่าวแล้วว่าโฉนดที่ดินออกโดยชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867โดยการครอบครอง ดังนี้โจทก์จึงมิใช่เป็นผู้มีสิทธิหรือประโยชน์ได้เสียในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 และไม่อาจมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแก่โจทก์เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 61 และ ป.วิ.พ.มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 81 ตามฟ้องและโฉนดที่ดินเลขที่ 2867 ซึ่งออกตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนโฉนดที่ดินต้องมีเหตุโฉนดคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุด หากเคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่จะสั่งเพิกถอนแก้ไขหรือออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินหรือเพิกถอนแก้ไขเอกสารที่ได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมหรือเอกสารที่ได้จดแจ้งรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา61ได้นั้นต้องเป็นกรณีที่เป็นการออกโฉนดคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไข ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่2867โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382ส. กับพวกรวม4คนยื่นคำคัดค้านศาลชั้นต้นจึงดำเนินคดีอย่างคดีอันมีข้อพิพาทและในคดีดังกล่าวศาลฎีกาวินิจฉัยมีใจความว่าค. กับพวกได้เข้าครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่2867เป็นการชั่วคราวและถือวิสาสะไม่ใช่เข้าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของค. กับพวกผู้ครอบครองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382ผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้และเป็นผู้รับโอนที่ดินดังกล่าวย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนพิพากษาให้ยกคำร้องขอดังนี้ผลแห่งคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์และส. กับพวกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145วรรคหนึ่งเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังกล่าวแล้วว่าโฉนดที่ดินออกโดยชอบด้วยกฎหมายและโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่2867โดยการครอบครองดังนี้โจทก์จึงมิใช่เป็นผู้มีสิทธิหรือประโยชน์ได้เสียในที่ดินโฉนดเลขที่2867และไม่อาจมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแก่โจทก์เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ในที่ดินโฉนดเลขที่2867ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา61และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่81ตามฟ้องและโฉนดที่ดินเลขที่2867ซึ่งออกตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนโฉนดที่ดินต้องมีเหตุโฉนดคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุด และผู้ฟ้องต้องมีสิทธิในที่ดิน
การที่จะสั่งเพิกถอน แก้ไข หรือออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หรือเพิกถอน แก้ไข เอกสารที่ได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมหรือเอกสารที่ได้จดแจ้งรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ได้นั้น ต้องเป็นกรณีที่เป็นการออกโฉนดคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไข ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ส. กับพวกรวม 4 คนยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงดำเนินคดีอย่างคดีอันมีข้อพิพาทและในคดีดังกล่าวศาลฎีกาวินิจฉัยมีใจความว่า ค. กับพวกได้เข้าครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 เป็นการชั่วคราวและถือวิสาสะ ไม่ใช่เข้าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ค. กับพวกผู้ครอบครองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้และเป็นผู้รับโอนที่ดินดังกล่าวย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน พิพากษาให้ยกคำร้องขอดังนี้ผลแห่งคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์และ ส. กับพวกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่งเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังกล่าวแล้วว่าโฉนดที่ดินออกโดยชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 โดยการครอบครอง ดังนี้โจทก์จึงมิใช่เป็นผู้มีสิทธิหรือประโยชน์ได้เสียในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 และไม่อาจมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแก่โจทก์เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 81 ตามฟ้องและโฉนดที่ดินเลขที่ 2867 ซึ่งออกตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้ครอบครองมีเจตนาเป็นเจ้าของและครอบครองเกิน 10 ปี
ผู้ร้องได้ครองครองทำนาในที่พิพาทในกรอบสีแดงตามแผนที่วิวาทเอกสารหมายร.5เนื้อที่10ไร่2งาน27ตารางวาตามที่ผู้ร้องนำชี้ยืนยันโดยมิใช่เช่าจากฝ่ายผู้คัดค้านทั้งสี่ถึงแม้ในช่วงแรกผู้ร้องจะเข้าใจผิดว่าที่พิพาทเป็นที่หัวไร่ปลายนาก็ตามหากแต่ผู้ร้องได้ยึดถือครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงไม่จำเป็นที่ผู้ร้องจะต้องรู้มาก่อนว่าที่ดินนั้นเป็นของผู้คัดค้านทั้งสี่แล้วแย่งการครอบครองเป็นเวลาสิบปีจึงจะได้กรรมสิทธิ์ฉะนั้นเมื่อผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าสิบปีผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์: เจตนาเป็นเจ้าของสำคัญกว่าการแย่งการครอบครอง
ผู้ร้องได้ครองครองทำนาในที่พิพาทในกรอบสีแดงตามแผนที่วิวาทเอกสารหมาย ร.5 เนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน 27 ตารางวา ตามที่ผู้ร้องนำชี้ยืนยัน โดยมิใช่เช่าจากฝ่ายผู้คัดค้านทั้งสี่ ถึงแม้ในช่วงแรกผู้ร้องจะเข้าใจผิดว่าที่พิพาทเป็นที่หัวไร่ปลายนาก็ตามหากแต่ผู้ร้องได้ยึดถือครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงไม่จำเป็นที่ผู้ร้องจะต้องรู้มาก่อนว่าที่ดินนั้นเป็นของผู้คัดค้านทั้งสี่แล้วแย่งการครอบครองเป็นเวลาสิบปีจึงจะได้กรรมสิทธิ์ ฉะนั้นเมื่อผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าสิบปี ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์: เจตนาเป็นเจ้าของสำคัญกว่าความรู้เรื่องกรรมสิทธิ์เดิม
ผู้ร้องได้ครอบครองทำนาในที่พิพาทในกรอบสีแดงตามแผนที่วิวาทเอกสารหมาย ร.5 เนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน 27 ตารางวา ตามที่ผู้ร้องนำชี้ยืนยัน โดยมิได้เช่าจากฝ่ายผู้คัดค้านทั้งสี่ ถึงแม้ในช่วงแรกผู้ร้องจะเข้าใจผิดว่าที่พิพาทเป็นที่หัวไร่-ปลายนาก็ตาม หากแต่ผู้ร้องได้ยึดถือครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงไม่จำเป็นที่ผู้ร้องจะต้องรู้มาก่อนว่าที่ดินนั้นเป็นของผู้คัดค้านทั้งสี่แล้วแย่งการครอบครองเป็นเวลาสิบปีจึงจะได้กรรมสิทธิ์ ฉะนั้นเมื่อผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าสิบปี ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของและต่อเนื่องครบ 10 ปี การใช้ประโยชน์ลักษณะทิ้งขยะไม่ถือเป็นการครอบครอง
จำเลยอ้างสิทธิการครอบครองปรปักษ์ต่อเนื่องจากการครอบครองของด. เจ้าของที่ดินเดิมที่ขายต่อให้จำเลยแต่จากคำเบิกความของด. ที่ว่าตนได้ใช้ที่ดินพิพาทเป็นทางเดินไปสู่ร้านอาหารด้านหนึ่งโดยคิดว่าเป็นทางสำหรับคนใช้ทั่วไปส่วนการใช้ประโยชน์ในการวางยางรถยนต์ที่ใช้แล้วนั้นก็เป็นการวางไว้ไม่เป็นระเบียบเพื่อใครจะนำไปใช้ต่ออันเป็นการบ่งชี้ชัดว่าด. ไม่ได้คิดครอบครองทางพิพาทในฐานะเจ้าของเพราะแม้แต่ยางรถยนต์ที่เลิกใช้ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของด. โดยแท้ด. ก็มิได้หวงแหนลักษณะการวางยางรถยนต์ดังกล่าวจึงเป็นการทิ้งมากกว่าทั้งก็มิได้ทำการปิดกั้นเป็นส่วนสัดในที่พิพาทเพื่อประโยชน์ในการทิ้งยางรถยนต์ด้วยตรงกันข้ามเป็นถนนสาธารณะมากกว่าการใช้ประโยชน์ในลักษณะที่ปรากฏนี้จึงได้ความชัดว่ามิได้มีเจตนายึดถือโดยมุ่งในสิทธิของที่พิพาทว่าเป็นของตนจึงมิใช่การครอบครองปรปักษ์ที่จำเลยจะอ้างเพื่อเป็นระยะเวลาต่อเนื่องได้การครอบครองที่เป็นส่วนสัดเพิ่งมีขึ้นโดยการกระทำของจำเลยนับระยะเวลาเริ่มแต่จำเลยซื้อที่ดินจากด. ตั้งแต่ปีพ.ศ.2529ถึงพ.ศ.2534ยังไม่ครบ10ปีจำเลยจึงไม่ได้สิทธิในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การยกให้ไม่สมบูรณ์ การครอบครองแทนทายาท และผลกระทบต่อการได้กรรมสิทธิ์
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดการที่ผู้ตายยกที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องซึ่งทายาทคนหนึ่งของผู้ตายแต่มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา525เมื่อการยกให้ไม่สมบูรณ์ต่อมาเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายและไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้แสดงเจตนาไปยังทายาทคนอื่นว่าผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อตนเองการครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้องจึงเป็นการครอบครองแทนทายาทคนอื่นด้วย คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382จึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความมรดกที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ในฐานะทายาท: การครอบครองต้องสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ มิใช่เพียงฐานะผู้จัดการมรดก
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด การที่ผู้ตายยกที่ดินพิพาทให้ผู้ร้อง ซึ่งทายาทคนหนึ่งของผู้ตาย แต่มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 เมื่อการยกให้ไม่สมบูรณ์ต่อมาเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายและไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้แสดงเจตนาไปยังทายาทคนอื่นว่าผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อตนเองการครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้องจึงเป็นการครอบครองแทนทายาทคนอื่นด้วย คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 จึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความมรดกที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้บุตรโดยไม่ทำตามฟอร์มและเจตนาครอบครองของทายาท ทำให้สิทธิในที่ดินยังไม่สมบูรณ์
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด การที่ผู้ตายยกที่ดินพิพาทให้ผู้ร้อง ซึ่งทายาทคนหนึ่งของผู้ตาย แต่มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่สมบูรณ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 525 เมื่อการยกให้ไม่สมบูรณ์ ต่อมาเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายและไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้แสดงเจตนาไปยังทายาทคนอื่นว่าผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อตนเอง การครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้องจึงเป็นการครอบครองแทนทายาทคนอื่นด้วย
คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามป.พ.พ.มาตรา 1382 จึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความมรดกที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามป.พ.พ.มาตรา 1382 จึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความมรดกที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น