พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,662 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6788/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำฟ้องเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดิน แม้คำสั่งศาลถึงที่สุดแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิพิสูจน์สิทธิที่ดีกว่าได้
ฟ้องขอให้เจ้าพนักงานที่ดินยุติการจดทะเบียนแก้ไขชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน หากจดแก้ไขแล้วให้ทำการให้กลับคืนสภาพเดิม มีความหมายอยู่ในตัวแล้วว่า หากมีการแก้ไขชื่อจากบุคคลอื่นในโฉนดเป็นชื่อของจำเลยก็ขอให้ศาลเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดิน เมื่อปรากฏว่าได้มีการแก้ไขชื่อในโฉนดเป็นชื่อของจำเลยแล้ว ศาลจึงพิพากษาให้เพิกถอนชื่อของจำเลยออกจากโฉนดที่ดินได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกเหนือที่ปรากฏในคำฟ้อง แม้ศาลมีคำสั่งว่า จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีก็มีสิทธิที่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2) ฎีกาขอให้แก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่คำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นได้ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไข เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6128/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ไม่จำเป็นต้องทราบว่าเป็นที่ดินของผู้อื่น
จำเลยได้ครอบครองที่ดินมีโฉนดของโจทก์ไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่จำเป็นที่จำเลยต้องรู้มาก่อนว่าที่ดินนั้นเป็นของโจทก์แล้วแย่งการครอบครองเป็นเวลา 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6065/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินมรดก การครอบครอง และภารจำยอม: ศาลพิจารณาความเป็นธรรมในการแบ่งมรดกและกำหนดภารจำยอมใหม่
โจทก์ทั้งสองได้รับส่วนแบ่งมรดกคือบ้านและที่ดินที่ใช้ปลูกบ้านและได้เข้าครอบครองเป็นส่วนสัด ที่ดินพิพาทดังกล่าวจึงตกเป็นสิทธิของโจทก์ทั้งสองการที่โจทก์ทั้งสองผ่านที่ดินของจำเลยและทายาทอื่นออกสู่ทาสาธารณะโดยโจทก์ทั้งสองไม่มีทางออกทางอื่นเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี โจทก์ทั้งสองจึงได้ภารจำยอมในการผ่านที่ดินส่วนที่เป็นของจำเลยและทายาทอื่น แต่ทางภารจำยอมที่โจทก์ทั้งสองแสดงไว้แตะต้องเพียงส่วนหนึ่งแห่งภารยทรัพย์และมีลักษณะเป็นการเพิ่มภาระแก่ที่ดินอันเป็นภารยทรัพย์เกินความจำเป็น ศาลเห็นสมควรกำหนดทางภารจำยอมของโจทก์ทั้งสองเสียใหม่ให้เหมาะสมและเป็นธรรม การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเงินที่ อ. ซื้อที่ดินพิพาทที่ส่วนที่เป็นมรดกรวมอยู่ด้วย ผลของคำพิพากษาย่อมทำให้เสียสิทธิของจำเลยจำเลยจึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5808/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภารจำยอมโดยอายุความเกิดขึ้นได้แม้เจ้าของที่ดินอนุญาตโดยทั่วไป ไม่กระทบสิทธิแม้มีการโอนกรรมสิทธิ์
ธรรมเนียมปฏิบัติของชาวบ้านในท้องถิ่นที่เอื้อเฟื้อกันกรณีผู้ที่อยู่ในสวนที่ลึกจะต้องอาศัยเดินผ่านสวนของผู้อื่นออกไปสู่ภายนอกได้ การอนุญาตดังกล่าวเป็นการแสดงออกชัดโดยทางปฏิบัติของเจ้าของที่ดินเป็นการทั่วไปที่ไม่หวงห้ามหรือสงวนสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ของตน ยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตนเป็นภารจำยอมที่เกิดขึ้นโดยสมัครใจ จึงมิใช่การอนุญาตด้วยความคุ้นเคยหรือวิสาสะเป็นการเฉพาะตัว ดังนั้นการใช้ทางพิพาทของโจทก์ในลักษณะดังกล่าวจึงได้สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ สิทธิภารจำยอมของโจทก์ได้มีขึ้นโดยผลแห่งกฎหมายรับรองและจะสิ้นสุดไปก็โดยเหตุต่าง ๆ ที่กฎหมายกำหนด ส่วนของจำเลยทั้งหมดที่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินภารยทรัพย์นี้เป็นสิทธิคนละอันกับสิทธิภารจำยอมของโจทก์ การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินภารยทรัพย์โดยทางทะเบียนไม่เป็นเหตุให้สิทธิภารจำยอมของโจทก์สิ้นสุดลงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5793/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์, ภารจำยอม, และผลกระทบของการซื้อที่ดินโดยสุจริตต่อสิทธิของผู้อื่น
เหตุผลที่ยกขึ้นฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่ตรงกับที่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้ จึงต้องถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบและไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์ทั้งสองครอบครองปรปักษ์ที่ดินใต้กันสาดจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว ท่อระบายน้ำทิ้งซึ่งอยู่ในที่ดินดังกล่าวย่อมตกเป็นสิทธิของโจทก์ทั้งสองโดยไม่ต้องชี้ขาดว่าเป็นภารจำยอมอีกหรือไม่ ภารจำยอมในที่ดินของจำเลยไม่สิ้นไปเพราะจำเลยซื้อที่ดินโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสองเพราะตามบทบัญญัติดังกล่าวหมายถึงสองฝ่ายได้สิทธิอย่างเดียวกันโดยเหตุที่แตกต่างกัน แต่ในกรณีภารจำยอมนี้โจทก์ฝ่ายเดียวเป็นผู้ได้สิทธิภารจำยอม จำเลยมิใช่เป็นผู้ได้สิทธิ แต่กลับเป็นผู้ที่จะต้องรับรู้สิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1387 กรณีจึงไม่อาจบังคับตามมาตรา 1299 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5692/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องสงบ เปิดเผย และต่อเนื่องระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การครอบครองระหว่างคดีความไม่อาจนำมาอ้างเป็นสิทธิได้
โจทก์จำเลยมีคดีพิพาทเกี่ยวกับที่ดินพิพาทกันเรื่อยมา โดยมีการยื่นอุทธรณ์ฎีกาต่อศาลจนถึงปี 2523 ศาลฎีกาจึงได้พิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยกับสามีออกจากที่ดินพิพาท การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทในระหว่างที่คดีฟ้องร้องอยู่กับโจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการครอบครองโดยสงบ โดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ เมื่อนับระยะแล้วที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าวจนถึงวันที่จำเลยยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธั์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์เป็นเวลายังไม่ถึง 10 ปี จำเลยจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทแล้วก็ตาม ก็ไม่อาจยกขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอกคดีดังกล่าว และพิสูจน์ได้ว่ามีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา-ความแพ่ง มาตรา 145 วรรคสอง (2)
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทแล้วก็ตาม ก็ไม่อาจยกขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอกคดีดังกล่าว และพิสูจน์ได้ว่ามีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา-ความแพ่ง มาตรา 145 วรรคสอง (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5554/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1382 พยานบุคคลใช้ได้
การนำสืบข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง ไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 คู่ความอาจสืบพยานบุคคลได้ การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังพยานบุคคลประกอบระวางรูปแผนที่แบ่งแยก แล้วเชื่อข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของพยานบุคคล จึงเป็นเรื่องใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน หาใช่เป็นการนำสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารหรือหักล้างพยานเอกสารในกรณีที่มีกฎหมายบังคับต้องมีเอกสารมาแสดงไม่
คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายโดยแจ้งชัดว่า จำเลยได้ขายที่พิพาทให้แก่บิดาโจทก์ บิดาโจทก์และโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้ว โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยได้ให้การว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทจริง แต่ไม่ได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ จำเลยไม่ได้ขายที่พิพาทให้แก่บิดาโจทก์ บิดาโจทก์ขอทำนาในที่พิพาทแล้วตกลงให้ข้าวเปลือกเป็นค่าตอบแทนบิดาโจทก์และโจทก์ครอบครองที่พิพาทแทนจำเลยเท่านั้น สาระสำคัญที่เป็นประเด็นพิพาทก็คือ โจทก์ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของจนได้กรรมสิทธิ์โดยผลของกฎหมายหรือเป็นเพียงครอบครองที่พิพาทแทนจำเลย ดังนั้นแม้การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทไว้แต่เพียงว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทแทนจำเลยหรือไม่ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าการครอบครองของโจทก์นั้น ถ้าโจทก์ไม่ได้ครอบครองแทนจำเลยโจทก์ก็ต้องครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไว้ มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ได้สละประเด็นแต่อย่างใด การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้วจึงมิใช่เป็นการพิพากษานอกประเด็น
คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายโดยแจ้งชัดว่า จำเลยได้ขายที่พิพาทให้แก่บิดาโจทก์ บิดาโจทก์และโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้ว โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยได้ให้การว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทจริง แต่ไม่ได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ จำเลยไม่ได้ขายที่พิพาทให้แก่บิดาโจทก์ บิดาโจทก์ขอทำนาในที่พิพาทแล้วตกลงให้ข้าวเปลือกเป็นค่าตอบแทนบิดาโจทก์และโจทก์ครอบครองที่พิพาทแทนจำเลยเท่านั้น สาระสำคัญที่เป็นประเด็นพิพาทก็คือ โจทก์ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของจนได้กรรมสิทธิ์โดยผลของกฎหมายหรือเป็นเพียงครอบครองที่พิพาทแทนจำเลย ดังนั้นแม้การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทไว้แต่เพียงว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทแทนจำเลยหรือไม่ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าการครอบครองของโจทก์นั้น ถ้าโจทก์ไม่ได้ครอบครองแทนจำเลยโจทก์ก็ต้องครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไว้ มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ได้สละประเด็นแต่อย่างใด การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้วจึงมิใช่เป็นการพิพากษานอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5554/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 การรับฟังพยานบุคคลแทนเอกสาร
การนำสืบข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง จึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 คู่ความจึงสืบพยานบุคคลได้ โจทก์บรรยายว่า จำเลยได้ขายที่พิพาทให้แก่บิดาโจทก์บิดาโจทก์และโจทก์ได้ครอบครองมาโดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยให้การ ว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทจริง แต่ไม่ได้ครอบครองอย่างเป็น เจ้าของ จำเลยไม่ได้ขายพิพาทให้แก่บิดาโจทก์ บิดาโจทก์ขอทำนา ในที่พิพาทแล้วตกลงให้ข้าวเปลือกเป็นค่าตอบแทน บิดาโจทก์และ โจทก์ครอบครองที่พิพาทแทนจำเลยเท่านั้น สาระสำคัญที่เป็น ประเด็นพิพาทก็คือ โจทก์ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของ จนได้กรรมสิทธิ์โดยผลของกฎหมาย หรือเป็นเพียงครอบครองที่ พิพาทแทนจำเลย แม้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทไว้แต่เพียงว่า โจทก์ครอบครองแทนจำเลยหรือไม่ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แน่แท้ว่าการครอบครองของโจทก์นั้น ถ้าโจทก์ไม่ได้ครอบครองแทนจำเลยโจทก์ก็ต้องครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของโดยความสงบและ โดยเปิดเผยตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไว้ มิใช่เรื่องที่โจทก์สละประเด็น การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา เกินกว่า 10 ปี โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ตามมาตรา 1382 แล้ว จึงมิใช่เป็นการพิพากษานอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5415/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องอ้างเจตนาเป็นเจ้าของต่อเนื่องสิบปี หากมิได้อ้าง ศาลวินิจฉัยนอกประเด็น
การให้การต่อสู้ว่าครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นจนได้กรรมสิทธิ์เป็นข้ออ้างที่เป็นการรอนสิทธิในทรัพย์สินของผู้อื่น ดังนั้นข้ออ้างจะต้องชัดแจ้งตามเกณฑ์ที่ได้บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 กล่าวคือ นอกจากจะต้องอ้างว่าได้ครอบครองโดยสงบและเปิดเผยแล้ว ยังจะต้องอ้างว่าโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีแล้วด้วย ถ้าทรัพย์สินนั้นเป็นอสังหาริมทรัพย์ เมื่อจำเลยให้การแต่เพียงว่าได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผย โดยมิได้อ้างว่าด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวในคดีการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ได้ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทและปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนโจทก์มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นศาลฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5310/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางต้องเป็นการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดิน ไม่ใช่การเสียค่าตอบแทน
การได้สิทธิในทางภาระจำยอมโดยอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 1401 ประกอบมาตรา 1382 ต้องได้ใช้ทางโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินเพื่อให้ได้ทางภาระจำยอม การใช้ทางโดยเสียเงินค่าตอบแทนแก่เจ้าของที่ดินจึงมิใช่เป็นการใช้สิทธิในทางนั้น โดยการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินแม้จะใช้ทางมาเกินกว่า 10 ปี ก็ไม่อาจอ้างว่าได้สิทธิภาระจำยอมตามบทกฎหมายดังกล่าว